“นพดล ธรรมวัฒนะ”ทุ่มชีวิต “เรียนกฎหมาย” เพื่อต่อสู้กับ “คำครหา” และ “ความโลภ” ของคนในตระกูล
ท่ามกลางกระแสร้อนในโลกโซเชียลของซีรีส์ดัง ‘เลือดข้นคนจาง’ ทำให้หลายคนอดไม่ได้ ที่จะนึกถึงเหตุการณ์หนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ ของตระกูล ‘ธรรมวัฒนะ’ ซึ่งดูมีความละม้ายคล้ายคลึงกันเสียเหลือเกินจนหลายสำนักต้องถึงกับไปจ่อไมค์ถามความคิดเห็นจากบุคคลผู้ซึ่งตกเป็นเหยื่อแห่งความอยุติธรรมของเหตุการณ์ในครั้งนั้น ทว่าสิ่งที่มีมากกว่าแค่การเชื่อมโยงเรื่องราว ก็คือเรื่องราวอันเป็นเสมือนการตกผลึกความคิดและชีวิตในทุก ๆ วันของเขา ชายคนที่ชื่อ ‘นพดล ธรรมวัฒนะ’
เจ้านายคุณเป็นฆาตกร!
ชีวิตมีการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง? “ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรมากก็ยังดำเนินธุรกิจส่วนตัวนับตั้งแต่วันเสียชีวิตของพี่ตั้งแต่ปี 2542 จริง ๆ คดีความก็ได้จบสิ้นไปแล้ว หลังจากผลการพิสูจน์ทางด้านนิติเวชวิทยาหรือด้านนิติวิทยาศาสตร์แม้กระทั่งกระบวนการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ”
ย้อนกลับไปดูเวลาที่ต้องขึ้นศาล เราแทบไม่เคยเห็นความประหม่าใดๆ บนสีหน้าของนพดล? “ก็ไม่ได้รู้สึกหนักอกหนักใจอะไรเลยเพราะเรารู้ความจริงทั้งหมดกรณีการเสียชีวิตของพี่น้องหลายๆคนซึ่งมันเป็นเรื่องต่างกรรมต่างวาระกันแต่เนื่องจากพี่ห้างทองเป็นนักการเมืองในขณะนั้นเลยอาจจะเป็นที่สนใจและที่คลางแคลงใจของสังคม”
เมื่อถูกมองว่าเป็นฆาตกร มีปฏิกิริยาจากคนรอบข้างหรือสังคมอย่างไร? “ในช่วงแรกค่อนข้างแรงผมทำธุรกิจค้าขายขายปลีกเสื้อผ้าและทองคำก็มีลูกค้าหลายคนไม่เข้าใจและมาแสดงออกผ่านพนักงานขายที่หน้าร้านและต่อว่ารุนแรงว่าเจ้านายคุณเป็นฆาตกรแต่กับตัวเองไม่เคยเจอ”
ก็ไม่เป็นไร….ความจริงก็คือความจริง
สถานการณ์ในครอบครัวตอนนั้นเป็นอย่างไร? “เรื่องของผมจบไปจริง ๆ ตั้งแต่ปี 2546 ในคดีความระหว่างพี่น้องตอนนั้นสุดท้ายผมก็ยินยอมขายหุ้นให้น้องฝ่ายหนึ่งหลังจากนั้นเมื่อน้องฝ่ายนั้นเขาไปรวมตัวกันก็เกิดเป็นคดีความใหม่ขึ้นมาที่จบในปี 2557 อันนั้นก็เป็นคดีที่เกิดในกลุ่มของเขากันเอง”
ทุกวันนี้ความสัมพันธ์ภายในเป็นอย่างไร? “ก็ดีครับจะเห็นได้ว่าในคดีความหลังจากที่ศาลชั้นต้นตัดสินแล้วน้องหลายคนที่เริ่มมีสำนึกแล้วจากที่ปรักปรำกันแต่ก็เข้าใจได้ว่ามันมีนัยยะที่จะดิสเครดิตตัวผมเพื่อที่จะได้ผลประโยชน์ของตัวเองให้มากที่สุดในส่วนของกองมรดกก็ไม่เป็นไร….ความจริงก็คือความจริงผมก็ยืนหยัดต่อสู้มาอย่างโชกโชนแล้ว”
