ยาลดน้ำมูก ยาแก้แพ้ต่างกันยังไง? กินอะไรช่วยให้น้ำมูกหายเร็วที่สุด
เมื่อเป็นหวัดน้ำมูกไหล หลายคนอาจสงสัยว่าควรเลือกใช้ยาลดน้ำมูกหรือยาแก้แพ้ดีกว่ากัน? ใครที่เป็นหวัดมีน้ำมูกแล้วจมูกตัน นอนไม่ได้ หายใจไม่สะดวก บทความนี้ จะพาทุกคนไปรู้จักกับยาลดน้ำมูกแต่ละประเภท พร้อมแนะนำอาหารที่ควรกินที่จะช่วยให้น้ำมูกลดไว หาซื้อง่าย ใกล้ตัว
อาการน้ำมูกไหลเกิดจากอะไร
อาการน้ำมูกไหลเกิดจากกลไกป้องกันตัวของร่างกาย เมื่อต่อมในเยื่อบุทางเดินหายใจผลิตของเหลวมากเกินไปเพราะถูกกระตุ้นจากสิ่งที่ทำให้ระคายเคือง
15 สูตรน้ำจิ้มรสเด็ด ทำง่ายสบาย ๆ กินเองที่บ้านก็ได้ ทำขายก็รุ่ง
10 Co-Working Space กรุงเทพฯ ฟรี! บรรยากาศดี เดินทางง่าย
ผมร่วงเยอะมากเกิดจากอะไร วิธีหยุดผมร่วง รักษาแบบไหนดี?
โดยภาวะนี้อาจเกิดจากโรคทางเดินหายใจอย่างหวัด ไซนัสอักเสบ โรคภูมิแพ้ หรือแม้แต่การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนและสภาพแวดล้อม ผู้ที่มีอาการน้ำมูกไหลอาจต้องพึ่งพายาลดน้ำมูกเพื่อบรรเทาอาการ อย่างไรก็ตาม ยาลดน้ำมูกบางประเภทอาจมีผลข้างเคียงหรือทำปฏิกิริยากับยาอื่น จึงควรปรึกษาแพทย์หากอาการรุนแรงขึ้น
ยาลดน้ำมูกมีกี่ประเภท
ยาลดน้ำมูกแบ่งเป็น 2 ประเภทคือ ยาแก้แพ้และยาลดการคั่งของน้ำมูก
- ยาลดน้ำมูกกลุ่มหดหลอดเลือด (Decongestants) คือยาสามัญที่ออกฤทธิ์โดยการทำให้หลอดเลือดในเยื่อบุจมูกหดตัวลง ส่งผลให้เยื่อบุจมูกที่บวมลดลง ทำให้หายใจสะดวกขึ้น และช่วยลดปริมาณน้ำมูกที่ไหลออกมา มีทั้งยาแบบกิน แบบหยด และแบบพ่นจมูก หาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป
- ยาแก้แพ้หรือยาต้านฮิสตามีน (Antihistamines) คือยาที่ใช้เพื่อบรรเทาอาการแพ้ต่าง ๆ ที่เกิดจากการหลั่งสารฮิสตามีนในร่างกาย เมื่อร่างกายได้รับสารก่อภูมิแพ้ (Allergens) เช่น เกสรดอกไม้ ไรฝุ่น หรือขนสัตว์ จะทำให้มีน้ำมูก ซึ่งยาประเภทนี้ก็จะช่วยลดอาการแพ้ มีการพัฒนาออกมาด้วยกันถึง 2 รุ่น 1. รุ่นลดอาการแพ้ทำให้ง่วงนอน 2. รุ่นลดอาการแพ้แต่ไม่ทำให้ง่วงนอน
กินอะไรช่วยลดน้ำมูกได้บ้าง
อาการน้ำมูกไหลนั้นเรียกได้ว่าสร้างความรำคาญและไม่สบายตัวอยู่ไม่น้อย แม้ว่ายาลดน้ำมูกจะเป็นทางเลือกแรกที่หลายคนนึกถึง แต่อาหารและเครื่องดื่มบางชนิดก็สามารถช่วยบรรเทาอาการน้ำมูกไหลได้ โดยมีคุณสมบัติต้านการอักเสบ ลดการหลั่งน้ำมูก และเสริมภูมิคุ้มกัน มาดูกันว่ามีอะไรบ้างที่เราจะสามารถหามารับประทานได้ง่าย ๆ เพื่อบรรเทาอาการน้ำมูกไหลนี้
สับปะรด
