โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

สุขภาพ

วิตามินกินตอนไหนดี

Health Daily

เผยแพร่ 02 ก.พ. 2565 เวลา 11.00 น. • สุขภาพดีดี

วิตามินกินตอนไหนดี

 

              วิตามินและอาหารเสริมเป็นตัวช่วยเติมสารอาหารที่ร่างกายเราขาดไป และไม่ใช่แค่บำรุงสุขภาพเท่านั้น ซึ่งในบางคนยังกินวิตามินเพื่อบำรุงผิว บำรุงผม หรือบางคนก็กินวิตามินเพื่อลดสิว ลดหน้ามันด้วย แต่คำถามยอดฮิตของทุกคนคือ การกินวิตามินต่างๆนั้นมีความแตกต่างกันอย่างไร วิตามินกินตอนไหนดี สามารถทานเวลาเดียวกันได้หรือไม่ หรือกินเวลาไหนจะมีประสิทธิภาพมากที่สุด วันนี้ สุขภาพดีดี.com มีคำตอบให้กับทุกคน แยกเป็นประเภทและชนิดการกินวิตามินที่แตกต่างกัน

 

วิตามินซี

 

 

 

 

  • วิตามินซีเป็นวิตามินที่ฮิตมากที่สุดในปัจจุบัน เนื่องจากช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน ป้องกันหวัด แก้อาการเลือดออกตามไรฟัน
  • ทั้งนี้เวลาที่ควรที่ควรกินวิตามินซี คือ เวลาเช้าหลังจากรับประทานอาหาร 

 

เพราะวิตามินซีมีกรดที่อาจทำให้กระเพาะอาหารระคายเคืองได้ ซึ่งอาหารจะเป็นตัวช่วยให้ร่างกายดูดซึมวิตามินซีได้ดีขึ้นด้วย

  • ซึ่งสิ่งที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นคือร่างกายเราจะดูดซึมวิตามินซีได้เพียง 50% จากปริมาณที่เรากินไปและจะอยู่ในร่างกายได้ไม่นานเพราะจะถูกขับออกทางปัสสาวะ
  • ดังนั้น ควรแบ่งรับประทาน เช่น กินวิตามินซี ขนาด 500 มิลลิกรัม วันละ 2-3 ครั้ง หรือจนครบขนาดที่แนะนำ แทนการกินวิตามินซี 1,000 มิลลิกรัม เพียงครั้งเดียว
  • นอกจากนี้ หากหวังผลในเรื่องบำรุงผิว ชะลอความเสื่อมของผิวพรรณ ก็สามารถกินวิตามินซีคู่กับคอลลาเจนได้อีกด้วยวิตามินบี

 

 

 

 

  • วิตามินบีเป็นวิตามินชนิดที่ละลายในน้ำ ดังนั้นเพื่อประโยชน์สูงสุดของการกินวิตามินบีรวม วิตามินบี 12 บี 6 หรือ วิตามินบีอื่น ๆ ควรกินในตอนเช้าขณะที่ท้องว่างจะดีที่สุด เพื่อให้ร่างกายดูดซึมได้ดี
  • หรือถ้าหากกินตอนท้องว่างแล้วรู้สึกระคายเคืองกระเพาะอาหาร แนะนำให้กินระหว่างมื้ออาหารเช้า หรือหลังอาหารเช้าแทน จะช่วยกระตุ้นระบบประสาท ให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่า พร้อมทำกิจกรรมต่าง ๆ
  • และด้วยสรรพคุณนี้จึงไม่ควรกินวิตามินบีตอนเย็น หรือก่อนนอน เพราะอาจทำให้นอนไม่หลับได้

 

วิตามินอี

  • เป็นวิตามินที่ช่วยในเรื่องการบำรุงผิวพรรณ เพราะวิตามินอีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญ พบได้ในอาหารกลุ่มน้ำมันพืช เช่น น้ำมันดอกทานตะวัน น้ำมันมะกอก น้ำมันเมล็ดดอกคำฝอย อัลมอนด์
  • ด้วยคุณสมบัติที่ละลายในไขมัน 

 

เราจึงควรกินวิตามินอีร่วมกับอาหารที่มีไขมันเล็กน้อย เช่น นม โยเกิร์ต ถั่วต่างๆ หรือจะกินคู่กับอะโวคาโดก็ได้ และควรได้รับไม่เกิน 1,000 ไมโครกรัมต่อวัน

 

 

วิตามินดี

 

