โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

7 ข้อคิดชีวิต แต่ถ้าคิดได้หลังอายุ 40 ก็สายไปซะแล้ว

LINE TODAY ORIGINAL

เผยแพร่ 05 ก.ย 2564 เวลา 17.25 น. • เพื่อนตุ้ม
ขอบคุณภาพจาก <a href=
@creativeart | freepix.com" data-width="1920" data-height="1080">
ขอบคุณภาพจาก @creativeart | freepix.com

อะไรคือสิ่งสำคัญในชีวิต…

‘เงิน’ ‘ความรัก’ ‘สุขภาพ’ ‘ครอบครัว’ ‘เพื่อน’ ‘ความสุข’ ‘ความฝัน’ ‘ความสำเร็จ’ ฯลฯ

แต่ละคนก็มีสิ่งสำคัญในชีวิตที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับสถานะ บทบาทหน้าที่ การใช้ชีวิต และช่วงอายุในตอนนั้น

นักเรียน วัย 18 อาจจะบอกว่าสิ่งสำคัญในชีวิตตอนนี้ก็คือ ความฝัน และเพื่อน

คุณพ่อ วัย 30 อาจจะบอกว่าสิ่งสำคัญในชีวิตตอนนี้ก็คือ ครอบครัว เงิน และหน้าที่การงาน

คุณยาย วัย 75 อาจจะบอกว่าสิ่งสำคัญในชีวิตตอนนี้ก็คือ สุขภาพ และความสุข

คนทุกคนมีสิ่งสำคัญในชีวิตที่แตกต่างกัน

แต่ไม่ว่าจะสถานะไหน ใช้ชีวิตมายังไง สุดท้ายแล้วปลายทางของทุกคนก็ยังอยากมีความสุขอยู่กับสิ่งสำคัญในชีวิตให้นานที่สุด แต่มันจะเป็นไปไม่ได้เลย ถ้าใช้ชีวิตไปเรื่อย ๆ โดยไม่ได้คำนึงถึงอะไรเลย อย่าลืมว่าวิธีคิด การมองโลก และการใช้ชีวิตในปัจจุบันส่งผลถึงอนาคตเสมอ

และการจะรักษาสิ่งสำคัญในชีวิตไว้ให้ได้นั้น สิ่งที่ต้องมีเลยก็คือวิธีคิด การวางแผน และการลงมือทำอย่างจริงจัง ซึ่งวิธีคิดนี่แหละสำคัญ และนี่คือ 7 ข้อคิดที่ต้องคิดให้ได้ไว ๆ เพราะถ้าใช้ชีวิตมาเกินครึ่งแล้วแต่ยังคิดไม่ได้ ก็อาจจะสายเกินไปซะแล้ว

1. คนดี ๆ ในชีวิต คือยาวิเศษ!

ว่ากันว่ายิ่งอายุเยอะขึ้น คนดี ๆ ในชีวิตก็จะยิ่งน้อยลง เพราะเวลาจะค่อย ๆ คัดคนไม่ดีออกไปจากชีวิตของเราเอง

คนดี ๆ เหล่านี้ไม่เฉพาะแค่คนในครอบครัวที่คอยปกป้อง เคียงข้าง และเยียวยาเราในวันที่ไม่มั่นคง แต่รวมถึงเพื่อนสนิทมิตรสหายทั้งหลาย ที่ไม่ต้องเยอะ ไม่ต้องมากมายแต่ต้องการเมื่อไหร่ คนเหล่านี้ก็พร้อมเดินเข้ามาแตะไหล่เบา ๆ ในยามที่อ่อนแอได้เสมอ นั่นแหละ “คนดี ๆ ในชีวิต”

2. อย่าเสียเวลากับคนไม่ใส่ใจ

ตอนที่เด็กกว่านี้ เรามักจะคิดว่าคนอื่นจะมองยังไง จะทำอะไรก็ต้องให้ดูดีไว้ก่อน กลัวว่าคนอื่นจะคิดว่าเราทำตัวไม่เข้าท่า ทำตัวแย่ แต่พออายุมากขึ้น ประสบการณ์จะสอนเราเองว่า นอกจากจะไม่มีใครมาคิดอะไรแบบนี้แล้ว เค้ายังไม่ได้มานั่งสนใจใครเลยด้วย เพราะมันเสียเวลา

