3 ทุ่มยังไม่ต้องเททิ้ง! ย้อนวันวาน เมื่อ 'ถนนข้าวสาร' ยัง (เมา) มันส์อยู่ - เรื่องใกล้ใกล้ตัว

เฉลิมฉลองให้กับการเปิดประเทศและวันปลดล็อกมาตรการล็อกดาวน์ที่ทำให้บรรดาร้านอาหารเริ่มกลับมาขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กันได้อีกครั้ง ด้วยการ Throwback ย้อนวันวานไปสู่บรรยากาศของการล่องราตรีในกรุงเทพมหานครที่เคยเป็นสวรรค์ของเหล่านักเดินทางจากทั่วโลกและเชื่อได้ว่าเป็นสิ่งที่หลาย ๆ คนกำลังคิดถึง ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อพูดถึงสถานที่ที่เป็นจุดหมายปลายทางของปาร์ตี้และการใช้ชีวิตยามค่ำคืนแล้ว แสงสีเสียงของเมืองกรุงก็มักจะรวมตัวกันอยู่ที่ 'ถนนข้าวสาร' บนเกาะรัตนโกสินทร์ จุดเช็กอินสุดฮิตที่เคยเฟื่องฟูสุด ๆ ก่อนยุคโควิด-19

กว่าจะมาเป็นข้าวสารในเวอร์ชั่นสนุกสุดเหวี่ยงเป็นอย่างไร และทำไมถนนสายนี้ถึงเป็นที่รักของนักเที่ยวกลางคืน หาคำตอบได้ใน 'เรื่องใกล้ใกล้ตัว' สัปดาห์นี้!

จากคลองสู่ถนนการค้า

แผนการสร้างถนนข้าวสารเกิดขึ้นในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ประมาณปีพ.ศ. 2435 โดยเริ่มต้นตั้งแต่หน้าวัดชนะสงครามไปบรรจบกับถนนตะนาวใกล้สี่แยกคอกวัว ก่อนสร้างบริเวณแถวนี้เคยเป็นคลอง ดังนั้นในการตัดถนนจึงต้องใช้การถมพื้นที่ทั้งหมด ส่วนชื่อ 'ถนนข้าวสาร' เป็นชื่อพระราชทานที่ในหลวงรัชกาลที่ 5 ทรงตั้งให้ตามธุรกิจที่เกิดขึ้นบนถนนเส้นนี้ ณ เวลานั้น ซึ่งถนนข้าวสารเป็นแหล่งค้าขายข้าวสารที่ใหญ่ที่สุดในเขตพระนคร และต่อมาก็มีธุรกิจประเภทอื่น ๆ มาเปิดหน้าร้านบนถนนเส้นนี้ จนกลายเป็นย่านการค้าที่รุ่งเรืองในที่สุด

ยุคทองของเกสต์เฮ้าส์และการเข้ามาของนักท่องเที่ยว

ภาพจำของข้าวสารต้องมี 'เกสต์เฮ้าส์' หรือบ้านพักของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เสนอราคาต่อคืนเพียงแค่หลักร้อยเป็นส่วนประกอบสำคัญ จุดริเริ่มที่พลิกย่านการค้าให้กลายเป็นแหล่งที่พักและสถานที่ท่องเที่ยวนี้เกิดขึ้นย้อนกลับไปในปีพ.ศ. 2525 ปีแห่งการเฉลิมฉลอง 200 ปีแห่งการสถาปนากรุงเทพมหานครเป็นเมืองหลวง บรรดานักท่องเที่ยวชาวต่างชาติก็พากันจูงมือกันมาเที่ยวกรุงเทพฯ เพื่อเข้ามาชื่นชมกับงานเฉลิมฉลองนี้ ธุรกิจที่พักราคาเฟรนด์ลี่บนเกาะรัตนโกสินทร์จึงบูมขึ้นมา และเป็นที่หลงใหลของชาวต่างชาติแบบสุด ๆ ทั้งบรรยากาศที่สนุกครึกครื้นและราคาที่ถูกแบบหาที่อื่นไม่ได้

