1. เมื่อท่านเห็นว่า มีพ่อค้าแม่ค้าขายของไม่ได้ และท่านเองก็ไม่ได้อยากได้ของชิ้นนั้น แต่ท่านก็ซื้อ ซื้อเพราะอยากให้เขาหายเหนื่อย โปรดรู้ไว้เถิด สิ่งนี้เรียกว่าความเมตตา
2. ท่านโกรธ เพราะมีคนบางคนผิดต่อท่าน ท่านเห็นความโกรธตนเอง แต่ท่านเลือกหนทางสงบนิ่ง แล้วค่อย ๆ คิดทบทวนทุกสิ่ง จากชีวิต มุมมอง และข้อจำกัดของเขา โปรดรู้ไว้เถิด สิ่งนี้เรียกว่าความเมตตา
3. ท่านกำลังจะล้างจาน เห็นมดตัวเล็ก ๆ มากมายในจานของท่าน ท่านรอให้มดกินอาหารเสร็จก่อน จึงค่อยล้างจาน โปรดรู้ไว้เถิด สิ่งนี้เรียกว่าความเมตตา
4. สุนัขเห่าท่าน ขู่ท่าน กำลังจะกัดท่าน ท่านนึกกลัว แต่ไม่นึกหงุดหงิด ท่านเข้าใจว่า ที่มันทำอย่างนั้นเพราะความไม่รู้ เพราะมันคิดไม่ได้ โปรดรู้ไว้เถิด สิ่งนี้เรียกว่าความเมตตา
5. เด็ก ๆ ชอบวิ่งเล่น ส่งเสียงดังรบกวนในวันหยุด ท่านอยากอยู่อย่างสงบ นึกไม่พอใจเล็กน้อย แล้วท่านก็ฉุกคิดได้ว่า นี่คือธรรมชาติของเด็ก พวกเขากำลังสนุกอยู่ หากคิดเช่นนี้ได้ โปรดรู้ไว้เถิด สิ่งนี้เรียกว่าความเมตตา
6. ท่านกำลังเดินเล่นในสวนสาธารณะ ในสวนช่างร่มรื่นอะไรเช่นนี้ ทว่ามีขยะชิ้นหนึ่ง ไม่รู้ว่าใครนำมาทิ้ง ท่านก้มลงเก็บ เก็บขยะไปทิ้งถังโดยไม่เอ่ยปากประณามใคร โปรดรู้ไว้เถิด สิ่งนี้เรียกว่าความเมตตา
7. ขนมเค้กชิ้นโปรดนาน ๆ ได้กินสักครั้ง ท่านซื้อติดมือกลับมากินที่บ้าน ระหว่างทาง ท่านเห็นคนพเนจรนั่งสิ้นหวังอยู่ริมถนน ใจท่านนึกสงสาร ทำไมชีวิตเขาจึงลำบากอย่างนี้ ท่านยกขนมเค้กชิ้นนั้นให้เขา โปรดรู้ไว้เถิด สิ่งนี้เรียกว่าความเมตตา
8. เพื่อนคนหนึ่งเดินมาบอกท่าน มีคนนินทาท่านลับหลัง ท่านรู้ว่าใครนินทาท่าน ทีแรกท่านนึกไม่พอใจ แล้วท่านก็บอกกับตนเองว่า ช่างมันเถอะ นี่มันเรื่องเล็กน้อย เขาคงไม่ได้ตั้งใจ เขาคงเผลอไปเท่านั้นเอง โปรดรู้ไว้เถิด สิ่งนี้เรียกว่าความเมตตา
9. ท่านกำลังจะสร้างบ้านใหม่ แต่ที่ดินบริเวณนั้นมีต้นไม้ใหญ่ขึ้นอยู่ ท่านจึงตัดสินใจปลูกบ้านขนาดเล็กลง เพื่อไม่ต้องโค่นต้นไม้ทิ้ง หนึ่ง เพื่อบ้านของท่านจะได้ร่มเย็น สอง เพื่อให้ต้นไม้ต้นนี้ เป็นที่อยู่ของนกและแมลงต่อไป โปรดรู้ไว้เถิด สิ่งนี้เรียกว่าความเมตตา
10. ท่านทราบราคาของชิ้นนี้ดี และท่านก็ทราบว่า พ่อค้าแม่ค้าบอกราคาแพงเกินจริง ท่านยิ้ม ทำเป็นไม่รู้ แล้วจ่ายเงินในราคาแพง ท่านคิดว่า ไม่เป็นไร ให้เขานำเงินจำนวนนี้ไปเลี้ยงดูครอบครัวของเขา โปรดรู้ไว้เถิด สิ่งนี้เรียกว่าความเมตตา
11. ท้อแท้บ้างเป็นเรื่องธรรมดา ขณะที่ท่านกำลังท้อใจ เพื่อนคนหนึ่ง เข้ามาปรับทุกข์กับท่าน ท่านรับฟังเขาด้วยความเต็มใจ พูดปลอบ และให้กำลังใจเขา เขากลับไปแล้ว ด้วยความรู้สึกที่ดี ส่วนท่านก็ยิ้มให้ตนเอง คนบ้าอะไรไม่รู้ ให้กำลังใจคนอื่นทั้งที่ตัวเองก็รู้สึกแย่เต็มที โปรดรู้ไว้เถิด สิ่งนี้เรียกว่าความเมตตา
