โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

เรื่องสั้น

ฝนทั่งให้เป็นรัก (มี E-book+เปิดจองเล่ม)

นิยาย Dek-D

อัพเดต 07 ก.พ. เวลา 03.03 น. • เผยแพร่ 07 ก.พ. เวลา 03.03 น. • ส้มผัก
ฝนทั่งให้เป็นรัก (มี E-book+เปิดจองเล่ม)
ธีร์หลอกใช้ไอรดาเพื่อแก้แค้น เมื่อทำสำเร็จเขาหายไป โดยไม่รู้ว่าตัวเองได้ทำพลาดอย่างใหญ่หลวง เมื่อคนที่ได้รับผลกรรมของการแก้แค้นกลับเป็นตัวไอรดา เธอถูกพ่อตัดขาดไล่ออกจากบ้าน เมื่อเธอท้องโดยไม่มีพ่อ…

ข้อมูลเบื้องต้น

.
DekD : https://novel.dek-d.com/ebook/10765 / คลิ๊กลิงก์หรือที่รูปข้างใต้นี้นะคะเพื่อโหลดอีบุ๊กเด็กดี

E-book Meb : https://www.mebmarket.com/web/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMjAzODkxMyI7czo3OiJib29rX2lkIjtzOjY6IjI2NDEyMCI7fQ

ธีร์หลอกใช้ไอรดาเพื่อแก้แค้น ทำให้พ่อของเธออับอาย เมื่อสำเร็จเขาทิ้งเธอ โดยไม่รู้ว่าตัวเองได้ทำพลาดอย่างใหญ่หลวง เมื่อคนที่ได้รับผลกรรมของการแก้แค้นกลับเป็นตัวไอรดา เธอถูกพ่อตัดขาดไล่ออกจากบ้าน เมื่อเธอท้องโดยไม่มีพ่อ…
.
ผู้หญิงที่เคยใช้ชีวิตอย่างลูกคุณหนู ต้องเลิกเรียนมาเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว หาเงินอย่างยากลำบากเพื่อเลี้ยงลูก แม่และน้องชายที่เป็นดาวน์ซินโดรม อุปสรรคมากมาย ถาโถมเข้ามา กระนั้นเธอก็ผ่านมันมาได้ เพราะมีเด็กชายตัวน้อยๆ ที่เรียกตัวเองว่า 'ลูกหมู' เป็นกำลังใจ
.
ลูกหมูเป็นเด็กกินเก่ง น่ารัก ช่างพูด ช่างจินตนาการ เจ้าตัวน้อยเห็นความลำบากของแม่มาตั้งแต่จำความได้ เมื่อถึงวัยที่รู้ความมากขึ้น เขาเริ่มถามหาพ่ออย่างจริงจัง เพราะอยากได้พ่อมาช่วยแม่หาเงิน แม่จะได้เหนื่อยน้อยลง เขาล็อกเป้าที่คุณหมอคนรวยสุดเท่ที่เคยช่วยติดปลาสเตอร์ให้เขาตอนหกล้ม เด็กน้อยตั่งมั่นแบบฝังใจว่าจะต้องเอาคุณหมอมาเป็นพ่อเลี้ยงให้ได้
.
แต่ปัญหาใหญ่บังเกิด เมื่อ 'คุณหมอไม้ที' ไม่มีทางจะเป็นพ่อเลี้ยงให้ได้ ไม่ใช่เพราะเขามีเมีย แต่เพราะเขามีสถานะพ่อตัวจริงแปะหน้าผาก ผิดแค่เขาเป็นพ่อที่ไม่เคยรู้เลยว่าเด็กชายที่เขาตกหลุมรักตั้งแต่แรกเจอคือลูกชายที่แม่ของลูกแสดงออกชัดว่าเกลียดเขาอย่างที่สุด แล้วจะไม่มีวันให้อภัยเขาที่ทำลายชีวิตเธอ…

ฝนทั่งให้เป็นรัก : บทที่ 1 (1)