สับปะรดมีคุณสมบัติช่วยลดน้ำมูก ด้วยเอนไซม์ที่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบและช่วยละลายเสมหะ ขณะเดียวกัน วิตามินซีที่อุดมสมบูรณ์ในสับปะรดยังช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง ทำให้ร่างกายต่อสู้กับสาเหตุของอาการน้ำมูกไหลได้ดี
ชาคาโมมายล์
ชาคาโมมายล์เป็นเครื่องดื่มสมุนไพรที่มีสารเอพิจีนีน ซึ่งมีคุณสมบัติต้านการอักเสบ จึงลดการระคายเคืองในระบบทางเดินหายใจและลดการหลั่งน้ำมูก โดยการดื่มชาคาโมมายล์อุ่น ๆ ช่วยบรรเทาอาการคัดจมูก และสารต้านอนุมูลอิสระที่มีอยู่ในชายังช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน ลดการอักเสบ และขับเสมหะ จึงสามารถดื่มควบคู่กับการใช้ยาลดน้ำมูกในช่วงที่มีอาการแพ้ได้
หัวหอม
หัวหอมมีสรรพคุณช่วยแก้อาการน้ำมูกไหล ด้วยสารประกอบกำมะถันที่ระเหยได้ ซึ่งเป็นสารต้านจุลชีพธรรมชาติที่ช่วยฆ่าเชื้อโรค ทำให้แค่ดมหัวหอมก็ช่วยแก้อาการคัดจมูกได้ ขณะที่การรับประทานหัวหอมสดจะได้ประโยชน์จากวิตามินและแร่ธาตุ ทั้งวิตามิน C, B6, B1, K, แคลเซียม และโครเมียม ทำให้อาการป่วยดีขึ้นและลดความจำเป็นในการใช้ยาลดน้ำมูก
พริก
สารแคปไซซินที่เป็นตัวการทำให้พริกเผ็ดมีคุณสมบัติช่วยละลายเสมหะและทำให้ทางเดินหายใจโล่ง และพริกยังอุดมไปด้วยวิตามินซี ซึ่งช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและต่อต้านการอักเสบ ทำให้การรับประทานอาหารที่มีพริกเป็นส่วนประกอบช่วยเสริมประสิทธิภาพของยาลดน้ำมูกได้ สำหรับใครที่สามารถทนต่อความเผ็ดได้ การเพิ่มพริกเข้าไปในเมนูอาหารจึงเป็นทางเลือกธรรมชาติที่น่าสนใจ
กระเทียม
กระเทียมเป็นสมุนไพรที่มีคุณสมบัติบรรเทาอาการน้ำมูกไหลและลดการอักเสบ โดยมีสารประกอบกำมะถันที่เรียกว่าอัลลิซิน ซึ่งมีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียและไวรัสอย่างเข้มข้น กระเทียมจึงต่อสู้กับสาเหตุของอาการหวัดได้โดยตรง นอกจากนี้ สารต้านอนุมูลอิสระสูงในกระเทียมยังช่วยเสริมภูมิคุ้มกันและลดการอักเสบในระบบทางเดินหายใจ ทำให้น้ำมูกและเสมหะถูกขับออก
ฟักทอง
ฟักทองมีทั้งวิตามิน A, C, E และแร่ธาตุสำคัญอย่างแคลเซียม สังกะสี โพแทสเซียม และฟอสฟอรัส จึงเป็นแหล่งอาหารที่ทำให้ร่างกายต่อสู้กับเชื้อไวรัสที่เป็นสาเหตุของหวัดได้ และที่น่าสนใจคือเมล็ดฟักทอง อุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3 ที่มีคุณสมบัติต้านการอักเสบ พร้อมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระหลากหลายชนิด การรับประทานฟักทองและเมล็ดฟักทองเป็นประจำจึงมีส่วนช่วยลดความจำเป็นในการใช้ยาลดน้ำมูกได้