12. ท่านช่วยเหลือคน ๆ หนึ่ง แม้ท่านช่วยเขา แต่ท่านยังเกรงใจว่าเขาจะลำบากใจ ท่านจึงช่วยแบบไม่ให้เขารู้ว่าท่านกำลังช่วย เขาจะได้ไม่ต้องติดค้างบุญคุณท่าน โปรดรู้ไว้เถิด สิ่งนี้เรียกว่าความเมตตา
13. ทุกคนต้องมีเรื่องที่ตนเองเก่งกาจ วันหนึ่งท่านอาจพบคนๆหนึ่งโดยบังเอิญ เขาเป็นคนช่างคุย เขาสอนท่านในเรื่องที่ท่านรู้ดี แต่ท่านยิ้ม และเห็นความน่ารักของเขา ท่านปล่อยให้เขาพูด โดยไม่ขัด ท่านเปิดใจรับฟังเรื่องที่ท่านรู้ดีที่สุดอย่างผู้ที่ไม่รู้อะไร แล้วท่านก็นึกขอบใจเขาด้วยใจบริสุทธิ์ ที่เขาเล่าให้ท่านฟัง โปรดจงรู้ไว้ สิ่งนี้เรียกว่าความเมตตา
14. ท่านมีสิ่งที่หวัง บางครั้งท่านยอมไปถึงที่หมายช้ากว่ากำหนด เพื่อให้ใครบางคนรู้สึกดี ท่านยินดี แม้ท่านจะถึงที่หมายปลายทางช้าไปบ้าง โปรดจงรู้ไว้เถิด สิ่งนี้เรียกว่าความเมตตา
15. ท่านเป็นครู แต่ท่านแนะนำอย่างเพื่อน ท่านเป็นพ่อแม่ แต่เลี้ยงดูลูก อย่างกัลยาณมิตร ท่านเป็นผู้นำ แต่ประพฤติกับเขาอย่างผู้รับใช้ โปรดจงรู้ไว้เถิด สิ่งนี้เรียกว่าความเมตตา
16. เมื่อเพื่อนของท่านทำผิด ท่านตักเตือนเขาด้วยความจริงใจ ห่วงใย แต่เขาไม่เข้าใจในความหวังดีของท่าน เขาโกรธท่าน แต่ท่านก็พร้อมขอโทษเขาอย่างสุภาพ ขอโทษทั้ง ๆที่ท่านมิได้ทำผิด ท่านขอโทษ เพราะท่านรู้ดีว่า ท่านอาจพูดในวันที่เขายังไม่พร้อมรับฟัง โปรดจงรู้ไว้เถิด สิ่งนี้เรียกว่าความเมตตา
17. มีใครบางคนทำร้ายบุคคลอันเป็นที่รักของท่าน ท่านรู้สึกเสียใจ ห่วงใย และสับสน แต่ท่านยังตั้งมั่นอยู่บนพื้นฐานของสติ เปิดใจรับฟังที่มาที่ไปของเรื่องราว จากบุคคลที่ทำร้ายผู้ที่ท่านรัก โปรดจงรู้ไว้เถิด สิ่งนี้เรียกว่าความเมตตา
18. ทุก ๆ วันท่านตื่นแต่เช้าเพื่อไปทำงาน เงินทองคือสิ่งจำเป็น แต่ท่านทำงานโดยคิดถึงประโยชน์ของผู้อื่นเป็นที่ตั้ง กำไรของการทำงานไม่ได้วัดกันที่ตัวเงินเท่านั้น แต่ยังวัดกันที่การงานที่ทำอยู่ ช่วยให้ใครมีความสุข ช่วยให้ใครมีชีวิตที่ดีขึ้นได้บ้าง หากทัศนคติของท่านเป็นเช่นนี้ และท่านกระทำการงานโดยยึดมั่นทัศนคตินี้เป็นศูนย์กลาง โปรดรู้ไว้เถิด สิ่งนี้เรียกว่าความเมตตา
19. ท่านเป็นคนอิ่มง่าย ท่านจึงกินแต่น้อย เพื่อนของท่านจึงได้กินมากขึ้น ท่านเป็นคนรู้จักพอ รู้จักหยุด สิ่งที่มีอยู่จึงถูกแจกจ่าย ท่านเฉือนส่วนไม่จำเป็นกลับคืนให้โลก เงินทองไม่ใช่ของท่าน แม้ท่านเป็นคนหา ปัญญาไม่ใช่ของท่าน แม้ท่านเป็นผู้สั่งสม ทุกอย่างล้วนเป็นของโลก ทรัพยากรของโลก ความรู้ของท่าน ก็ได้มาจากมรดกของคนรุ่นก่อน แม้ท่านสำนึกเช่นนี้ ท่านจักอ่อนน้อมถ่อมตน เรียบง่าย ห่างไกลความอหังการ แม้ท่านคำนึง ถี่ถ้วนเช่นนี้ โปรดรู้ไว้เถิด สิ่งนี้เรียกว่าความเมตตา
