คำถามวัดใจกลับมาอีกแล้ว ในประเด็นของ “ถ้าเรามีเรื่องรู้สึกผิดในใจ ไม่สบายใจ จะบอกคนรักดีไหม หรือปล่อยผ่านไปเลย” ใครเคยเจอเหตุการณ์ประมาณนี้บ้างคะ รู้สึกตะขิดตะขวงในใจกันมากแค่ไหน จริง ๆ มันก็ตัดสินใจยากเหมือนกันนะว่าจะทำยังไงกับความไม่สบายใจนี้ดี บางคนคิดว่า บอกดีกว่า ไม่ว่าเรื่องจะร้ายแรงแค่ไหนก็ดีกว่าเก็บไว้ในใจ เป็นทุกข์ไปกับมันจนวันสุดท้าย แต่บางคนก็คิดว่า ไม่ต้องบอกก็ได้ ถ้าไม่ได้มีประเด็นอะไรมาจุดประกายให้ต้องเปิดเผยนี่นา
ในเรื่องความสัมพันธ์ บางเรื่องมักจะไม่มีคำตอบที่ถูกหรือผิดชัดเจน เรื่องนี้ก็เช่นกัน การตัดสินใจจะเลือกปิดหรือเปิดเผยก็คงแล้วแต่คู่ แต่ก่อนตัดสินใจอะไรไป อยากให้ลองพิจารณาปัจจัยเหล่านี้ดูก่อน ว่าคุ้มมั้ยที่จะเลือก A หรือ B ก็ตาม
มีผลกระทบต่อความสัมพันธ์ VS ไม่มีผลต่อความสัมพันธ์
สเต็ปแรกเลยต้องย้อนกลับมาถามตัวเองก่อนว่า เรื่องที่เรากำลังรู้สึกไม่ดีนั้น มันมีผลกระทบต่อความสัมพันธ์ที่เป็นอยู่หรือไม่ ทางตรงหรือทางอ้อม มากหรือน้อย ชั่งตวงวัดให้ดีก่อนจะไปสู่สเต็ปต่อไปที่จะต้องตัดสินใจเลือกการกระทำ
หากคิดแล้วว่าเรื่องนั้น ไม่บอก ก็ไม่ได้มีผลอะไรต่อใคร ไม่ได้สร้างความเดือดร้อน ไม่ได้ทำให้ใครลำบาก แล้วเราเองก็ไม่ได้จมทุกข์กับมันมาก ก็ไม่ต้องเปิดเผยไป ปล่อยมันไปกับกาลเวลาก็ได้
แต่หากว่าเรื่องนั้นอาจมีผลต่อความสัมพันธ์ หรือทำให้เรารู้สึกร้อนรนใจตลอดเวลา ก็ต้องมาคิดต่ออีกว่า ถ้าสารภาพไปแล้วจะมีผลอะไรตามมาบ้าง
อย่างแรกเลยต้องถามว่า ในความไม่สบายใจนั้น เราเป็นคนเริ่มเอง หรือแค่มีส่วนร่วมเฉย ๆ ? ความรู้สึกผิดและโอกาสในการถูกให้อภัยก็ต่างกันไปอีก เช่น หากรู้สึกผิด เพราะเผลอใจไปทักแฟนเก่า แนวโน้มของความผิดอาจมากกว่าการที่เราอยู่เฉย ๆ แล้วแฟนเก่าทักมาหาอีกนะ ถ้าสารภาพกับแฟนคนปัจจุบันไป กรณีแรกอาจจะสร้างหายนะต่อความสัมพันธ์ได้ ส่วนแบบหลังอาจไม่เป็นไร หากเราวางตัวดีและบริสุทธ์ใจซะอย่าง อะไรก็ทำลายเราไม่ได้อีกนั่นแหละ
สรุปความก็คือ ที่กำลังรู้สึกไม่ดีอยู่นั้น เป็นแค่ความไม่สบายใจที่ดันไปมีส่วนร่วมต่อเรื่องไม่ถูกต้อง หรือเป็นความผิดที่เราทำเรื่องไม่เหมาะสมขึ้นมาเอง
ถ้าเลือกจะบอกก็ต้องดูสภาพแวดล้อมประกอบ
ไม่ใช่ว่าสุ่มสี่สุ่มห้าไปสารภาพความรู้สึกผิด ต้องดูบรรยากาศแวดล้อมเวลานั้นด้วย หากกำลังระหองระแหงหรืองอนกันอยู่ ยิ่งไปบอกเรื่องลบ ๆ ก็คงไม่ใช่เรื่องดีที่นัก เพราะคงไม่มีทางจะกลับสถานการณ์ให้เป็นบวกได้แน่ ๆ (แต่ถ้าถูกแฟนบวกตัวต่อตัว อันนี้อาจเป็นไปได้ ฮา) ถ้าเลือกจะพูดออกไปก็ขอเป็นจังหวะดี ๆ หน่อยแล้วกันนะ ขอเป็นช่วงอารมณ์ดี ๆ กราฟความสัมพันธ์กำลังไปได้สวย และที่สำคัญ โทนเสียงที่จะบอกต้องมั่นใจว่าจริงใจ ไม่มีพิรุธ ไม่งั้นจะเลยเถิดไปอีก