เมื่อย้อนไปปี 2559 มีการฟ้องร้องระหว่างเจเนอเรชันที่สามกับสอง นพดลมีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้องในการเยียวยาความขัดแย้งครั้งนี้หรือไม่? “ไม่ได้มีส่วนอะไรมากมายแต่เห็นว่าเรามีบทเรียนมากแล้วตักเตือนน้องที่ยังมีความโลภมากอยู่แต่ผลการตักเตือนก็คงไม่ได้เกิดอะไรมากมายเท่าไหร่…เข้าใจว่ายังอยู่ในกระบวนการพิจารณาของศาล”
ปัจจุบันยังบริหารตลาดยิ่งเจริญอยู่ไหม? “ตอนนี้ไม่ได้มีบทบาทและไม่ได้ถือหุ้นแล้ว” ออกห่างจากกงสีแล้ว? “ก็ไม่เชิงเพราะตอนนี้เป็นผู้จัดการมรดกของคุณแม่อยู่หลังจากผู้จัดการมรดกของที่คุณแม่ตั้งได้เสียชีวิตไปอะไรไปและจัดการมรดกก็ยังไม่จบสิ้นยังมีทรัพย์สินอื่นๆที่ต้องบริหารอยู่”
มันก็ยังคงเป็นจุดดำอยู่ในใจตลอดไป
ทุกวันนี้ยังมีบาดแผลจากอดีตอยู่ไหม? “มันก็ยังคงเป็นจุดดำอยู่ในใจตลอดไปแต่ทุกสิ่งทุกอย่างเมื่อหลังจากคดีความจบสิ้นออกสื่อมวลชนกันเยอะแยะพี่น้องก็เข้ามากราบขอโทษขออภัยกับผมเองในตอนนี้ก็ถือได้ว่าเป็นพี่ใหญ่ในตระกูลก็ไม่มีอะไรที่จะดีไปกว่าการอโหสิกรรมให้กับทุกคนและความจริงก็ได้ผ่านการพิสูจน์มาจนสมบูรณ์แบบทุกขั้นตอนแล้ว”
อะไรคือความสุขของนพดล ธรรมวัฒนะ ในวันนี้ “การได้เห็นธุรกิจของเรามีความเจริญก้าวหน้าในขณะเดียวกันลูกก็ได้รับการปลูกฝังและดำเนินธุรกิจของตัวเองก็ได้เห็นเขามีการเจริญเติบโตก็มีความสุขแล้ว”
อยากถูกจดจำในฐานะนักธุรกิจและนักการตลาดมากกว่า
ถ้าไม่ใช่เรื่องคดีความ อยากให้สังคมจดจำอะไรเกี่ยวกับคนชื่อ ‘นพดล ธรรมวัฒนะ’? “ผมเข้ามาในวงการธุรกิจน่าจะ 40 ปีแล้วที่ผ่านมาได้มีโอกาสสัมผัสกับสื่อในทุกแขนงสื่อสังคมสื่อธุรกิจต่างๆ ผมได้ส่งผลงานเข้าประกวดแผนการตลาดและก็ได้รับรางวัลชนะเลิศ ซึ่งในนั้นมีบริษัทยักษ์ใหญ่มากมาย
นอกจากนี้ก็มีโอกาสได้เข้าไปช่วยสร้างสรรค์ด้านการศึกษาและอะไรต่างๆอีกพอสมควรแต่หลังจากการพลิกผันปี 2542 ที่มีคดีของพี่ห้างทองก็เกิดความเคลือบแคลงใจในสังคมภาพตรงนั้นก็ถูกเปลี่ยนแปลงตอนนั้นสื่อมวลชนก็เสนอข่าวกันเป็นดราม่าซะส่วนใหญ่จริงๆผมอยากถูกจดจำในฐานะนักธุรกิจและนักการตลาดมากกว่าเพราะในตอนนั้นผมคิดว่าผมเป็นคนแรก ๆ ที่เลือกเอา Event Marketing มาใช้มีการเขียนเป็นทฤษฎีเลยในเรื่องนี้”
แบมือขอความยุติธรรมจากใครไม่ได้
