ในชีวิตหนึ่งที่เกิดมา ถ้าถามว่าความรักร้ายกับเราได้มากแค่ไหน? แต่ละคนคงมีคำตอบที่ไม่เหมือนกัน แต่สำหรับไอคอนหญิงแกร่งศิลปินสาวชาวเม็กซิกัน Frida Kahlo ที่ถ่ายทอดชีวิตผ่านผืนผ้าใบแล้ว ความรักทำร้ายและทำลายเธอได้มากกว่าที่ใครจะคาดคิด
ถึงใครจะไม่รู้จักชื่อ Frida Kahlo แต่เรามั่นใจว่าทุกคนเคยเห็นผลงานของเธอผ่านตากันมาบ้างแน่นอน เธอเป็นหญิงชาว Mexican ที่มีพรสวรรค์ด้านศิลปะ ถึงจะป่วยเป็นโปลิโอและไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อิสระอย่างใจตั้งแต่วัยเด็ก แต่เธอก็ใช้ชีวิตร่าเริงสดใสไม่ต่างจากเด็กทั่วไป*จนกระทั่งเจอกับจุดเปลี่ยนชีวิตในวัย 18 ปีที่ชีวิตร้ายกับเธอเหลือเกิน รถเมล์ที่ฟรีดานั่งประสบอุบัติเหตุใหญ่ เธอถูกแท่งเหล็กแทงชะลุเชิงกรานบาดเจ็บสาหัส ต้องใส่เครื่องรัดตัวเหล็กดามร่างกายและอาศัยอยู่บนเตียงเหล็ก ต้องละทิ้งความฝันการเป็นหมอ และไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อิสระไปตลอดชีวิต *
หลายคนคิดว่าฟรีดาจะยอมแพ้ แต่เธอนำความเจ็บปวด ความฝันสลายและน้ำตาของตัวเอง เปลี่ยนพวกมันเหล่านั้นให้กลายเป็นงานศิลปะที่ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อน เธอสั่งให้คนในบ้านแขวนกระจกที่ส่องให้เห็นเตียงและตัวเธอเอาไว้บนเพดาน จากนั้นก็ลงมือวาดภาพเหมือนของตัวเอง ควักหัวใจออกมาให้ทุกคนเห็น เห็นถึงสิ่งที่เธอเกลียด ถึงสิ่งที่เธอรัก และสิ่งที่เธอปวดใจ รูปภาพกว่า 55 ภาพในชีวิตของเธอได้ถ่ายทอดมุมมองและความรู้สึกของฟรีดา ในการต้องรับกับการผ่าตัดที่หลังและขาขวากว่า 30 ครั้ง
ผู้คนมากมายเห็นงานศิลปะของเธอแล้วกล่าวว่า.. ผลงานของเธอเป็นภาพแนวเหนือจริง และยกย่องให้เธอเป็นสุดยอดศิลปินแนว surrealism (แนวเหนือจริง) แต่ฟรีดากล่าวปฏิเสธอย่างชัดเจนว่า “ฉันไม่เคยวาดภาพความฝัน ฉันวาดแต่ความจริงของตัวเองเท่านั้น” ภาพ Portrait หรือภาพตัวเองที่ฟรีดาวาด จึงเป็นภาพความจริงที่เกิดขึ้นกับเธอ ณ ขณะนั้น การระบายความเกลียดชังร่างกายที่พิการและความเศร้ากับชีวิต เป็นเหมือนการบำบัดและเยียวยาให้เธอยอมรับตัวเองและภูมิใจกับชีวิตได้มากขึ้น
แต่ถ้าถามว่าหัวใจฟรีดาโดนถูกทุบให้แตกจากน้ำมือของพระเจ้าเท่านั้นหรือเปล่า?
เปล่าเลย หัวใจของฟรีดายังถูกทุบให้แตกด้วยน้ำมือของผู้ชายอีกหนึ่งคน นั่นก็คือ Diego Rivera จิตรกรวาดจิตรกรรมฝาผนังมือฉมังในยุคนั้น ผู้ชายที่ฟรีดาหลงรักเหลือเกิน แม้ว่าดิเอโกจะมีชื่อเสียงย่ำแย่เกี่ยวกับเรื่องผู้หญิงและอายุที่ห่างกันกว่า 20 ปี ท่ามกลางเสียงคัดค้านของคนรอบข้าง ความรักระหว่างฟรีดาและดิเอโกงอกเงยเป็นความหลงใหลอย่างรวดเร็ว
ดิเอโกคือทุกอย่างของฟรีดา เขาเป็นทั้งครูผู้แนะนำและนักวิจารณ์ชั้นดีที่ช่วยให้เธอก้าวหน้าในวงการศิลปะ เป็นทั้งผู้ชายที่เธอรักมากที่สุดและก็เกลียดมากที่สุด ภาพวาดที่ฟรีดาวาดทั้งหมดในชีวิตกว่า 143 รูป นักวิจารณ์แทบทุกคนได้กล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า.. ภาพส่วนใหญ่ที่ฟรีดาวาดหลังการแต่งงาน การแท้งลูก รวมถึงการเลิกรา มักมีเรื่องราวและความรู้สึกที่เกี่ยวกับดิเอโกซ่อนอยู่เสมอ
“ในช่วงชีวิตของฉันเจออุบัติเหตุร้ายแรงอยู่ 2 อย่าง หนึ่งคือการต้องอยู่บนรถเข็น สองคือดิเอโก และดิเอโกนั้นเลวร้ายที่สุด”
คำพูดนี้ของฟรีดาได้ถูกเปิดเผย หลังจากที่เธอจับได้ว่าดิเอโกสวมเขาให้เธอกับน้องสาวแท้ ๆ ของตัวเอง ภาพวาดหนึ่งที่เปิดเผยความทุกข์ทรมานของเธอคือภาพ Memory, the Heart ที่แม้ใบหน้าของฟรีดาในภาพจะไม่ฟูมฟายมากนัก แต่สภาพของเธอกลับแย่เหลือเกิน อกข้างซ้ายถูกแทงจนกลวงโบ๋ด้วยแท่งเหล็ก แถมยังมีกามเทพตัวน้อยนั่งเล่นอยู่ตรงปลายแท่งเหล็กอีกด้วย.. (เหมือนคนโดนล้อเล่นกับหัวใจ เจ็บขนาดไหน คิดดู!)