การอยู่บนโลกนี้มา 40 ปีสอนให้รู้ว่าไม่จำเป็นต้องไปเสียเวลากับคนอื่น ไม่จำเป็นต้องแคร์ภาพลักษณ์ว่าเค้าจะมองเรายังไง เพราะสุดท้ายเราก็ยังเป็นเราอยู่ดี ดังนั้นสถานะครึ่งชีวิตแบบนี้ถือเป็นเรื่องดีที่เราจะได้เห็นคุณค่าของตัวเองอย่างเต็มที่ ให้ความสำคัญกับตัวเองมากกว่าที่เคย แล้วจะรู้เลยว่าการเคารพตัวเองเพิ่มพลังให้เรามากจริง ๆ

3. ชีวิตมันสั้นเกินกว่าจะไม่ชอบใครสักคน

เชื่อว่าทุกคนต้องเคยเกลียดหรือไม่ชอบใครสักคนแน่นอน บางคนจำไม่ได้แล้วด้วยซ้ำว่าเกลียดเค้าเพราะอะไร จำได้แต่ว่าคนนี้ไม่ชอบหน้ากัน ก็เลยไม่คุยกัน ถามหาเหตุผลก็ตอบไม่ได้ แต่รู้อะไรไหม..การเกลียดใครสักคนมันใช้พลังงานมากกว่าที่คิด ต้องควบคุมตัวเองไม่ให้ไปสนใจ ไปมอง ไปคุยกับเค้า ต้องใช้แรงคอนโทรลความคิดบอกตัวเองว่าเกลียด เกลียด เกลียด ไม่ชอบ ๆ ๆ ๆ ซึ่งมันเสียเวลาชีวิตไปมาก ๆ

พอมาถึงจุดนี้ จุดที่ผ่านครึ่งชีวิตมาแล้ว เราจะรู้เลยว่าการใช้พลังงานชีวิตไปกับเรื่องอะไรแบบนั้นมันไม่มีประโยชน์อะไรเลย มีแต่จะทำให้เราเหนื่อย หมดพลังไปเรื่อย ๆ มากกว่า เพราะฉะนั้นช่างมันไปบ้างก็ได้ ถ้าลืมไปแล้วว่าเกลียดเค้าเพราะอะไร ก็จงให้อภัยไปเถอะ ถึงการให้อภัยทำยาก แต่จงทำให้ได้

4. เงินน่ะมีไหม

ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าเงินน่ะสำคัญ และยิ่งอายุมากขึ้นก็ยิ่งต้องใช้เงินมากขึ้น ไหนจะค่ารักษาพยาบาลยามเจ็บป่วย ค่าคนดูแล ค่าอื่น ๆ จิปาถะที่มีเงินมากไว้ก่อนเป็นดีที่สุด เพราะฉะนั้นถ้าจะเริ่มเก็บเงินตอนนี้ก็สายไปซะแล้วด้วย

อย่างที่รู้กันว่าการวางแผนการเงินที่ดีควรเริ่มตั้งแต่ก่อนอายุ 20 ปี เพราะด้วยระยะเวลาและการลงทุนต่าง ๆ จะทำให้เงินงอกเงยได้เป็นกอบเป็นกำ แต่ถ้าเริ่มตอนอายุ 40 ระยะเวลาที่น้อยกว่า ดอกผลก็ย่อมน้อยกว่า ซึ่งก็ไม่เป็นไร แค่คิดจะเริ่มก็ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดี เพราะฉะนั้นเริ่มช้ากว่าก็ต้องขยันมากกว่า ใครก็ตามที่เริ่มเก็บเงินตอนใกล้เลข 4 แปลว่าจะมีเวลาเตรียมตัวและทำงานได้อีกไม่ถึง 20 ปี ดังนั้นต้องสู้ ๆ หน่อย เพราะการแก่โดยไร้ซึ่งเงินดูแลตัวเองมันน่ากลัวกว่าเกินกว่าที่จินตนาการไปถึง

5. ปัจจุบัน สำคัญที่สุด

ถ้าย้อนกลับไปตอนเป็นเด็ก จะรู้เลยว่าเราใช้ชีวิตได้สนุกกว่านี้ เพราะตอนเด็ก เราไม่เคยต้องกังวลกับอะไรที่มันยังไม่เกิด ไม่ต้องคิดว่ายังไม่สิ้นเดือนเลย เงินจะหมดแล้ว ทำไงดี ไม่ต้องกังวลว่าจะปิดไตรมาสแล้ว KPI ยังไม่ถึงเลย ไม่ต้องกลุ้มว่าจะหาเงินจากไหน เพราะตอนเป็นเด็ก เราอยู่แค่กับปัจจุบันเท่านั้น ไม่ต้องคิดถึงอดีต แถมยังไม่ต้องนึกถึงอนาคตที่มันยังมาไม่ถึง

