โออิชิ ส่ง ชาเขียวกลิ่นข้าวโพดฮอกไกโด เขย่าตลาดชาเขียว 1.7 หมื่นล้านบาท
ตลาดชาเขียวพร้อมดื่มมีมูลค่า 17,848 ล้านบาท เซกเมนต์น้ำตาล 0% โตแรง 34% โออิชิ จับเทรนด์ เปิดตัว ชาเขียวกลิ่นข้าวโพดฮอกไกโด น้ำตาล 0% เจาะสายเฮลท์ตี้
วันที่ 5 กันยายน 2567 นางสาวสุภรณ์ เด่นไพศาล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานธุรกิจเครื่องดื่ม บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปัจจุบันตลาดชาเขียวพร้อมดื่มในไทย (อ้างอิงนีลเส็น ณ ก.ค. 67) มีมูลค่า 17,848 ล้านบาท โดยโออิชิ ครองมาร์เก็ตแชร์อันดับ 1 ของตลาดด้วยสัดส่วน 41.8%
ขณะที่เซกเมนต์ชาเขียวน้ำตาล 0% มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง ด้วยอัตราการเติบโต 34% จากเทรนด์คนรักสุขภาพ
“บริษัทฯ จึงเปิดตัว โออิชิ กรีนที กลิ่นข้าวโพดฮอกไกโด น้ำตาล 0% เพื่อตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการเครื่องดื่มรสชาติดีที่ช่วยเพิ่มความสดชื่นและสุขภาพที่ดี ตามกระแสการดูแลสุขภาพของผู้บริโภคในประเทศไทย”
[caption id="attachment_127960" align="aligncenter" width="1024"]
นางสาวสุภรณ์ เด่นไพศาล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานธุรกิจเครื่องดื่ม บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)[/caption]
โดยที่ผ่านมา โออิชิ พัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์ และเป็นผู้นำในการเปิดเซกเมนต์ใหม่ให้ตลาด และได้รับการตอบรับอย่างสูงอาทิ โออิชิ ฮันนี่เลมอน น้ำตาล 0% หรือ โออิชิ ชาคูลล์ซ่าที่ประสบความสำเร็จ
เช่นเดียวกับ “โออิชิ กลิ่นข้าวโพดฮอกไกโด น้ำตาล 0%” ที่นำเอเชียเทรนด์ฮิตผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติที่กำลังมาแรง มาสร้างสรรค์เป็นชาเขียวพร้อมดื่ม
เสริมด้วยการเลือกใช้ 2 พรีเซนเตอร์สุดฮอตทั้ง “จิมมี่ จิตรพล” และ “ซี ทวินันท์” พร้อมโปรแกรมการแจกตัวอย่างผลิตภัณฑ์ทั่วประเทศ และกิจกรรมสนับสนุน
จะสามารถสร้างการรับรู้และการตอบรับที่ดีจากแฟนโออิชิ รวมทั้งลูกค้าแบรนด์อื่นให้เปิดใจทดลองดื่ม และขยายฐานไปสู่ผู้บริโภคกลุ่มใหม่ที่ห่วงใยในสุขภาพ ให้มาเปิดจิบสัมผัสและชื่นชอบได้อย่างแน่นอน
ซึ่งจะช่วยสร้างความแข็งแกร่งทั้งด้านยอดขายให้กับโออิชิและการเติบโตให้กับตลาดชาเขียวพร้อมดื่ม
สำหรับตลาดส่งออก คิดเป็นสัดส่วน 18% ของพอร์ตผลิตภัณฑ์โออิชิ โดยปัจจุบัน โออิชิ กรีนที เข้าไปทำตลาดหลักในประเทศกัมพูชา ลาว และพม่า รวมทั้งสร้างโอกาสเติบโตในตลาดใหม่ในกลุ่มประเทศอาเซียน ในฐานะชาเขียวพร้อมดื่มยอดนิยม
โดยในปีงบประมาณปัจจุบัน (ตุลาคม 2566 - มิถุนายน 2567) มีการเติบโต 15% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลจากการทำการตลาดเพื่อตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภคในแต่ละประเทศอย่างต่อเนื่อง
ควบคู่ไปกับการจัดกิจกรรมเพื่อสร้างการมีส่วนร่วมโดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่น ผ่านกลุ่มพรีเซนเตอร์ที่ได้รับความนิยมอย่างสูง ซึ่งช่วยสร้างกระแสความนิยมในศิลปินและ Soft Power ของไทยอย่างต่อเนื่อง