โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

“นันยาง” โฟกัสวัยประถมชิงส่วนแบ่งรองเท้านักเรียน 5 พันล้าน

ประชาชาติธุรกิจ

อัพเดต 29 เม.ย. 2566 เวลา 00.27 น. • เผยแพร่ 29 เม.ย. 2566 เวลา 00.27 น.

นันยางทุ่ม 70 ล้านบาท หนุนรองเท้านักเรียนไซซ์เล็ก หวังชิงฐานนักเรียนประถม หลังตลาดรองเท้านักเรียน 5 พันล้านบาท ลุ้นโตครั้งแรกในรอบ 3 ปี ด้วยสัญญาณบวกตั้งแต่ก่อนสงกรานต์ ย้ำไม่มีแผนขึ้นราคา พร้อมวางเป้าโต 8-10%

ดร.จักรพล จันทวิมล กรรมการผู้จัดการ บริษัท นันยางมาร์เก็ตติ้ง จำกัด กล่าวว่า ตลาดรองเท้านักเรียนปี 2566 นี้มีแนวโน้มดีกว่าช่วง 3 ปีที่ผ่านมา โดยคาดว่าตลาดมูลค่า 5 พันล้านบาทจะเติบโต 3-5% เป็นการโตครั้งแรกในรอบ 3 ปี เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายทำให้กลับมาเปิดเทอมและเรียนออนไซต์ที่โรงเรียนตามปกติ รวมถึงฟื้นตัวของการท่องเที่ยว-เม็ดเงินอัดฉีดจากภาครัฐ ทำให้ช่วงเปิดเทอมเดือนพฤษภาคมที่จะถึงนี้ตลาดกลับมาคึกคักอีกครั้ง

โดยเริ่มเห็นสัญญาณจากการจับจ่ายของผู้ปกครองที่เริ่มหาซื้อรองเท้านักเรียนมาตั้งแต่ช่วงก่อนสงกรานต์และต่อเนื่องจนถึงปลายเดือน ทำให้เชื่อว่าช่วงเปิดเทอมซึ่งเป็นหน้าขายสำคัญสร้างเม็ดเงิน 80% ของตลาด จะคึกคักแน่นอน

“ตลาดรองเท้านักเรียนยังคงแข่งขันดุเดือดในทุกเซ็กเมนต์ ไม่ว่าจะเป็นรองเท้าผ้าใบแบบผูกเชือกที่เป็นสัดส่วนใหญ่ 60% ของตลาด รองเท้า PVC สำหรับนักเรียนหญิงที่มีสัดส่วน 35% หรือรองเท้าอื่น ๆ อย่างรองเท้าหนัง โดยมีผู้เล่นมากถึง 10-15 ราย”

สำหรับทิศทางของบริษัทในปี 2566 นี้ จะมุ่งขยายฐานลูกค้าในกลุ่มรองเท้าไซซ์เล็ก สำหรับนักเรียนระดับประถมศึกษาเพื่อชิงส่วนแบ่งตลาดเพิ่ม พร้อมกับผลักดันยอดขายให้โต 8-10% จากยอดขาย 1,300 ล้านบาทเมื่อปี 2565 และการเติบโตเฉลี่ย 2% ต่อปี เช่นเดียวกับการเพิ่มส่วนแบ่งตลาด หลังที่ผ่านมารองเท้าไซซ์ใหญ่ของบริษัทสามารถชิงส่วนแบ่งตลาดเพิ่มอย่างต่อเนื่อง จนบริษัทมีส่วนแบ่งตลาดรองเท้านักเรียนประมาณ 43-44%

ตามแผนนี้จะมีรองเท้าผ้าใบนักเรียนรุ่นนันยาง Have Fun ที่มีจุดเด่นเบา นุ่ม สบาย ไม่ต้องผูกเชือก ลดการสัมผัสเชื้อโรค ซึ่งได้รับการตอบรับจากผู้ปกครองและกลุ่มเด็กนักเรียนระดับประถมศึกษาทั่วประเทศ เป็นหนึ่งในสินค้าไฮไลต์ หลังยอดขายเติบโตต่อเนื่อง และมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นทุกปี

