เกิดอะไรขึ้นกับ AOT วันเดียวมูลค่าหายเกือบ 1 แสนล้าน เมื่อ 14 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา กำไรโต แต่ทำไมหุ้นร่วง!?
เป็นปรากฏการณ์ที่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ กับการหุ้นขนาดไทยใหญ่ที่มี Market Cap. ระดับหลายแสนล้าน จะร่วงลงแรงเกิน 10% ภายในวันเดียว ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2568 เหตุการณ์ดังกล่าวได้เกิดขึ้นกับหุ้น AOT หรือ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ผู้ประกอบธุรกิจท่าอากาศยานของประเทศไทย
หุ้นร่วง!วันเดียวมูลค่าหายเกือบแสนล้าน
ราคาหุ้น AOT ปิดตลาดเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2568 ด้วยการปรับตัวลดลง 13.76% ราคาหุ้นลงมาอยู่ที่ระดับ 47.00 บาทต่อหุ้น เป็นราคาหุ้นต่ำสุดในรอบ 5 ปี และคิดเป็นมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด หรือ Market Cap. ที่หายไปกว่า 1 แสนล้านบาท ภายในวันเดียวเท่านั้น
สิ่งที่เกิดขึ้นกับ AOT มาจาก Sentiment เชิงลบจากการประกาศผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1 ปี 2568 (งวดระหว่างเดือนตุลาคม - ธันวาคม 2567 ของบริษัท) โดยมีรายได้ 17,906 ล้านบาท เติบโต 13.4% จากช่วงปีก่อน และมีกำไร 5,344 ล้านบาท เติบโต 17.1% จากช่วงปีก่อน
คำอธิบายผลการดำเนินงานและการวิเคราะห์งบฐานะการเงินของ AOT ระบุว่า การเติบโตของรายได้และกำไรของบริษัท เกิดจากปริมาณการจราจรทางอากาศของ ทอท. ระหว่างเดือนตุลาคม - ธันวาคม 2567 มีจำนวนเที่ยวบินรวม 204,549 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 14.78% เปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็นเที่ยวบินระหว่างประเทศ 117,333 เที่ยวบิน และเที่ยวบินภายในประเทศ 87,216 เที่ยวบิน ส่วนจำนวนผู้โดยสารรวมมีทั้งหมด 33.62 ล้านคน เพิ่มขึ้น 16.41% เปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็นผู้โดยสารระหว่างประเทศ 20.85 ล้านคน และผู้โดยสารภายในประเทศ 12.77 ล้านคน
การเติบโตของปริมาณการจราจรทางอากาศ เนื่องจากการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยว นโยบายการส่งเสริมการท่องเที่ยวเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ รวมถึงช่วงวันหยุดยาว (Golden Week) ของชาวจีน
AOT กำไรโต แต่ทำไมหุ้นร่วง!?
คำถามคือถ้าเราอ่านงบของ AOT แบบเผินๆ จะเห็นว่าเติบโตทั้งรายได้และกำไร แต่ว่าทำไมราคาหุ้นจึงสะท้อนออกมาเป็นเชิงลบขนาดนี้? คำตอบของกรณีนี้อาจจะเป็นเพราะความคาดหวังที่สูงของนักลงทุนนั่นเอง!
นักวิเคราะห์ บล. เคจีไอ เปิดเผยว่า AOT ประกาศกำไรไตรมาส 1/2568 มีการเติบโต ซึ่งสะท้อนภาพการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว แต่ยังต่ำกว่าประมาณการของเคจีไอ ถึง 13.2% และต่ำกว่า Market Consensus อยู่ที่ 7.7% โดยกำไรสุทธิในงวดนี้ คิดเป็น 22.9% ของประมาณการกำไรเต็มปีของฝ่ายวิจัยที่ 2.34 หมื่นล้านบาท
นักวิเคราะห์ บล. ซีจีเอส อินเตอร์เนชันแนล ได้สรุปมุมมองต่อหุ้น AOT หลังจากการประชุมนักวิเคราะห์ร่วมกับผู้บริหารของ AOT ว่า ปัญหาสภาพคล่องกรณี King Power อาจมีผลกระทบต่อรายได้ของ AOT หากสถานการณ์นี้ยังยืดเยื้อ โดยเฉพาะเรื่องค่าใช้จ่ายขั้นต่ำรายปี (Minimum Guarantee) ซึ่งเป็นแหล่งรายได้หลักของ AOT จากสัมปทานดังกล่าว
ทั้งนี้ ปัจจุบัน AOT มีรายได้จากสัมปทานที่สัดส่วนประมาณ 33% ของรายได้รวมทั้งหมด เพราะฉะนั้น หากมีการปรับเงื่อนไขสัมปทานจริง อาจส่งผลกระทบต่อประมาณการกำไรของ AOT ในอนาคต โดยสถานการณ์ดังกล่าวสร้างความไม่แน่นอน อาจทำให้เกิดความกังวลจากนักลงทุน ทำให้ราคาหุ้นได้รับแรงกดดันเชิงลบในระยะสั้น
สรุปแล้ว แรงกดดันต่อหุ้น AOT ในรอบนี้มาจากความกังวลของต่อตลาดต่อแนวโน้มการเติบโตในอนาคต เกิดจากผลกำไรที่โตน้อยกว่าคาด และส่วนแบ่งผลประโยชน์จากพื้นที่เชิงพาณิชย์ที่มีโอกาสลดน้อยลง จากการขอคืนพื้นที่กับกลุ่ม King Power และยกเลิกดิวตี้ฟรีขาเข้าในช่วงที่ผ่านมา
แน่นอนว่าทั้งหมดนี้ยังเป็น Sentiment ต่อราคาหุ้นในระยะสั้น แต่อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์ยังคงยืดเยื้อ ก็อาจจะส่งผลกระทบต่อทิศทางการเติบโตในระยะยาวของ AOT ได้เช่นเดียวกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น AOT วันนี้ (18 ก.พ.) ช่วงบ่ายเคลื่อนไหวอยู่ที่ 44 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 0.75 บาทต่อหุ้น (+1.73%) ขณะที่เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ราคาหุ้นAOT ปิดที่ 54.50 บาทต่อหุ้น วันที่ 17 กุมภาพันธ์ ราคาปิดที่ 43.25 บาทต่อหุ้น หากย้อนกลับไปเราจะเห็นว่าราคาหุ้น AOT ร่วงต่ำระดับ 60 บาทต่อหุ้น มาตั้งแต่กลางเดือนธันวาคม 2567 แล้ว
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ส่องหุ้น AOT หลังดิ่งแรง KSS ชี้ Sentiment ลบ เป็นโอกาส 'ทยอยสะสม'
- ทอท. แจงยิบตลท. 6 ข้อ ยันไม่ได้แก้สัญญาสัมปทาน คิง เพาเวอร์
- แดงทั้งกระดาน!! หุ้นเช้าวันนี้ดิ่งแรงเปิดร่วง 34.04 จุด หลุดแนวรับสำคัญ!
ติดตามเราได้ที่