โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

DELTA ร่วง 7% นำทีมกลุ่ม “อิเล็กฯ” เซ่นไทยรีดภาษีบริษัทข้ามชาติ 15% ดีเดย์ 1 ม.ค.68

ข่าวหุ้นธุรกิจ

เผยแพร่ 2 วันที่แล้ว • ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์
DELTA ร่วง 7% นำทีมกลุ่ม “อิเล็กฯ” เซ่นไทยรีดภาษีบริษัทข้ามชาติ 15% ดีเดย์ 1 ม.ค.68

ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้(2 ม.ค.68) ราคาหุ้นกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ร่วงหนักนำโดย บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA ณ เวลา 11:40 น.อยู่ที่ระดับ 141.50 บาท ลบ11.00 บาท หรือ 7.21% สูงสุดที่ระดับ 153.00 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 138.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3,206.78 ล้านบาท

บริษัท ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส จำกัด (มหาชน) หรือ HANA ณ เวลา 11:48 น.อยู่ที่ระดับ 24.30 บาท ลบ 0.40 บาท หรือ 1.62% สูงสุดที่ระดับ 24.80 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 24.10 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 136.29 ล้านบาท

บริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ KCE ณ เวลา 11:48 น. อยู่ที่ระดับ 24.00 บาท ลบ 0.50 บาท หรือ 2.04% สูงสุดที่ระดับ 24.70 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 23.80 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 145.18 ล้านบาท

บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้(2 ม.ค.68) เกี่ยวกับประเด็น Global Minimum Tax โดยระบุว่า อธิบดีกรมสรรพากรเผยว่า ไทยประกาศเก็บภาษีบริษัทข้ามชาติขั้นต่ำ 15% เริ่มมีผล 1 ม.ค.2568 เป็นบริษัทที่มีรายได้รวมมากกว่า 750 ล้านยูโรต่อปี ด้าน KSS ประเมินหุ้นกลุ่มที่เข้าข่ายคาดจะได้รับผลกระทบ อาทิ กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ คือ DELTA (Effective tax rate 5.5%) คาดกระทบต่อประมาณการกำไรปี 2568 มี downside risk ราว 12% ในกรณีที่ effective tax rate เพิ่มสู่ 15%

อนึ่งเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2567 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่พระราชกำหนดภาษีส่วนเพิ่ม พ.ศ. 2567 โดยมีใจความสำคัญว่า กฎหมายว่าด้วยภาษีส่วนเพิ่ม พระราชกำหนดนี้มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจํากัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา 26 ประกอบกับมาตรา 32 มาตรา 33 และมาตรา 37 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย เหตุผล และความจําเป็นในการจํากัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลตามพระราชกำหนดนี้ เพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศไทย และสนับสนุนมาตรการป้องกันการกัดกร่อนฐานภาษีระหว่างประเทศ ที่นานาประเทศได้กำหนดร่วมกัน ให้กลุ่มนิติบุคคลข้ามชาติขนาดใหญ่เสียภาษีจากการประกอบกิจการในแต่ละประเทศไม่น้อยกว่าอัตราภาษีขั้นต่ำ ซึ่งการตราพระราชกำหนดนี้สอดคล้องกับเงื่อนไขที่บัญญัติไว้ในมาตรา 26 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยแล้ว

ทั้งนี้ เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกำหนดฉบับนี้ คือมาตรการป้องกันการกัดกร่อนฐานภาษีระหว่างประเทศ (Global Anti-Base Erosion Rules) เป็นแนวทางสากลที่เห็นชอบร่วมกันระหว่างภาคีสมาชิกของกรอบความร่วมมือระหว่างประเทศ เกี่ยวกับการกัดกร่อนฐานภาษีและการโอนกําไร (Inclusive Framework on Base Erosion and Profit Shifting) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรับรองว่าอัตราภาษีที่แท้จริงของกลุ่มนิติบุคคลข้ามชาติขนาดใหญ่จากการประกอบกิจการในแต่ละประเทศนั้นต้องไม่น้อยกว่า 15%