ควรทำให้เรื่องไม่สบายใจนี้เหมือนเป็นการเล่าสู่กันฟัง แสดงความบริสุทธิ์ใจออกไปอย่างที่สุด เท่านี้อีกฝ่ายก็คงไม่รู้สึกติดใจอะไรแล้วล่ะ หรือหากน้อยใจบ้างก็คงเคลียร์กันง่ายขึ้น เพราะเราแสดงความจริงใจออกไปแล้วนี่นา
ไม่งั้นเราคงเลือกให้มันเงียบหายไปตามกาลเวลาไม่ดีกว่าเหรอ…
เลือกแบบไหนก็ต้องประเมินสถานการณ์
สมมติว่าเราไม่สบายใจเอามาก ต้องการที่จะบอก ลองคาดการณ์เรื่องราวที่อาจเกิดขึ้นต่อความสัมพันธ์ด้วยนะ บางคนอาจไม่พอใจมาก กลายเป็นทะเลาะกัน หรือเลวร้ายที่สุดคือรับไม่ได้ ขอจบความสัมพันธ์ อันนี้ก็ต้องคิดให้มาก คิดให้ดี ไม่จำเป็นต้องคิดให้ไว แต่ขอให้คิดนาน ๆ
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าเรื่องที่เจอมานั้น มันกระทบกระเทือนต่อเราและคนรักมากขนาดไหน และไม่ว่าอย่าง สุดท้ายเราก็ต้องยอมรับผลลัพธ์ที่ตามมาให้ได้เหมือนกัน ถ้าบอกแล้ว ไม่เกิดปัญหา ก็ดีไป แต่ถ้าบอกแล้วมีปัญหาตามมา ก็ต้องทำใจให้ได้ เพราฉะนั้นทางแยกที่ต้องเลือกว่า บอก หรือ ทนเก็บไว้ในใจ ไม่มีใครตอบได้ นอกจากตัวเราเอง
เลือกไม่บอกก็ต้องไม่ทำให้เกิดซ้ำอีก
ใครเลือกแล้วว่าจะเก็บไว้ในใจคนเดียว เพราะไม่เห็นประโยชน์ของการบอกออกไป อาจเพราะไม่อยากให้คนรักไม่สบายใจ หรือไม่อยากให้เป็นชนวนเหตุของการทะเลาะ ไม่ว่าเหตุผลอะไรก็ตาม ก็ต้องพยายามไม่ให้เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นซ้ำอีก จะได้ไม่รู้สึกผิดเรื่องเดิม ๆ
และมันยังแสดงความจริงใจต่อตัวเองอีกด้วยว่า เราตั้งใจปรับปรุงและพัฒนาตัวเองให้ดีกว่าเดิม ควบคุมตัวเองให้ได้มากกว่า ไม่ว่าเรื่องเหล่านั้น เราจะทำผิดเองหรือเอาตัวเองไปเอี่ยวให้มันเกิดขึ้นก็ตาม
และนี่เป็นเรื่องราวที่ผู้เขียนได้รับจากการพูดคุยกับคนรอบตัวเกี่ยวกับประเด็นนี้ ซึ่งก็ค่อนข้างมีความคิดเห็นที่หลากหลาย แต่สามารถรวบรวมมาเป็นคำแนะนำเล็ก ๆ ได้ประมาณนี้ หากใครเห็นด้วยหรือคิดแตกต่างออกไปก็สามารถแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมได้ในคอมเมนต์นะคะ
"อยากให้เขาปฏิบัติกับเราแบบไหน เราก็ต้องทำแบบนั้นด้วย"
แน่นอนที่สุดว่า การเอาใจเขามาใส่ใจเราเป็นปัจจัยนึงที่ต้องมีในชีวิตคู่(รัก) ลองคิดดูว่าถ้าแฟนมีลับลมคมในต่อเรา เราเองก็คงไม่ปลื้มเหมือนกันใช่ไหม เพราะฉะนั้นอยากให้ใครปฏิบัติตัวกับเราแบบไหน เราก็ต้องทำแบบนั้นด้วยเหมือนกัน อยากให้บอกกันทุกอย่าง เราก็ต้องทำแบบนั้นกับเขาเช่นกัน เพื่อสร้างความสบายใจให้กับทุกฝ่าย แล้วปัญหาจะไม่เกิดตามมาแน่นอนถ้าเราเชื่อใจกัน
