โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

ครูลืมเด็ก 2 ขวบ ไว้บนรถตู้ 7 ชม. ซ้ำยังให้ ผปค.เซ็นสัญญาไม่เอาเรื่อง

มุมข่าว

เผยแพร่ 15 ก.ย 2567 เวลา 09.48 น. • ทีมข่าวสยามนิวส์
ครูลืมเด็ก 2 ขวบ ไว้บนรถตู้ 7 ชม. ซ้ำยังให้ ผปค.เซ็นสัญญาไม่เอาเรื่อง

จากกรณีเพจข่าวท้องถิ่นเพชรบูรณ์ได้โพสต์พร้อมระบุข้อความว่า ลูกเพจแจ้งมา ครูเทศบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดเพชรบูรณ์ ลืมเด็ก 2ขวบ ไว้ในรถตู้ ตั้งแต่เช้าถึงบ่ายสาม เด็กมีอาการหมดสติ ตาค้าง ตัวเหลือง โชคยังดีหมอช่วยไว้ทัน แต่เรื่องเหมือนจะจบเมื่อทาง นายกฯ เทศบาล รวบรวมเงินสด 1 หมื่นบาท ครูเวร 5 พันบาทมาให้ พร้อมเสนอจะรับพ่อแม่เด็กเข้าทำงานในเทศบาลเพื่อเป็นการเยียวยา โดยให้พ่อแม่เด็กเซ็นสัญญา 1-2-3-4 ว่าหลังจากเซ็นแล้ว ห้ามพ่อแม่เด็กเรียกร้องสิทธิ์อะไรอีก แต่พ่อแม่เด็กไม่เซ็น #ใช้งบหลวงเยียวยาแบบนี้ก็ได้เหรอ

ต่อมาทราบว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 22 ส.ค.67 ซึ่งเด็กคนดังกล่าว อายุเพียง 2 ขวบ 7 เดือน เป็นเด็กนักเรียนศูนย์พัฒนาเด็กเล็กของเทศบาลแห่งหนึ่งใน อ.บึงสามพัน จ.เพชรบูรณ์

ล่าสุด ทางครอบครัวมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับอาการ ผลข้างเคียงที่จะตามของเด็ก เพราะหลังจากเกิดเหตุ และออกจากโรงพยาบาล ผิวหนังที่มือเท้าลอก จากที่ไม่เคยเป็นมาก่อน และมีอาการผวาไม่อยากไปโรงเรียน ชุดนักเรียนก็ไม่ยอมใส่ แค่เห็นหน้าโรงเรียนก็ร้องไห้ทุกวันนี้ ทางครอบครัวจึงตัดสินใจไม่ให้ไปโรงเรียน และช่วยกันดูแลอย่างใกล้ชิดเพื่อดูอาการอยู่ที่บ้าน

พ่อของเด็ก 2 ขวบเล่าว่า ตกใจและใจหายมาก ไม่คิดว่าเรื่องแบบนี้จะมาเกิดกับลูกสาวของตน ตนจึงอยากให้ทางเทศบาล มารับผิดชอบค่าเยียวยาให้สมเหตุสมผลมากกว่านี้ ในส่วนของการรักษาอยากให้มาดูแลรับผิดชอบจนกว่าทางครอบครัวมั่นใจว่าจะไม่มีอาการข้างเคียงใดๆ เกี่ยวกับสมอง เพราะน้องติดอยู่ในรถตู้นานถึง 7 ชั่วโมง และในส่วนของเงิน 10,000 บาท ที่ทางเทศบาลใส่ซองมาให้ ตนมองว่าน้อยเกินไปสำหรับชีวิตลูกสาวของตน เพราะที่บ้านก็ไม่ค่อยมีเงิน ถ้าวันข้างหน้าน้องเกิดเป็นอะไรขึ้นมาตนก็คงไม่มีเงินพาน้องไปรักษา จึงอยากให้ทางเทศบาลเข้ามาดูแลเรื่องค่าเยียวยา ให้สมเหตุสมผลมากกว่านี้