บทที่ 1

ณ ลานด้านหน้าสวนสาธารณะกลางเมือง ช่วงเวลาหลังเลิกงาน คลาคล่ำไปด้วยผู้คนที่มาออกกำลังกาย รวมถึงรอรถที่ป้ายรถเมล์เพื่อกลับบ้าน เสียงรถดังระงม แข่งกับเสียงพูดอื้ออึงไปหมด แต่กระนั้นก็มีเสียงร้องขายขนมดังมาเป็นระยะๆ เสียงที่เป็นเอกลักษณ์ ไม่ต้องหันไปดูก็จะรู้ว่าคนขายมีความผิดปกติทางการพูด ออกเสียงไม่ชัด แล้วนั่นดูจะเรียกความสนใจให้คนหันไปมองต้นเสียง จึงรู้ว่าเป็นผู้ชายที่ยืนขายขนมอยู่ข้างรถเข็นเล็กๆ เขามีสภาวะเป็นผู้ป่วยดาวน์ซินโดรม

“ขนมไทยครับ ขนมไทยใหม่ๆ ครับ วันนี้มีทองเอก มีขนมน้ำดอกไม้ และมีขนมชั้นชาไทยด้วยครับ”

ด้วยคนที่ป่วยดาวน์ซินโดรมจะมีโครงหน้าเรียบแบน ศีรษะเล็ก ตาเฉียงขึ้น ลิ้นใหญ่คับปาก คอสั้น สัดส่วนร่างกายไม่ปกติ ดูปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นคนที่มีพัฒนาการด้านสติปัญญาช้า พูดช้าและไม่ชัด แต่กระนั้นเขาก็ยังทำหน้าที่ของตัวเอง ยืนเรียกลูกค้าอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เมื่อมีคนมาซื้อก็ยิ้มดีใจ ขายของและทอนเงินให้ลูกค้าได้ คนส่วนหนึ่งจะซื้อเพราะสงสาร อีกส่วนก็เป็นลูกค้าประจำที่ซื้อเพราะรู้ว่าขนมเจ้านี้อร่อย

“ดูขายดีนะพี่น้ำแข็งใกล้หมดแล้ว” ลูกค้าประจำทักทาย “วันนี้มาคนเดียวเหรอ คุณยายอัญกับเจ้าลูกหมูไม่มาด้วยเหรอ”

“แม่ป่วย ไม่ได้มาด้วยครับ ส่วนเจ้าลูกหมูไปขายในสวนครับ”

“ยังเก่งเหมือนเดิมเลยนะเจ้าลูกหมู อายุเท่านี้ก็ช่วยขายของได้แล้ว ลูกของผมโตกว่าเจ้าลูกหมู วันๆ เอาแต่เล่น ไม่คิดจะช่วยพ่อแม่เลย”

“ครับ ลูกหมูเก่ง ลูกหมูอยากช่วยน้าน้ำแข็ง ช่วยยายอัญ ช่วยแม่ไอซ์หาเงินเยอะๆ ครับ”

“แต่ต้องระวังหน่อยนะ ปล่อยเด็กเล็กๆ ไปคนเดียวอันตราย ต้องคอยดูหลานด้วย”

“ครับ เจ้าลูกหมูไม่ไปกับคนแปลกหน้าครับ ขายอยู่ใกล้ๆ น้าน้ำแข็งครับ น้าน้ำแข็งจะดูแลหลานครับ วันนี้รับอะไรมั้ยครับ”

“ขนมชั้นชาไทยเหลือสามถุงเองเหรอ งั้นเหมาหมดเลยนะ ไม่ต้องใส่ถุงหรอก เอามาใส่กระเป๋าเลย”

“ขอบคุณครับ สามถุงร้อยครับ” เมื่อรับเงินก็ยกมือไหว้ โค้งศีรษะให้ดีใจ รีบเก็บเงินใส่กระเป๋าแล้วก็ร้องขายของต่อ “ขนมไทยครับ ขนมไทยใหม่ๆ ครับ วันนี้มีทองเอก มีขนมน้ำดอกไม้ และมีขนมชั้นชาไทยด้วยครับ อ้อๆ ขนมชั้นชาไทยหมดแล้วครับ”

เวลาไล่เลี่ยกัน ในสวนสาธารณะ…

เด็กตัวจ้อยใส่กางเกงขาสั้นสีเข้ม เสื้อยืดสีขาว มีกระเป๋าใบเล็กๆ ใส่เงินสะพายข้าง มือป้อมถือตะกร้าหวายขนาดเท่าที่สองมือเขาโอบไหว เดินไปตามจุดที่มีคนมานั่งเล่นหรือวิ่งออกกำลังกาย ในตะกร้าไม่เหลือขนมเลยสักถุง บ่งบอกว่าวันนี้เขาขายขนมหมดแล้ว ลูกค้าสองสาวที่ยังอยู่ในชุดพยาบาลช่วยอุดหนุนเขา