ถึงจะเจอการหักหลังอันเจ็บปวด หลังการหย่าร้าง ฟรีดาก็ยังรักดิเอโกมากเหลือเกิน เธอได้กลับบ้านเกิดและวาดภาพชื่อ The Two Fridas โดยในภาพมีเธอสองคนที่แต่งกายแตกต่างกัน คนหนึ่งสวมเสื้อผ้าสากลแบบที่ฟรีดานิยมใส่ ส่วนอีกคนกลับแต่งกายด้วยเสื้อผ้าพื้นเมืองอนุรักษ์นิยมแบบที่ดิเอโกชื่นชอบ ที่สำคัญฟรีดาทั้งสองคนยังมีการโยงใยแชร์หัวใจกันอีกด้วย นั่นก็คือการสื่อถึงความรักที่ยังตัดใจจากดิเอโกไม่ขาดนั่นเอง
ภาพ The Two Fridasนี้เป็นภาพที่นอกจากจะโชว์ความรักอันเจ็บปวดของเธอต่อคนทั้งโลกแล้ว ยังทำให้เธอรู้จักกันในนามของจิตรกรสาวแนวหน้าของโลก สามารถยึดอาชีพ “ศิลปิน” ได้อย่างนับหน้าถือตา ไม่ใช่เพียงแค่ภรรยาหรือแฟนสาวที่ตามดิเอโกไปออกงานสังคมในวงศิลปินเฉยๆ อีกต่อไป!!
ฟรีดาได้ผ่านการรัก หักหลัง หย่าร้าง และกลับมาคบกับดิโอโกอยู่หลายรอบ พวกเขาทั้งสองคนพบว่าความรักระหว่างทั้งคู่จะดีที่สุดต่อเมื่อไม่ต้องใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน เพียงแต่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ความคิดของฟรีดาก็ยังวนอยู่รอบตัวดิโอเกเสมอ ถึงแม้จะรู้ว่า “ดิเอโกไม่มีวันเป็นสามีของใคร”
ดิเอโกจึงเปรียบได้ว่าเป็นทั้ง ‘ผู้สร้าง’ และ ‘ผู้ทำลาย’ ฟรีดาอย่างแท้จริง เขาเป็นแสงสว่างจนฟรีดาประสบความสำเร็จในฐานะศิลปินชื่อดัง แต่ในฐานะสามี เขาไม่เคยเป็นความรักที่ฟรีดาอุ่นใจ หัวใจดิเอโกยังคงเป็นเด็กหนุ่มที่ตื่นเต้นหลงใหลไปกับการตกหลุมรักคนใหม่ ๆ อยู่เสมอ เขากลายเป็นความมืดส่วนหนึ่งที่กัดกินชีวิตฟรีดา เป็นความรักและความผูกพันที่ฟรีดาไม่สามารถปล่อยวางได้จนวาระสุดท้ายของชีวิต
หลายคนอาจคิดว่าการก้าวข้ามผ่านความรักไม่ได้เป็นเรื่องน่าเศร้า แต่สำหรับโลกที่ไม่มีอะไรแน่นอน
สิ่งหนึ่งที่มั่นคงอยู่เป็นเพื่อนฟรีดาจนถึงวันสุดท้ายของชีวิต
คือ ‘ความทรงจำรสหวานอมขม’ และมิตรภาพอันซับซ้อนที่มีแต่เธอและเขาที่เข้าใจ
น่าเศร้าเหลือเกินที่ความงดงามของศิลปะนั้น บางครั้งแฝงไปด้วยความเจ็บปวดที่มากมายของศิลปิน ดังคำตลกร้ายที่คนมักเปรยอยู่บ่อย ๆ ว่า.. Art never comes from happiness
.
.
ติดตามบทความของเพจพื้นที่ให้เล่า ได้บน LINE TODAY ทุกวันเสาร์
.
.
*อ้างอิง *
http://mentalfloss.com/article/80067/17-artful-facts-about-frida-kahlo