  • เป็นวิตามินที่ร่างกายของเราสามารถผลิตเองได้ง่ายๆ เพียงสัมผัสแสงแดดในช่วงเช้า 10 นาทีเท่านั้น พบมากในอาหารจำพวกน้ำมันตับปลา นม ไข่แดง ปลาทู ปลาแซลมอน
  • โดยวิตามินดีจะช่วยเก็บแคลเซียมเข้ากระดูก ป้องกันโรคกระดูกบางและกระดูกพรุนได้ หากอยากให้ร่างกายผลิตวิตามินดีมาเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง
  • หมั่นตื่นเช้าและมาเดินเล่นรับแสงแดดก็จะดีมาก ได้ทั้งวิตามินดี แถมยังได้ออกกำลังกายยามเช้าอีกด้วย
  • ทั้งนี้ ร่างกายคนเราควรได้รับวิตามินดีไม่เกิน 50 ไมโครกรัมต่อวัน และ ควรกินวิตามินดีระหว่างมื้ออาหารหรือหลังอาหารเช้าหรือเที่ยงไม่เกิน 30 นาที
  • ซึ่งเป็นช่วงที่ร่างกายจะเริ่มดูดซึมสารอาหาร และไขมันจากอาหารจะมาช่วยเป็นตัวทำละลายให้ร่างกายดูดซึมวิตามินดีอย่างเต็มที่มากขึ้น

 

 

วิตามินเอ

 

 

 

 

 

  • เป็นวิตามินที่ช่วยในการผลิตโรด็อปซิน หรือสารสีที่ช่วยให้เรามองเห็นในที่มืด จึงทำให้ไม่เป็นโรคตาฟางในตอนกลางคืน และยังช่วยป้องกันการเกิดโรคทางสายตาอื่นๆ
  • อีกหลายโรคได้ นอกจากนี้ วิตามินเอยังช่วยบำรุงรักษาเยื่อบุผิวของอวัยวะต่างๆ เช่น ผิวหนัง ระบบทางเดินหายใจและทางเดินอาหาร ช่วยในการเจริญเติบโตของกระดูก และยังมีบทบาทสำคัญต่อระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายอีกด้วย
  • ทั้งนี้ วิตามินเอพบมากในอาหารจำพวกฟักทอง มะละกอ แครอท หรือผักสีเข้ม แม้ว่าวิตามินเอจะมีประโยชน์มาก
  • แต่กินเยอะไปก็ไม่ดีเช่นกัน เพราะการกินวิตามินเอมากจนเกินไปนั้นจะส่งผลต่อตับและสมองได้
  • รวมทั้งยังทำให้มีอาการคลื่นไส้ อาเจียนได้อีกด้วย โดยการกินวิตามินเอให้ได้ประสิทธิภาพ เราควรกินระหว่างมื้ออาหารหรือหลังอาหารไม่เกิน 30 นาที

 

วิตามินเค

  • เป็นวิตามินที่ร่างกายสามารถสร้างเองได้จากแบคทีเรียในลำไส้ การกินยาฆ่าเชื้อหรือยาปฏิชีวนะติดต่อกันเป็นเวลานานจะทำให้แบคทีเรียในลำไส้ตายได้
  • ดังนั้น แพทย์จะสั่งวิตามินเคเพิ่มให้กับผู้ที่ต้องกินยาดังกล่าวหรือคนที่จำเป็นต้องกินวิตามินเคเสริม
  • การที่ร่างกายของเราได้รับวิตามินเคอย่างเพียงพอ จะช่วยให้การแข็งตัวของเลือดทำงานได้เป็นปกติ หากเราขาดวิตามินเคจะทำให้เลือดออกง่ายและหยุดช้าซึ่งอันตรายมากๆ
  • ดังนั้น เราจึงควรกินอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินเคให้เพียงพอในแต่ละวัน ซึ่งมักพบได้ในผักใบเขียว มะเขือเทศ ดอกกะหล่ำ ไข่แดง น้ำมันถั่ว ตับ เนื้อหมู
  • หากกินเป็นวิตามินเสริมควรกินระหว่างมื้ออาหารหรือหลังอาหารไม่เกิน 30 นาที

 

 

             อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะเป็นวิตามินหรืออาหารเสริมประเภทไหน ก็ไม่ควรกินมากจนเกินไป เพราะอาจมากเกินความต้องการจนเกิดผลข้างเคียง หรือสะสมในร่างกาย โดยเฉพาะคนที่มีอาการป่วย หรือมีโรคประจำตัว ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทาน เพื่อความปลอดภัยของร่างกายนะคะ ด้วยความปรารถนาดีจาก สุขภาพดีดี.com

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...