“สองถุงเจ็ดสิบบาทครับ” คนตัวน้อยยื่นขนมที่ใส่ถุงให้ลูกค้า “แบงก์หนึ่งร้อยบาท ต้องถอนสามสิบนะครับ ลูกหมูทอนถูกมั้ยครับ”

“ถูกต้องค่ะ เก่งมากเลย แต่ไม่ต้องทอนพี่หรอกนะ ลูกหมูเอาไว้เถอะจ้ะ พี่ให้รางวัลเด็กดีนะ”

“ให้หนูจริงเหรอครับ” เมื่อผู้ใหญ่พยักหน้า ก็ยิ้มกว้างดีใจ เหมือนจะกระโดดโลดเต้น แต่นึกได้ว่ามีสิ่งที่ควรทำมากกว่านั่นคือยกมือไหว้ “ขอบคุณที่อุดหนุนครับ”

“ไม่เป็นไรจ้ะ เก็บเงินดีๆ นะ”

“ครับ หนูไปก่อนนะครับ”

คนตัวน้อยๆ เอาเงินใส่กระเป๋า แล้วก็วิ่งออกไป ก่อนจะนึกได้ว่าลืมตะกร้า และคุณลูกค้าก็ร้องเรียก ทำให้เด็กชายวิ่งกลับมายิ้มเขินๆ หิ้วตะกร้าวิ่งจู๊ดออกไป ไม่ทันไรก็พ้นสายตาลูกค้าที่มองตามด้วยรอยยิ้ม

“น่ารักจริงๆ พ่อแม่ทำบุญด้วยอะไรนะ ถึงได้มีลูกน่ารักขนาดนี้” พยาบาลคนแรกที่ถือถุงขนมเปรยๆ

“จริงด้วย หน้าตาน่ารัก พ่อแม่คงหน้าตาดีมาก”

“นั่นสิ ไม่เคยเห็นหน้าพ่อแม่นะ แต่เคยเห็นน้ากับคุณยาย ฉันเคยถามเหมือนกัน แกบอกว่าแม่ทำงาน ส่วนพ่อก็บอกว่า ยังไม่มีพ่อ ยังหาพ่ออยู่”

“หาพ่ออยู่? หมายความว่าไง”

“ไม่เข้าใจเหมือนกัน แกบอกทำนองว่า ลูกหมูยังไม่มีพ่อ ลูกหมูกำลังหาพ่ออยู่…ตายแล้ว! เราจะสายแล้วรีบไปเถอะ เดี๋ยวเข้าเวรสายหัวหน้าด่าเปิง”

เห็นนาฬิกาข้อมือ สองสาวก็รีบหันควับจนเกือบชนผู้ชายตัวสูงที่เดินสวนมา

“ขอโทษค่ะ…อ้าว คุณหมอธีร์เองเหรอคะ ทำไมมาอยู่นี่คะ หลงซอยอีกแล้วสิคะเนี่ย ถ้าจะไปลานจอดรถ ต้องไปซอยโน้นค่ะ”

ดูเหมือนคนถูกถามจะไม่ได้ฟัง เพราะสายตาเขายังมองข้ามไหล่พยาบาลทั้งสองคนไปตามทางที่เด็กชายตัวน้อย เพิ่งถือตะกร้าวิ่งลับหลังไป

“คุณหมอคะ” หนึ่งในพยายาลต้องเรียก “มีอะไรหรือเปล่าคะ”

สายตาคมที่มีความสงสัยเบือนกลับมาที่คู่สนทนา “เด็กคนเมื่อกี้ใครครับ หน้าตาคุ้นๆ เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน”

ยังไม่ทันที่พยาบาลทั้งคู่จะให้คำตอบ ใครบางคนก็เข้ามาขัดบทสนทนา

“ธีร์คะ มารับเรศเหรอคะ บอกแล้วว่าให้คอยที่โรงพยาบาลก็ได้ วิ่งเสร็จแล้วเรศจะแวะไปหา”