เริ่มต้นที่ BONNY Guest House ธุรกิจเกสต์เฮ้าส์แรกของย่านที่เปิดนำร่อง เมื่อประสบความสำเร็จ มีจำนวนแขกที่เข้ามาพักด้วยไม่ขาดสาย บ้านของคนอื่น ๆ ที่อยู่บนถนนข้าวสารเลยเริ่มเห็นลู่ทางทำธุรกิจ แบ่งพื้นที่เปิดห้องให้คนเช่าอยู่อาศัยแบบชั่วคราว บ้างก็เปิดเป็นบาร์ เปิดเป็นร้านกาแฟ ร้านอาหาร ตามมาด้วยร้านแลกเงิน ร้านนวด ร้านสัก และธุรกิจอีกมากมายหลายประการที่ก่อตัวขึ้นบนถนนเส้นนี้ กลายมาเป็น 'ถนนข้าวสาร' ในเวอร์ชั่นก่อนช่วงโควิด

Khaosan Road ที่รักของ 'ฝรั่ง'

ไม่ว่าจะเป็นคนชาติไหน ถ้ามาถึงกรุงเทพแล้ว พวกเขามักจะถามหาถนนข้าวสารเพราะอยากมาเห็นความสุดเหวี่ยงของปาร์ตี้ที่นี่ด้วยตัวเองสักครั้ง ซึ่งความรู้สึกอยากค้นหาของบรรดา 'ฝรั่ง' โดยเฉพาะกลุ่มแบ็กแพ็กเกอร์สวัยรุ่นที่มีต่อถนนข้าวสาร ส่วนใหญ่ได้รับอิทธิพลจากสื่อ มีภาพยนตร์และซีรีส์หลายเรื่องที่ใช้ข้าวสารเป็นสถานที่ในการถ่ายทำ อย่างเช่นเรื่อง The Beach ที่นำแสดงโดย ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ หรือซีรีส์บน Netflix เรื่อง The Serpent เป็นต้น การใช้ถนนข้าวสารบอกเล่าเรื่องราวบนหน้าจอที่ผาดโผน จึงทำให้นักท่องเที่ยวอยากมาเก็บเกี่ยวประสบการณ์ Exotic แบบไทย ๆ ที่นี่ ซึ่งถ้าถามถึงความแปลกใหม่ไม่เหมือนใคร ลิสต์ของสินค้าและบริการเหล่านี้คือสิ่งที่ทำให้การเที่ยวถนนข้าวสารยิ่งเป็นที่น่าจดจำขึ้นไปอีก

- ร้านรถเข็นขายแมลงทอด

- แมงป่องทอดเสียบไม้

- ลูกโป่งชวนหัวเราะ

- เด็ก ๆ ชาวเขาและสินค้าพื้นเมือง

- ร้านถักผมริมทาง เป็นต้น

ข้าวสารปี 2563

สถานการณ์โควิดที่เกิดขึ้นกับจำนวนนักท่องเที่ยวที่เหือดหายทำให้ข้าวสารในปี 2563 เป็นต้นไป เปลี่ยนหน้าตาไปอย่างมากเนื่องจากหลาย ๆ ธุรกิจที่ต้องปิดตัวลงด้วยสภาพเศรษฐกิจ และมีโครงการปรับภูมิทัศน์ของถนนทั้งเส้นให้เป็นระเบียบมากยิ่งขึ้น การปรับเปลี่ยนที่เกิดขึ้นก็อย่างเช่น การปูพื้นถนนด้วยหินแกรนิตพ่นไฟ ทำรางระบายน้ำ และแม้กระทั่งการตกแต่งถนนด้วยซุ้มร่มหลากสี ถึงจะดูสวยงามขึ้น แต่ข้าวสารแบบไร้นักท่องเที่ยวก็ขาดเสน่ห์และบรรยากาศที่เป็นเอกลักษณ์ไปอย่างผิดหูผิดตา

เปิดประเทศครั้งนี้เราก็คงได้แต่หวังว่านักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจะเริ่มกลับมา และทำให้ถนนข้าวสารในแบบวันวานกลับมาคึกคักได้อีกครั้ง..

อ้างอิง

เว็บไซต์ศิลปวัฒนธรรม

Khaosan Road Blog

Wikipedia