20. ลมหายใจ และชีวิต เป็นของท่านโดยสมบูรณ์ แต่ท่านกลับคิดเสมอว่า กายนี้ ใจนี้ ในมุมหนึ่ง ท่านจะอุทิศมันเพื่อผู้อื่น ท่านจะเป็นดังดอกไม้ ที่ผลิบานเพื่อเป็นประโยชน์ของผีเสื้อ และมนุษย์ทั้งผอง ก่อนวันที่ท่านลาโลก ท่านจะเป็นผู้ส่งมอบความสวยงามให้กับทุกชีวิตที่ท่านพบพาน แม้ท่านตายจากโลกนี้ไปแล้ว ร่างของท่าน ยังอุทิศเพื่อเป็นอาหารหล่อเลี้ยงสรรพสิ่งโดยไม่หวงแหน ไม่จำเป็นต้องจดจำท่านไว้ในฐานะอะไร ไม่จำเป็นที่ใครสักคนจะต้องระลึกถึงท่าน ท่านคือดอกไม้อันสวยงามที่ผ่านมายังโลก เพื่อผลิบาน เพื่อเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้โลกใบนี้น่าอยู่ และมีความหวัง
ท่ามกลางสงครามกระหายเลือด แม้ส่วนลึกของท่านตระหนักได้เช่นนี้ ท่านก็คือดอกไม้แห่งความเมตตา ท่านมิได้รู้สึกว่าท่านเมตตา แม้ท่านมีเมตตา เพราะความเมตตาคือพื้นฐานของท่าน มิใช่สิ่งแปลกปลอม ท่านเห็นความโกรธในตัวเองชัดเจน ทั้งที่ท่านมีความโกรธน้อยนิด แต่ท่านแทบไม่เห็นความเมตตาของตัวเองเลย ทั้งที่ท่านมีเมตตาเต็มเปี่ยม ถูกแล้ว เราทุกคนล้วนเกิดมาเพื่อบ่มเพาะความเมตตา ถูกแล้วที่เราจะตายไปเช่นนี้ ตายไปด้วยจิตที่มีเมตตาเปี่ยมล้น มิใช่เพื่อกระหายหมายมั่นได้ชื่อว่าเป็นคนดี แต่เพียงเพื่อทำความหมายสำคัญบางประการให้ปรากฏขึ้นแก่ชีวิต
ในความจริงของความจริงเราต่างเป็นเทียนเล่มหนึ่ง ที่เผาตนเองเพื่อแสงสว่าง ส่องทางให้ผู้อื่น ขอบคุณนะเพื่อนร่วมยุคสมัยของฉัน หากหมดสิ้นความเมตตาจากเธอแล้ว ฉันจักมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ได้อย่างไร…
ความเห็น 18
เมตตา คือ พรหมวิหารธรรม ข้อแรก เป็นความรัก ของพ่อแม่ต่อลูก พร้อมที่จะให้กรุณา ช่วยเหลือ โดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทน เหมือนมหากรุณาธิคุณ ของ พระศาสดา ทานก็ดี ศีลก็ดี ล้วนเกิดขึ้น มาจาก ใจที่มีเมตตา แต่ทั้งนี้ ก็ต้องมีปัญญา ควบคู่ ไปกับเมตตา หาไม่แล้ว เราจะ ทำร้ายตนเอง ได้ หากเรา เมตตาเอ็นดูเขา แต่ลืมเมตตาเอ็นดูตัวเราเอง เท่ากับไม่รักตัวเอง เช่นเราลงทุนทำบาป ทั้งๆที่รู้ว่าเป็นบาป ก็ทำลงไป โดยอ้างเมตตาลูก เป็นต้น
03 ก.พ. 2563 เวลา 10.47 น.
Sarm Sarm
เขียนดีมากครับ
03 ก.พ. 2563 เวลา 10.12 น.
ค่อยๆโหมมาทีละข้อ กว่าจะอ่านถึงข้อสุดท้ายนี่ค่อยนึกถึงเรื่องดีๆที่ผ่านมา รู้สึกดีครับ สาธุครับ🙏
03 ก.พ. 2563 เวลา 10.36 น.
ในการที่จะช่วยเหลือเกื้อกูลกันนั้น สำคัญอยู่ที่เหตุของความเป็นจริงในการที่จะช่วยเหลือที่เป็นปัจจัยหลักสำคัญอย่างหนึ่ง และรวมทั้งตนเองก็จะต้องไม่เดือดร้อนจึงจะเกิดอานิสงฆ์ของในคำว่าเมตตา.
03 ก.พ. 2563 เวลา 10.29 น.
Ton.
ขอบคุณมากครับ
03 ก.พ. 2563 เวลา 11.01 น.
ดูทั้งหมด