ใครคนนั้นคือ ‘ยุวเรศ’ เธอเป็นสาวสวย อยู่ในชุดออกกำลังกายเผยหุ่นระหงน่าอิจฉา เธอเป็นคนที่พยาบาลทั้งสองคนรู้ว่าคือแฟนของ ‘นายแพทย์ธีร์ เตชวิรุฬห์’ หลานชายหัวแก้วหัวแหวนของผู้บริหารโรงพยาบาลใหญ่กลางเมืองที่ทั้งคู่ทำงานอยู่

ธีร์เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ เข้ามาทำงานในโรงพยาบาลได้ไม่ถึงสัปดาห์ แต่กลายเป็นคนดัง ไม่มีใครในโรงพยาบาลจะไม่รู้จัก เพราะเป็นชายหนุ่ม โปรไฟล์ดี รูปหล่อ พ่อรวย เสียดายแค่เหมือนจะมีเจ้าของแล้ว นั่นคือหญิงสาวที่แสดงตัวกับใครต่อใครว่า ผู้ชายคนนี้เป็นของเธอ

“มีอะไรหรือเปล่าคะ” ยุวเรศเอ่ยถาม

“เปล่าครับ” ธีร์ตอบเธอก่อนจะหันไปหาพยาบาลทั้งคู่ “ไม่มีอะไรแล้วครับ พวกคุณไปเถอะ”

ถึงตอนนี้สองพยาบาลก็ปลีกตัวออกมา เมื่อออกมาคล้อยหลังชายหนุ่มหญิงสาวที่เจอเมื่อครู่ก็หันมาคุยกันต่อ โดยคนแรกเริ่มเปิดประเด็น

“จะว่าไป น้องลูกหมูนี่ก็หน้าตาเหมือนคุณหมอธีร์อยู่นะ ตา ปาก จมูก แม้แต่โครงหน้า เรียกว่าคุณหมอธีร์วัยเด็กยังได้เลย” คนแรกว่าเป็นจริงเป็นจัง “ถ้าจะให้เดาหน้าตาพ่อของเจ้าลูกหมู ฉันว่าก็คงหล่อประมาณหมอธีร์นี่แหละ”

“นั่นน่ะสิ” อีกคนเห็นด้วย “แต่น้องคงไม่มีวาสนาเป็นลูกคนอย่างหมอ ไม่อย่างนั้นก็คงไม่ต้องมาช่วยครอบครัวขายขนมตั้งแต่อายุยังไม่ห้าขวบแบบนี้หรอก…เนอะ”

“นั่นสิ ถึงจะบอกว่าลูกหมูเต็มใจอยากช่วย กระตือรือร้นที่จะมาช่วย แต่เด็กวัยนี้ควรได้วิ่งเล่นไม่ใช่เหรอ น้าชายที่มาด้วยก็เป็นดาวน์ซินโดรม ไม่รู้จะดูแลหลานได้ขนาดไหน แต่ปกติคุณยายจะมาด้วยนี่”

“สงสัยขาแกจะยังไม่หาย หลังๆ ก็ปวดมาก เดินมาขายขนมไม่ไหว ฉันว่าแกน่าจะป่วยเป็นพวกกระดุกทับเส้นประสาท ไหนจะข้อเสื่อมอีก”

“คงอย่างนั้น…ไปเถอะมัวแต่คุยพวกเราสายแล้ว!”

+++++++

คุยท้ายตอน : ฝากติดตามด้วยนะคะ เรื่องอาจจะเหมือนดราม่า แต่ส้มผักจะเขียนออกแนวฟีลกู๊ดนะคะ น่ารักๆ ฝากติดตามลูกหมูด้วยนะคะ ชอบไม่ชอบบอกกันได้นะคะ ขอหัวใจ กดเข้าชั้นด้วยจะขอบคุณมากๆ เจอกันตอนหน้าค่ะ

ฝนทั่งให้เป็นรัก : บทที่ 1 (2)

+++

เมื่อก่อนน้ำแข็งและแม่อัญญาจะเริ่มมาขายขนมที่หน้าสวนสาธารณะตอนสี่โมงเย็น ขาไปจะได้ลุงคนขับรถตุ๊กๆ แถวบ้านมาส่ง เพราะรถเข็นแบบพับได้จะใส่ขนมไทยมาจนเต็ม ถ้าขายหมดก็จะได้กำไรสามถึงสี่ร้อยบาท บางวันหมดเร็วก็ได้กลับเร็ว แต่ถ้าวันไหนหมดช้าก็อยู่ค่ำ ขายหมดก็จะนั่งรถเมล์มาลงตรงหน้าปากซอยบ้าน แล้วเดินเข้าไปในซอยอีกราวๆ หนึ่งกิโลเมตร ก็จะถึงบ้านเช่าที่อยู่กันสี่ชีวิต