จากเหตุการณ์ในชีวิตทั้งหมดที่ผ่านมาตกผลึกอะไรไปสอนลูกสอนหลานบ้าง? “ถ้าในเรื่องครอบครัว ความเป็นพี่น้องกัน รักกัน สมานสามัคคีกัน เป็นสิ่งประเสริฐ เป็นสิ่งที่ดีที่สุด และเชื่อว่าเป็นสิ่งที่พึงปราถนาของพ่อแม่ทุกคน ถ้าพี่น้องรักสามัคคีกัน เหตุการณ์ต่างๆ เหล่านี้ก็ไม่อาจคืบคลานเข้ามาได้”
“บทเรียนอีกส่วนหนึ่งคือหลังจากที่ผ่านกระบวนการยุติธรรมต่างๆมาเราก็เห็นช่องว่างในกระบวนการยุติธรรมของบ้านเราอยู่เยอะมากเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับผมมีการถูกปรักปรำโดยการสร้างหลักฐานเท็จต่างๆขึ้นมา ผมถือว่าตัวผมเองมีศักยภาพในการสู้ซึ่งการสู้ของผมตอนนั้นถึงกับต้องไปเรียนวิชากฎหมายด้วยตัวเองในการสู้คดีนี้ จะไปแบมือขอความยุติธรรมจากใครไม่ได้เลย มีค่าใช้จ่ายมีอะไรต่าง ๆ เยอะแยะมากเลยทีเดียวมานึกถึงว่าคนธรรมดาที่เขาไม่มีศักยภาพจะไปร้องเรียกขอความยุติธรรมได้จากที่ไหนและคดีของผมผมคิดว่าน่าจะเป็นกรณีตัวอย่างที่สำคัญเพราะมีการใช้กระบวนการพิสูจน์ทางด้านนิติวิทยาศาสตร์เป็นคดีแรก ๆ ในประเทศไทยและใช้นักนิติวิทยาศาสตร์มือหนึ่งในระดับโลกผ่านมาหลายปีแล้วจะเห็นได้ว่าการวิเคราะห์และให้ความเห็นที่ผิดพลาดจากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ยังมีอีกหลายคดีแม้กระทั่งคดีปัจจุบันที่ผ่านมาเช่นในคดีที่มีคนตกจากรถแล้วอ้างว่าเป็นคดีฆาตกรรมซึ่งสอดคล้องกันเลยสิ่งเหล่านี้ผมคิดว่ากระบวนการยุติธรรมและการให้ความเห็นของผู้เชี่ยวชาญที่ไม่มีความรู้ความชำนาญที่แท้จริงจะเกิดผลร้ายกับประชาชนเป็นอย่างมาก”
ความเห็น 43
หญิง
น่าคิด ทุกวันนี้สังคมส่วนใหญ่เขาก้อยังไม่ค่อยเชื่อในสิ่งที่คุณพยายามอธิบายเลย..เขามองดวงตาคุณที่ซ่อนบางสิ่งไว้..อีกใจฉันก้อให้อภัยคุณนะ ทุกคนมีกรรมเปนของตน..เวลาที่เหลือของเราทุกคนต้องทำกุศลให้พ้นกรรม ไม่เช่นนั้น ก้อรับกรรมตามเวลา
09 พ.ย. 2561 เวลา 03.29 น.
หญิง
ไม่ต้องเรียนรุ้อะไรอีกแล้ว รอดจากนิติวอทยาศาสตร์มา ยอดคน ฟังสัมภาษณ์โต้จนหมอพรทิพย์เปนคนผิดเลยคุณ ฉันยอมคนนึง อีกอย่างลูกเขาก้ออยู่ข้างคุณจนมีหลานดารา...คุณถูกมาตลอดอย่างที่คุณบอกมาคะ
09 พ.ย. 2561 เวลา 03.26 น.
Concorde_4
ใครทำอะไร คนอื่นไม่รู้ แต่ใจตัวเองรู้ เวรกรรม
09 พ.ย. 2561 เวลา 03.24 น.
คุณนพดลทำไมหน้าคุณดูไม่มีความสุขเลยดูไม่สมกับที่มีอะไรๆๆมหาศาล
09 พ.ย. 2561 เวลา 03.04 น.
PUK OSAKA
ร่ำรวยมาจากความลำบากของผู้อื่น มีเงินและมีกรรม
09 พ.ย. 2561 เวลา 02.19 น.
ดูทั้งหมด