ด้านแม่ของ 2 ขวบเล่าว่า ในวันดังกล่าวครูที่โรงเรียนโทรมาบอกว่าลูกเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อย ซึ่งตนไม่คิดว่า ครูจะลืมลูกของตนไว้ในรถตู้ ตั้งแต่เช้าจนถึงโรงเรียนเลิก และวันนั้นอากาศก็ร้อนด้วย ตนรีบไปหาลูกที่ห้องฉุกเฉินโรงพยาบาลเห็นสภาพลูก นอนนิ่ง ตาค้าง คิดในใจว่าลูกคงไม่รอดแล้ว กลัวไม่ได้ลูกคืนมา แต่โชคดีที่ลูกฟื้นขึ้นมาไม่ถึงเสียชีวิต

โดยครูเวรในวันดังกล่าวบอกว่านับน้องลงจากรถตู้แล้วครบ 13 คน และขึ้นไปเช็กบนรถแล้วไม่มีใครอยู่บนรถตู้แล้ว ซึ่งตนไม่คิดว่าครูจะลืมลูกสาวของตนไว้บนรถตู้จนถึง 3 โมงเย็น คนขับรถตู้มาพบว่าลูกสาวตนนอนคว่ำหน้าอยู่ที่พื้นรถแถวที่สอง สภาพตาเหลือก จึงรีบแจ้งครูและนำส่งโรงพยาบาล และโทรแจ้งตน

สำหรับการเยียวยาทางเทศบาลให้เงินสดมา 10,000 บาท และให้ตนไปทำงานในกองการศึกษาในเทศบาล ส่วนทางครูเวรออกค่าห้องพิเศษให้ 2,000บาท ค่าขนมน้อง 500 และ วันที่ 3 ก.ย. ที่ผ่านมาให้เพิ่ม 5,000 บาท และถามตนว่าโอเคไหม แต่ตนยังไม่ตอบ และทางครูเวรก็นำหนังสือสัญญามาให้ตนเซ็นว่า ตนได้รับเงินเยียวยา 15,000บาท ค่าห้องพิเศษ 2,000บาท

โดยข้อ 4 ระบุว่า ในการทำสัญญาฉบับนี้ ผู้รับสัญญาได้รับเงินช่วยเหลือตามข้อ ๑ ข้อ ๒. และ ข้อ ๓. เรียบร้อยแล้ว และผู้รับสัญญาสละสิทธิ์และไม่ติดใจเรียกร้องเงินหรือค่าเสียหายหรือค่าสินไหมทดแทนอื่นใดจากความเสียหายต่อร่างกาย หรือค่าเสียหายในลักษณะเดียวกันนี้ จากผู้ให้สัญญาอีกรวมทั้งไม่ติดใจดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและทางอาญากับผู้ให้สัญญาผู้ช่วยเหลือจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย” แต่ตนไม่เซ็น ตนจึงบอกไปทางครูเวร ว่าขอเพิ่มเงินเยียวยา อีก 33,000 ให้ครบ 50,000บาท เพราะตนมองว่ามันน้อยไปสำหรับชีวิตลูกสาวเรา แต่เรื่องก็เงียบไป พอตนโทรถามก็บอกว่ายังไม่ว่างคุยกับทางนายกฯ เทศบาล

ส่วนเรื่องงานที่เสนอมา ตนก็ตัดสินใจไม่ไปทำ อยากขอเป็นเงินก้อนไว้รักษาลูกสาวดีกว่าเผื่อในวันข้างหน้าลูกเกิดป่วยเป็นอะไรขึ้นมาจะได้มีเงินรักษาและตนมองว่า ถ้าตนขอเพิ่มทั้งเงินและไปทำงานด้วย ก็เหมือนว่ามันมากไปและถ้าไปทำงานก็เหมือนว่า ตนเข้าไปทำงานแบบไม่ถูกต้อง ซึ่งตนก็ไม่แน่ใจว่าในอนาคตจะมีผลอย่างไรกับตนหรือไม่ ตนจึงตัดสินใจไม่ไปทำงาน ไปแค่วันแรกวันเดียว แล้วก็ไม่ไปอีกเลย

สำหรับในใจตนอยากเรียกร้องเงินเยียวยา 50,000 บาท หรือถ้าเป็นไปได้ 100,000 บาท แต่ก็เกรงใจ ไม่รู้จะได้ไหมอย่างไร เพราะตอนนี้เหมือนเรื่องก็เงียบไปเลย ยังไม่มีใครเข้ามาคุย

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...