หลายคนก็เลยเข้าใจว่าตอนเด็ก ๆ สนุกกว่านี้ แต่จริง ๆ แล้วอายุแค่ไหนเราก็มีความคิดแบบเด็ก ๆ และมีความสุขกับปัจจุบันได้เหมือนกัน การทำแบบนี้ไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่แคร์อนาคต ไม่วางแผน หรือไม่มีจุดมุ่งหมาย แต่ปัจจุบันมันสำคัญกว่า เพราะบางครั้งความคิดของเราก็ชอบไปติดอยู่กับอดีต หรือไม่ก็ไปกังวลในเรื่องที่ยังมาไม่ถึง จนทำให้ใช้ชีวิตปัจจุบันแบบไม่ค่อยมีความสุขเท่าไหร่ แค่ทำวันนี้ให้ดีที่สุด โดยไม่ต้องกลัวว่าพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร เราก็มีความสุขในแบบของเราได้แล้ว

6. ได้เวลา..ดูแลสุขภาพ

จริง ๆ คนเราก็ควรดูแลสุขภาพของตัวเองตั้งแต่เนิ่น ๆ อยู่แล้ว แต่ตัวเลขครึ่งชีวิตเป็นเหมือนป้ายเตือนเกือบจะสุดท้ายที่บอกว่า เฮ้ย! มันได้เวลาแล้วจริง ๆ นะ เพราะถ้าไม่เริ่มตั้งแต่ตอนนี้ ทุกอย่างในร่างกายมันก็เกือบจะไม่ไหวแล้วจริง ๆ ขนาดเครื่องจักรยังต้องมีวันหยุดซ่อมบำรุง แต่ร่างกายคนเราไม่มีวันหยุดอะไรแบบนั้นเลย อวัยวะทุกส่วนทำงานแทบจะตลอดเวลา ดังนั้น 40 หรือครึ่งชีวิตเป็นช่วงเวลาที่เกือบจะสายเกินไปแล้วด้วยซ้ำที่จะเริ่มดูแลสุขภาพอย่างจริงจัง

เริ่มต้นจากสิ่งที่ทุกคนรู้กันอยู่แล้ว นั่นก็คือการออกกำลังกาย การกินอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนอย่างเต็มที่ แค่ 3 อย่างนี้ก็เป็นการดูแลตัวเองที่สมบูรณ์แบบที่สุดแล้ว

7. คิดได้แล้วว่าจะอยู่ยังไง

สิ่งที่หลายคนคิดและกังวลอยู่เสมอก็คือเรื่องของอนาคต แต่เชื่อไหมว่าแทบทุกคนไม่ค่อยคิดหรอกว่าถ้าแก่แล้ว เกษียณแล้วจะอยู่ยังไง เพราะฉะนั้นป้ายเตือนที่ 40 นี่แหละคือจุดเริ่มต้นที่ต้องคิดได้แล้วว่า “จากนี้จะอยู่ยังไง”

การวางแผนที่ดีนำไปสู่ความสำเร็จได้เสมอ ดังนั้นมองภาพตัวเองยามแก่ไว้ได้เลย อยากให้เป็นแบบไหน อยู่ที่ไหน ใช้ชีวิตยังไง ทำอะไร อยู่กับใคร สิ่งเหล่านี้จะช่วยบอกว่าตอนนี้เราต้องสร้างอะไร เริ่มอะไรบ้างเพื่อให้ได้ตามภาพที่คิดไว้

เรื่องเหล่านี้เป็นสิ่งที่ทุกคนรู้ว่าสำคัญ แต่น้อยคนที่จะเริ่มลงมือสร้างสิ่งต่าง ๆ เตรียมไว้ในอนาคต อย่าลืมเวลามันก็เดินไปเรื่อย ๆ ของมันอยู่แบบนี้มาตั้งนานแล้ว เผลอแป๊บเดียวก็ 30, 40, 50, 60 และ 80 แบบไม่รู้ตัว ถ้าเริ่มตอนนี้ จะไปเริ่มตอนไหน

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0