ดังนั้น เพื่อเป็นการรักษาผลประโยชน์ของประเทศไทยในการจัดเก็บภาษีส่วนเพิ่ม ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย และเป็นการรักษาสิทธิในการจัดเก็บภาษีของประเทศไทยจากภาษีส่วนเพิ่มที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ ซึ่งจะต้องเริ่มคํานวณภาษีส่วนเพิ่มตั้งแต่ปี พ.ศ. 2568 จึงเป็นกรณีฉุกเฉินที่มีความจําเป็นรีบด่วน อันมิอาจจะหลีกเลี่ยงได้ เพื่อประโยชน์ในอันที่จะรักษาความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ จึงจำเป็นต้องตราพระราชกำหนดนี้

ปัจจุบันนักลงทุนต่างชาติ บริษัทข้ามชาติส่วนใหญ่รับรู้แล้วว่ากำลังจะถูกบังคับให้เสียภาษี โดยหากบริษัทข้ามชาตินั้น ๆ ไม่เสียภาษีนิติบุคคล 15% ที่ประเทศไทย ก็ต้องกลับไปเสียภาษีในประเทศบ้านเกิดตัวเอง และบางส่วนก็อยากมาเสียภาษีที่ประเทศไทย

อย่างไรก็ตาม อยากให้ประเทศไทยมีมาตรการดูแล สนับสนุนการลงทุนของบริษัทข้ามชาติ ซึ่งกลไกนี้จะช่วยให้รัฐมีรายได้จากการเก็บภาษีบริษัทข้ามชาติเพิ่มขึ้นเป็นนับหมื่นล้านบาท ขณะเดียวกันยังเป็นการช่วยดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติเข้ามาอีก

ทั้งนี้ รัฐบาลจึงจะมีการออกกฎหมายสนับสนุน กองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันฯ ซึ่งกองทุนนี้จะมีประโยชน์ คือ จะมีการนำเงินบางส่วนจากเม็ดเงินภาษีที่เก็บได้เข้าไปใส่ไว้ และนำเงินมาสนับสนุนเรื่องการปรับปรุงโครงสร้างการผลิต การสนับสนุนเศรษฐกิจสีเขียว การลดฝุ่น PM 2.5 ให้กับบริษัทข้ามชาติที่เลือกมาเสียภาษีนิติบุคคลในไทย 15%

โดยรัฐบาลกำลังเร่งจัดทำข้อตัวบทกฎหมายให้เสร็จสิ้นภายในปีนี้ เพื่อให้ทันกรอบระยะเวลาการดำเนินการปีภาษีที่จะเริ่มช่วงเดือนม.ค.-ธ.ค. 2568 เพราะหากทำไม่ทันปลายปีนี้ก็จะไม่ได้เก็บ ต้องเสียเวลาเริ่มไปอีกปี ซึ่งเป็นเรื่องของใครเก็บก่อนได้เปรียบ ไทยจึงจะเป็น 1 ใน 20 กว่าประเทศทั่วโลกที่จะเริ่มใช้กลไกของกฎหมายนี้อย่างจริงจังเป็นที่แรก โดยเริ่มกฎหมายตั้งแต่ 1 ม.ค. 2568 และจะให้มีผลยื่นภาษีได้ในปี 2569

ปัจจุบัน ประเทศที่บังคับใช้กฎหมายตั้งแต่รอบระยะเวลาบัญชีปี 2567 มี 28 ประเทศ เช่น กรีซ, เกาหลีใต้, แคนาดา, ญี่ปุ่น, เดนมาร์ก, ตุรกี, เนเธอร์แลนด์, นิวซีแลนด์, ฝรั่งเศส, ฟินแลนด์, เยอรมัน, สเปน, สวีเดน, สหราชอาณาจักร, ออสเตรเลีย, อิตาลี, ไอร์แลนด์ และเวียดนาม

นอกจากนี้ ประเทศที่คาดว่าจะบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวตั้งแต่รอบระยะเวลาบัญชีปี 2568 เช่น มาเลเซีย, สิงคโปร์, อินโดนีเซีย และฮ่องกง

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0

ความเห็น 0

ยังไม่มีความเห็น