"การวางตัวเป็นเรื่องสำคัญมาก"
ไม่ว่าจะมีใครหรืออะไรมาเจ๊าะแจ๊ะ สะกิดให้ความสัมพันธ์สั่นคลอน การวางตัวที่เหมาะสมจะเป็นเหมือนกำแพงสะท้อนสิ่งเหล่านั้นออกไปได้เสมอ ต่อให้แฟนเก่าทักมาวันละร้อยรอบ มีคนมาชวนคุยวันละพันครั้ง แต่หากเรามั่นคง ไม่เกินขอบเขต ไม่มีความลับ ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถทำลายความสัมพันธ์ปัจจุบันได้แน่ ๆ เพราะเราวางตัวดี จัดการได้ ก็ไม่มีอะไรต้องกลัว
"ความลับไม่มีในโลก"
ไม่โป๊ะวันนี้ ก็อาจจะโป๊ะวันหน้า เสียงคนรอบข้างส่วนมากเลือกที่จะบอกออกไปหากมีเรื่องไม่สบายใจเกิดขึ้น เพราะพวกเขาเชื่อในประโยคนี้ "ความลับไม่มีในโลก"
สักวันอาจจะมีเหตุการณ์ให้เรื่องราวถูกเปิดเผยได้ และหากไปถึงวันนั้น ความจริงใจก็อาจสายไปเสียแล้ว ก็เลยชิงบอกก่อนดีกว่า ตัดไฟตั้งแต่ต้นลม บอกเป็นบอกถือคติ ‘บอกไปก่อนถือเป็นข้อได้เปรียบ!’
อีกอย่างคือการสารภาพเองดีกว่าไปรู้จากคนอื่น เพราะมันยิ่งดูมีพิรุธเข้าไปใหญ่นะ เพราะฉะนั้น เมื่อไหร่ที่รู้สึกว่าไม่สบายใจ คิดแล้วว่าเก็บไว้ก็เป็นทุกข์ มองหน้าแฟนไม่สนิทใจ ก็บอกไปจะดีกว่า โทษหนักจะกลายเป็นเบา
แต่ไม่ว่าจะเลือกบอกหรือไม่บอกออกไป อย่างน้อยที่สุดคุณก็มีความรู้สึกผิดเกิดขึ้นในใจ มันแสดงว่าคุณรู้ผิดชอบชั่วดีแล้ว มันดีกว่าคนที่ทำผิดแต่ไม่เคยรู้สึกผิดเลย ใช่ไหมล่ะ…
คำถามนี้อาจไม่มีคำตอบที่ถูกหรือผิดร้อยเปอร์เซ็น อยู่ที่คุณสะดวกแบบไหน ลองตัดสินใจกันดูนะ
.
ความเห็น 31
อดีต ดีดทิ้งเถอะ not important for my life
เราไม่สนใจอดีต ดูที่ปัจจุบัน และอนาคต
คนเราอดีต มันก็ผิดพลาดได้กันทั้งนั้น ถ้าปัจจุบันดีก็จบ
08 พ.ย. 2564 เวลา 07.03 น.
Kemm
ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย แต่จะตายเมื่อแหลงความจริง (ร้องเป็นเพลงนะครับ) 555
07 พ.ย. 2564 เวลา 13.37 น.
Montiya 😉
พอบอกความลับไป แฟนขอเลิกทันทีเลย
ความลับที่ว่าคือ..เรามีสามีแล้ว 🤣🤣🤣
ตอนนี้ยังไม่กล้าบอกสามีเลย
ว่าเพิ่งเราเลิกกับแฟนมา
เป็นความลับที่อยู่ในใจ เป็นความลับที่อยู่ข้างใน
แต่ไม่รู้จะบอกเธอได้อย่างไร🤣🤣🤣
06 พ.ย. 2564 เวลา 05.02 น.
Sweed_ream
ไม่บอกดีกว่า
05 พ.ย. 2564 เวลา 13.54 น.
ในทางการปฏิบัติธรรม หลวงปู่สอนว่า "อดีตล่วงไปแล้วแก้ไขไม่ได้ อนาคตยังไม่ได้ไม่ถึง ปัจจุบันให้ทำดีที่สุด"
05 พ.ย. 2564 เวลา 13.45 น.
ดูทั้งหมด