ขณะเดียวกัน กรรมการผู้จัดการ บริษัท นันยางมาร์เก็ตติ้ง ย้ำว่ายังไม่มีแผนขึ้นราคาสินค้า โดยอาศัยบริหารจัดการต้นทุน เช่น นำเครื่องจักรเข้ามาทดแทน-เสริมประสิทธิภาพของพนักงานที่มีประมาณ 1 พันคน ซึ่งมีกำลังผลิตรวม 10 ล้านคู่ต่อปี เพื่อช่วยรับมือต้นทุนค่าแรง

ทำให้ราคาของสินค้าต่าง ๆ ยังคงเดิม ไม่ว่าจะเป็นนันยางพื้นเขียว 205s รุ่นคลาสสิก ราคาเริ่มต้น 320 บาท นันยาง Have Fun รองเท้าเด็กอายุ 4-10 ขวบ ราคาเริ่มต้น 299 บาท รุ่นซูเปอร์สตาร์ 199 บาท และนันยาง Zafari สำหรับเด็กโตราคา 299 บาท

ส่วนตลาดต่างประเทศ เดินหน้ากลยุทธ์ร่วมมือกับภาครัฐนำสินค้าไทยไปขยายตลาดในต่างประเทศ อาทิ ออกบูทแสดงสินค้าในต่างประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาส่งผลให้รองเท้าผ้าใบนันยางเป็นที่รู้จักในระดับสากลมากขึ้น และสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายสำคัญอย่างในวงการกีฬาตะกร้อ และเทคบอลที่กำลังเป็นกระแสในปัจจุบัน

นอกจากนี้ กรรมการผู้จัดการ บริษัท นันยางฯ ระบุว่า ปีนี้เตรียมงบฯการตลาดไว้ประมาณ 70 ล้านบาท สำหรับแคมเปญช่วงเปิดเทอม และแคมเปญย่อยอีกประมาณ 2-3 ครั้ง ตามสถานการณ์ของตลาด

หนึ่งในนั้นคือ แคมเปญต่อต้านการกลั่นแกล้งในโรงเรียน ด้วยการจัดทำสื่อที่นำเสนอเนื้อหาเกี่ยวกับ “คำขอโทษจากนันยาง” ที่แสดงถึงความรับผิดชอบต่อสิ่งที่บริษัทเคยสื่อสารไปในอดีต ซึ่งบางครั้งอาจมีเนื้อหาเข้าข่ายการบูลลี่โดยไม่ได้ตั้งใจ และจุดประกายแนวคิดให้แก่นักเรียนที่เคยมีพฤติกรรมการบูลลี่คนอื่น ทั้งที่ตั้งใจหรือไม่ตั้งใจให้เกิดการฉุกคิดและปรับเปลี่ยนมุมมองต่อเรื่องนี้

พร้อมกับพัฒนารองเท้าผ้าใบนักเรียนรุ่นพิเศษ “Nanyang ‘BULLY NO MORE’ Special Edition” ที่สละพื้นที่โลโก้นันยางบนรองเท้าให้เป็นข้อความเชิงสัญลักษณ์ BULLY NO MORE เพื่อประกาศจุดยืนในเรื่องนี้ให้ชัดเจน พร้อมเปิดให้นำรองเท้าคู่เก่ามาแลกรองเท้ารุ่นพิเศษนี้

ส่วนรองเท้าคู่เก่าจะถูกนำไปเป็นส่วนหนึ่งของชิ้นงาน Art Installation ที่ประกอบขึ้นเป็นข้อความเชิงสัญลักษณ์ BULLY NO MORE และทุกคนที่เข้าร่วมกิจกรรมนี้ จะได้ประทับรอยเท้าแสดงจุดยืนร่วมกันเป็นข้อความเชิงสัญลักษณ์ BULLY NO MORE ที่จะทำให้จุดยืนการยุติปัญหาการบูลลี่ในโรงเรียนค่อย ๆ ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ตอกย้ำให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงในการยุติปัญหาการบูลลี่ในโรงเรียนให้หมดไปผ่านแนวคิด “ย่ำให้เต็มที่ แต่ไม่ย่ำยีใคร”

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...