โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

พฐ.เข้าตรวจสภาพรถพ่วงชน SUV

สำนักข่าวไทย Online

อัพเดต 25 เม.ย. เวลา 14.46 น. • เผยแพร่ 25 เม.ย. เวลา 06.23 น. • สำนักข่าวไทย อสมท

สมุทรปราการ 25 เม.ย. – พฐ.เข้าตรวจสภาพรถบรรทุกขับพุ่งอัดก๊อปปี้ รถ SUV เปลี่ยนแพมเพิสให้เด็ก รถทั้ง 3 คัน สภาพพังยับเยิน ขณะ ตร.ทางหลวงสันนิษฐานคนขับรถบรรทุกหลับ เนื่องจากมีรอยเบรกสั้นๆ ช่วงก่อนถึงตัวรถ

บริเวณที่จอดที่ร้านเก็บของกลางของสถานีตำรวจทางหลวง 1 กองกำกับการ 8 เจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบสภาพรถทั้ง 3 คัน เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานและหาสาเหตุของอุบัติเหตุ สำหรับรถทั้ง 3 คัน สภาพรถ SUV เสียหายทั้งคัน โดยเฉพาะบริเวณช่วงท้ายรถที่อยู่ในสภาพถูกชนพังยับเยินและส่วนหน้ารถที่ถูกอัดก๊อปปี้กับรถบรรทุกอีกคันได้รับความเสียหายจนหลังคาเปิด ยังมีคราบเลือดและเศษชิ้นส่วนผู้เสียชีวิตกระจายอยู่เต็มรถ โดยเฉพาะชิ้นส่วนบริเวณท้ายรถที่ยังปรากฏร่องรอยคราบเลือดและเส้นผมบางส่วนของผู้เสียชีวิต และมีอุปกรณ์เครื่องใช้และอาหารที่คาดว่าเตรียมเอาไว้สำหรับเด็กที่โดยสารในรถ เช่น นมกล่อง ถ้วยโยเกิร์ต ไปจนถึงรองเท้าเด็กและข้าวสาร ที่สำคัญยังพบตุ๊กตาเด็กขนาดเล็กอยู่ในที่เกิดเหตุ ซึ่งถือว่าเป็นภาพที่น่าสะเทือนใจ

ส่วนรถบรรทุกเทรลเลอร์พ่วงคันก่อเหตุ พบว่าบริเวณโซนด้านหน้าโดยเฉพาะฝั่งคนขับ ได้รับความเสียหายอย่างหนัก สันนิษฐานว่า รถบรรทุกคันก่อเหตุได้เบี่ยงเอาฝั่งคนขับพุ่งชนรถ SUV และรถบรรทุกเทรลเลอร์น้ำมันที่จอดอยู่ก่อนหน้านี้แล้วรถ SUV มาชนอัดก๊อปปี้ พบว่าได้รับความเสียหายบริเวณฝั่งซ้ายของรถเป็นรอยชนบุบ รวมทั้งยังปรากฏร่องรอยของคราบเลือดและเศษชิ้นส่วนผู้เสียชีวิตติดอยู่ที่บริเวณท้ายรถบรรทุกและบริเวณบังโคน

พ.ต.อ.กึกก้อง ดิศวัฒน์ ผู้กำกับการ 8 กองบังคับการตำรวจทางหลวง เปิดเผยถึงเหตุการณ์อุบัติเหตุชนสนั่นกลางมอเตอร์เวย์ รถยนต์จอดเปลี่ยนแพมเพิสให้เด็ก ถูกรถบรรทุกอัดก๊อปปี้ว่า รถยนต์ SUV มีผู้ขับขี่และผู้โดยสาร 10 คน มาจาก จ.อุดรธานี มารับ น.ส.จารุวรรณ ซึ่งเดินทางจากประเทศเกาหลีใต้ที่สนามบินสุวรรณภูมิ กำลังมุ่งหน้าไปหาพ่อแม่ของเด็กผู้รอดชีวิตที่ระยอง เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุ มีรถพ่วงบรรทุกน้ำมันจอดอยู่ด้านหน้าในช่องทางฉุกเฉินหรือจุดพักรถชั่วคราวอยู่ก่อน 1 คัน คนขับรถ SUV จึงจอดรถต่อท้าย เพื่อให้คนลงมาจากรถเพื่อใช้พื้นที่เปลี่ยนแพมเพิสให้เด็กบนรถและหยิบของ ต่อมาไม่ถึง 15 นาที มีรถบรรทุกเทรลเลอร์อีกหนึ่งคันวิ่งเข้ามาในช่องทางฉุกเฉิน แล้วเบี่ยงซ้ายพุ่งชนท้ายเข้ากับรถ SUV อย่างรุนแรง จนทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวน 8 คน

ส่วนในทางคดียังไม่ทราบถึงสาเหตุของรถบรรทุกเทรลเลอร์ที่ขับมาชนท้ายว่าเกิดจากสาเหตุใด แต่จากการสันนิษฐานอาจเกิดจากการหลับใน เนื่องจากมีรอยเบรกเล็กน้อยช่วงแฉลบ แต่ยังคงต้องรอสอบปากคำคนขับรถเทเลอร์คันที่ 3 ก่อน ซึ่งขณะนี้รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ก่อนพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหา

ส่วนหลักฐานจากกล้องวงจรปิดขณะนี้ อยู่ในระหว่างการประสานหมวดทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองของกรมทางหลวง เพื่อเอามาตรวจสอบสาเหตุและประกอบสำนวนคดี

ส่วนการสอบปากคำตอนนี้ยังไม่ได้เริ่มสอบปากคำคนขับรถบรรทุกเทรลเลอร์คันที่ขับมาชน เนื่องจากยังมีอาการบาดเจ็บสาหัสจากปากแตกและเจ็บหน้าอก รักษาตัวอยู่ในห้องฉุกเฉิน

ส่วนผู้บาดเจ็บที่โดยสารมากับรถยนต์ SUV พบว่าเป็นเยาวชนอายุ 18 ปี ที่อยู่นอกตัวรถ ยังมีอาการบาดเจ็บสาหัสจากแขนหัก รักษาตัวอยู่ในห้องฉุกเฉิน ขณะที่เด็กอายุ 12 ปี ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ต้องรอให้สภาพจิตใจพร้อม เพราะอยู่ในอาการตื่นตกใจและอยู่ในความดูแลของพ่อแม่ที่เดินทางมาจาก จ.ระยอง ก่อนประสานเจ้าหน้าที่สหวิชาชีพเข้ามาร่วมสอบปากคำ

สำหรับจุดเกิดเหตุเป็นช่องทางจอดพักรถฉุกเฉิน มีแสงสว่างเพียงพอ แต่ก็เคยเกิดอุบัติเหตุบริเวณดังกล่าว ส่วนการช่วยเหลือเยียวยาเบื้องต้น ทางรถบรรทุกคันที่ชนท้ายมีประกันชั้น 3 กับประกันภาคบังคับหรือ พ.ร.บ. ซึ่งจะมีเงินช่วยเหลือเยียวยาผู้เสียชีวิตรายละ 1 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นภาคเอกชน 500,000 บาท และประกันภาคบังคับ 500,000 บาท ส่วนบริษัทเจ้าของรถบรรทุกคันที่เกิดเหตุ ตำรวจได้ประสานให้เข้ามาให้ข้อมูลแล้ว ซึ่งจะมีการพูดคุยในเรื่องของการชดใช้ความเสียหายและช่วยเหลือเยียวยาความเสียหายเพิ่มเติม. -415,416-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...