โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

ออกหมายจับ 1 วัยรุ่นนำปืนขุนแผนสุราษฎร์ ทิ้งอำพราง เผยมีมือที่ 3 ร่วมยิงวงดวลปืน

MATICHON ONLINE

อัพเดต 29 เม.ย. 2566 เวลา 12.32 น. • เผยแพร่ 29 เม.ย. 2566 เวลา 12.11 น.

ออกหมายจับ 1 วัยรุ่นนำปืนขุนแผนสุราษฎร์ ทิ้งอำพราง เผยมีมือที่ 3 ร่วมยิงวงดวลปืน

ความคืบหน้ากรณีเหตุใช้อาวุธปืนขนาด 11 มม.ยิงต่อสู้กันบนลานจอดรถในงานแต่งงานด้านหลังโรงแรมบรรจงบุรี ถนนเลี่ยงเมือง หมู่ 3 ต.มะขามเตี้ย อ.เมืองสุราษฎร์ธานี เมื่อคืนวันที่ 28 เมษายน ระหว่างนายภาณุพงศ์ หรือเดี่ยว หรือแผน สุวรรณสินธุ์ อายุ 35 ปี ชาว ต.คลองไทร อ.ท่าฉาง เซียนพระชื่อดังฉายา “ขุนแผน สุราษฎร์” กับนายวิรัช หรือเจน สุดภักดี อายุ 39 ปี ชาว ต.สมอทอง อ.ท่าชนะ เจ้าของสถานบันเทิงผับชื่อ “ทองหล่อ” อยู่ใน อ.เมืองสุราษฎร์ธานี และเจ้าของกิจการรถยก “เจน สไลออนด์” ปรากฏเสียชีวิตทั้งคู่และมีผู้ถูกยิงบาดเจ็บอีก 2 ราย ชื่อ น.ส.กานต์สิริ หรือแพท ติ้วต้ง (สุวรรณสินธุ์) อายุ 30 ปี อดีตภรรยานายภาณุพงศ์ ถูกยิงที่ขาขวากระดูกแตก และ น.ส.ธนัยธร หรือบอลลูน ลื่อเท่ง อายุ 20 ปี แฟนใหม่นายภาณุพงศ์ ถูกยิงที่ขาซ้าย ซึ่งเป็นเหตุอุกฉกรรจ์ที่มีการพกพาอาวุธปืนไปในงานที่มีผู้คนจำนวนมากและใช้อาวุธปืนยิงต่อสู้ในสถานที่ชุมชนอย่างไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย นั้น

เมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 29 เมษายน ที่ห้องประชุม สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี พล.ต.ต.ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ รอง ผบช.ภาค 8 เดินทางมาติดตามคดีและร่วมกับ พล.ต.ต.ศรัญญู ชํานาญราช ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี และ พ.ต.อ.นิพล ชาตรี ผกก.สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี ประชุมตำรวจชุดสืบสวนสอบสวนให้เร่งและรวบรวมพยานหลักฐานให้ดำเนินคดี เนื่องจากแต่ละฝ่ายมีอาวุธปืนและเป็นการก่อเหตุในลักษณะเหิมเกริมบ้านป่าเมืองเถื่อนท้าทายกฎหมายอย่างมาก โดยที่ประชุมใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง

พล.ต.ต.ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ รอง ผบช.ภาค 8 กล่าวว่า ตามที่ได้เกิดเหตุสะเทือนขวัญทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เร่งรัดติดตามคดี ซึ่ง พล.ต.ท.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผบช.ภาค 8 ได้มอบให้เร่งรัดติดตามสำนวนการสอบสวน ได้พยานมาเพิ่มเติมและมีแนวทางในการออกหมายจับเพิ่มในคดีนี้ของกลุ่มผู้ก่อเหตุ

พล.ต.ต.ศรัญญู ชำนาญราช ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี กล่าวว่า จากการสอบสวนพบว่าผู้เสียชีวิตทั้งคู่เป็นเพื่อนกันกันมาก่อนและมาขัดแย้งกันในเวลาต่อมา โดยมีการโต้ตอบไปมากันทางเฟซบุ๊กจนเมื่อมาเจอกันในงานแต่งงาน ซึ่งทั้ง 2 มาเจอกันเกิดเหตุร้ายขึ้นเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ และสืบทราบว่ายังมีบุคคลที่อื่นที่ร่วมก่อเหตุด้วย ซึ่งขณะนี้สืบทราบแล้วเป็นใครที่ร่วมด้วยกำลังรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติหมายจับ จำนวน 2 ราย โดยบุคคลแรกเป็นผู้ที่หยิบอาวุธปืนของผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุไป จึงเสนอขออนุมัติหมายจับต่อศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานี

“ซึ่งคนนี้ยอมรับว่าเอาอาวุธปืนของนายภาณุพงศ์ หรือเดี่ยว หรือแผน ไปทิ้ง โดยช่วงที่นำตัวนายภานุพงศ์ไปส่งที่โรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี ได้หยิบอาวุธปืนขนาด 11 มม.ไปด้วย จากนั้นก่อนที่จะกลับเข้ามาที่โรงแรมอีกครั้งได้โดยอาวุธปืนทิ้งไว้ข้างถนนหน้าโรงแรม ส่วนผู้ต้องหาอีก 1 รายกำลังรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับต่อไป” พล.ต.ต.ศรัญญูกล่าว

วันเดียวกัน ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี ได้นำตัวนายพงศกร หรือต๋อง ไกรทอง อายุ 29 ปี ชาว ต.บางกุ้ง อ.เมืองสุราษฎร์ธานี ไปค้นหาอาวุธปืนบริเวณพงหญ้าป่าละเมาะข้างถนนเลี่ยงเมือง ฝั่งไปแยกตาปาน ก่อนถึงทางเข้าโรงแรมบรรจงบุรี ประมาณ 70 เมตรโดยพบอาวุธปืนขนาด 11 มม.ของของนายภาณุพงศ์ หรือเดี่ยว หรือแผน อยู่ในพงหญ้า ตำรวจจึงยึดไว้เป็นหลักฐาน

นายพงศกร กล่าวว่า ตนนำอาวุธปืนมาทิ้งด้วยความตกใจ ตนก็ถูกยิงเหมือนกัน โดยฝั่งนายวิรัช หรือเจน เป็นคนยิงเข้ามาเหตุการณ์เมื่อคืนตนไม่ทราบว่าใครเป็นคนยิงก่อน และตนไม่ใช่คนยิง เขาดวลกันและมีคนยิงเป็นมือที่ 3

ต่อมา การสืบสวนพบว่า กลุ่มที่ร่วมก่อเหตุของฝั่งนายวิรัช หรือเจน มากันหลายคนเป็นกลุ่มบ่อกรัง ต.ท่าสะท้อน อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี ด้วย

ล่าสุดเวลา 18.00 น.ศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้อนุมัติหมายจับที่ จ 168/2566 ลงวันที่ 29 เม.ย.66 ให้จับกุมนายพงศกร หรือต๋อง ผู้ที่นำอาวุธปืนขนาด 11 มม.ของนายภาณุพงศ์ หรือเดี่ยว หรือแผน ไปทิ้ง ในข้อหากระทำผิดฐาน ทำให้เสียหาย ทำลายซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหาย หรือไร้ประโยชน์ซึ่งพยานหลักฐานในการกระทำผิด, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, พกพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้านทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือมีเหตุจำเป็นเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้ควบคุมตัวนายพงศกร หรือต๋อง ไว้ได้ก่อนแล้ว

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...