ทำไมถึงเรียกว่า ‘ยุคกลาง’ ?
ถ้านึกถึงคำว่า ‘ยุคกลาง’ เราก็ต้องนึกถึงยุคสมัยหนึ่งในประวัติศาสตร์ของยุโรป โดยเป็นยุคที่อยู่ตรงกลางระหว่างประวัติศาสตร์ยุคโบราณ (Ancient History) กับประวัติศาสตร์ยุคใหม่ (Modern History)
โดยทั่วไปยุคกลางคือช่วงเวลาตั้งแต่ศตวรรษที่ 5 ถึง 15 คือเริ่มต้นหลังการล่มสลายของจักรวรรดิโรมันตะวันตก และสิ้นสุดลงเมื่อเข้าสู่ยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาการ (หรือเรอเนสซองส์) ที่ถือเป็นช่วงต้นของประวัติศาสตร์ยุคใหม่ (Early Modern History)
ว่าแต่สงสัยไหมว่า ทำไมเราถึงเรียกยุคสมัยนี้ว่ายุคกลาง แน่นอนผู้คนในยุคกลางก็คงไม่เรียกช่วงเวลาที่พวกเขามีชีวิตอยู่ว่ายุคกลางแน่นอน (เพราะคงงงว่าพวกเขาอยู่ตรงกลางของอะไร)
ยุคกลางเป็นสิ่งถูกนิยามขึ้นโดยนักประวัติศาสตร์และนักวิชาการในยุคหลัง แนวคิดดังกล่าวอาจจะเกิดขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 เมื่อกวีชาวอิตาเลียนนามว่า เพทราร์ก (Petrarch) ได้เสนอว่า ยุคสมัยที่เขามีชีวิตอยู่คือยุคที่ดำมืดและเสื่อมโทรม ตรงข้ามกับยุคโบราณของอารยธรรมกรีก-โรมัน ที่เป็นยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่
ต่อมาในศตวรรษที่ 15 ลีโอนาร์โด บรูนี (Leonardo Bruni) นักมานุษยนิยมชาวอิตาเลียนก็ได้เสนอว่า ประวัติศาสตร์สามารถแบ่งออกได้เป็นสามยุค ได้แก่ยุคโบราณ ยุคกลาง และยุคใหม่ (หรือช่วงเวลาที่บรูนีมีชีวิตอยู่)
โดยยุคใหม่ของบรูนีก็คือยุคแห่งการฟื้นฟูศิลปวิทยาการและองค์ความรู้จากยุคโบราณ เป็นยุคสมัยใหม่ของมวลมนุษยชาติ หรือที่ภายหลังเรียกว่าเรอเนสซองส์ (Renaissance) ที่ในภาษาฝรั่งเศสแปลว่าการเกิดใหม่
อย่างไรก็ตามในช่วงแรก การแบ่งประวัติศาสตร์เป็นสามยุคตามแนวคิดของบรูนีก็ยังไม่เป็นที่ยอมรับ จนกระทั่งได้รับยอมรับและกลายเป็นมาตรฐานในศตวรรษที่ 17
ขอแถมท้ายอีกนิดคือ คำว่า ‘Medieval’ ที่หมายถึงยุคกลางนั้น ก็มาจากคำที่แปลว่ายุคกลางในภาษาละตินอย่าง ‘Medium Aevum’ นั่นเอง
อ้างอิง
• History Extra. How and when did the medieval period get its name?. https://www.historyextra.com/period/medieval/how-when-why-did-we-start-calling-medieval-era-name/