น้ำผึ้ง
น้ำผึ้งแท้มีองค์ประกอบของสารต้านการอักเสบ สารต้านจุลชีพที่มีฤทธิ์ยับยั้งทั้งแบคทีเรียและเชื้อรา รวมถึงสารฟลาโวนอยด์และสารต้านอนุมูลอิสระที่ทรงพลัง จึงสามารถช่วยลดอาการอักเสบในโพรงจมูกและคอ บรรเทาอาการไข้ และลดการตอบสนองต่อสารก่อภูมิแพ้ที่เป็นสาเหตุของน้ำมูกไหล จึงเป็นทางเลือกธรรมชาติที่ใช้เสริมไปกับยาลดน้ำมูกได้
วิธีลดน้ำมูกโดยไม่ใช้ยา
สำหรับผู้ที่ต้องการบรรเทาอาการน้ำมูกไหลแทนการใช้ยาลดน้ำมูกก็จะมีวิธีอื่น ๆ ที่สามารถทำง่าย ๆ ด้วยตนเองแต่กลับช่วยได้จริง เช่น
- ดื่มน้ำอุ่นให้เยอะ ๆ เพราะน้ำอุ่นจะช่วยระบายน้ำมูกที่อุดตันในจมูกได้ดี และยังมีส่วนช่วยให้ภายในจมูกชุ่มชื้นมากขึ้นด้วย
- ประคบร้อนที่จมูก หน้าผากและแก้ม ประมาณ 15-20 นาที จะช่วยลดอาการบวมและระคายเคืองภายในโพรงจมูก ทำให้น้ำมูกระบายออกมาได้
- อาบน้ำร้อน ให้ร่างกายได้สูดรับไอน้ำอุ่น ๆ จากน้ำร้อน ทำให้ภายในโพรงจมูกชุ่มชื้น และช่วยระบายน้ำมูกให้ไหลออกมาได้
- ทานอาหารสมุนไพร เช่น พริกไทย กระเทียม หัวหอม ขิง ขมิ้น หอมแดง เพราะอาหารเหล่านี้ช่วยบรรเทาอาการน้ำมูกไหลได้ดีไม่แพ้ยาลดน้ำมูกเลย
- ปรับท่าเวลานอน ด้วยการนอนหงายและให้ศีรษะอยู่สูงเล็กน้อย เพื่อให้น้ำมูกระบายออกมาได้ ไม่ไปอุดตันภายในจมูกจนหายใจตอนนอนลำบาก
- หลีกเลี่ยงสารก่อการแพ้ เช่น ฝุ่น ขนสัตว์ ละอองเกสร เพราะจะไปกระตุ้นให้ภายในจมูกเกิดอาการระคายเคืองและมีน้ำมูกมากขึ้น
- ดมสมุนไพร เช่น น้ำมันยูคาลิปตัส น้ำมันเปปเปอร์มินต์ ให้อาการคัดจมูกทุเลาลง หรือจะนำตะไคร้ ไพล มะกรูด ไปต้มแล้วสูดดมไอน้ำ
ยาลดน้ำมูก รักษาอาการหวัด คัดจมูก ให้กลับมาสุขภาพแข็งแรงอีกครั้ง
ในช่วงที่ร่างกายอ่อนล้าสะสมจนเป็นหวัด หรือในช่วงที่สภาพอากาศไม่ดี มีมลพิษทางอากาศมากมาย ก็อาจจะมีน้ำมูกอุดตัน คัดจมูก จนหายใจลำบาก หากทานยาลดน้ำมูกพร้อมกับใช้น้ำเกลือทำความสะอาดล้างโพรงจมูกบ่อย ๆ ก็จะช่วยรักษาอาการคัดจมูกได้ดีมากขึ้น โดยสามารถหาซื้อยาลดน้ำมูกใน 7-11 ร้านสะดวกซื้ออื่น ๆ หรือร้านขายยาใกล้บ้านของคุณ แต่ถ้าอาการไม่ดีขึ้นเลย ให้ไปพบแพทย์เพื่อรีบรักษาให้หายและกลับมาแข็งแรงไว ๆ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ยาลดน้ำมูก ยาแก้แพ้ต่างกันยังไง? ทำยังไงให้น้ำมูกหายเร็วที่สุด
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
- Website : https://www.pptvhd36.com