บ้านไม้สีขาวยกใต้ถุนสูงมีรั้วรอบขอบชิด สะอาดสะอ้านน่าอยู่เพราะคนอยู่อาศัยดูแลอย่างดี ถ้าปล่อยให้คนอื่นเช่าก็คงได้ราคาหลักหมื่นบาท แต่เจ้าของบ้านเช่าใจดีให้ครอบครัวนี้เช่าในราคาลดกว่าครึ่ง เช่ามาตั้งแต่เมื่อห้าปีก่อน ตอนที่อัญญาถูกสามีไล่ออกจากบ้าน ไม่มีอะไรติดตัวมาเลย นอกจาก ‘ไอรดา’ ลูกสาวที่ถูกผู้ชายคนหนึ่งซึ่งไว้ใจหลอกให้รักแล้วทิ้งไป ลูกชายก็เป็นคนไม่สมประกอบ โตแต่ตัว สติปัญญาเท่าเด็กไม่ถึงสิบขวบ

แต่ในความโชคร้ายที่แม่อัญญาต้องเจอ ก็ยังมีความโชคดี เมื่อคนที่แบกหน้ามาขอความช่วยเหลือ ยื่นมือมาช่วย ให้ที่พักอาศัย ตอนแรกไม่คิดค่าเช่า แต่ด้วยความเกรงใจอัญญาก็พยายามหาเงินมาจ่ายเท่าที่ไหว ปีแรกๆ ให้สามพันบ้างสี่พันบ้าง เพราะค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง รายได้ส่วนใหญ่มาจากการทำขนมขา ลูกสาวก็ท้อง ลูกชายก็ช่วยอะไรไม่ได้มากนอกจากงานเล็กๆ น้อยๆ

แต่เมื่อไอรดาคลอดลูก เธอให้แม่ช่วยเลี้ยงลูก ส่วนตัวเองก็ออกไปหาเงินนอกบ้าน ทำงานทุกอย่างที่ทำได้ จนมีโอกาสได้ไปอยู่ร้านเพ็ทช็อป ไปเรียนอาบน้ำตัดขนสุนัข ความขยันบอกกับเป็นคนรักสัตว์จิตใจดี เมื่อเจ้าของร้านคนเก่ามีเหตุให้ต้องย้ายไปอยู่กับลูกหลานที่ต่างจังหวัด เจ้าของร้านก็ให้เธอทำต่อ เซ้งร้านให้ในราคาถูกๆ เจ้าของบ้านเช่าให้เธอยืมเงินก้อนหนึ่ง แล้วค่อยทยอยจ่าย

แม้ร้านอาบน้ำตัดขนจะไม่ได้มีรายได้มากมาย แต่ก็ทำให้เธอสามารถหาเงินมาลี้ยงลูก ดูแลแม่และน้องชายได้จนถึงทุกวันนี้ พอเจ้าลูกหมูโตขึ้นหน่อย อัญญาเริ่มกลับมาทำขนมออกไปขายอีกครั้ง เมื่อคุณตากับคุณยายเจ้าของบ้านเช่าอาสาจะดูแลลูกหมูให้ช่วงเย็น ทำอยู่อย่างนี้มาตลอดหลายปี

เมื่อลูกหมูเข้าโรงเรียน ก็ใช้เวลาช่วงเช้าถึงบ่ายทำขนม ก่อนไปขายก็แวะไปรับหลานที่โรงเรียน แล้วพาไปขายของด้วยกัน แต่ตอนหลังอัญญาเริ่มมีอาการปวดหลัง ปวดขา ไปยืนขายขนมไม่ไหว ไอรดาขอให้แม่เลิกทำ รายได้ส่วนนี้หายไป ทำให้ครอบครัวลำบาก ไอรดาต้องทำงานมากขึ้น อยู่ดึกขึ้นจนแทบไม่มีเวลาให้ลูกหมู ต่อให้บอกว่าเข้าใจแม่ แต่บ่อยครั้งที่คนตัวน้อยชะเง้อคอรอแม่ที่หน้าบ้าน ตามประสาเด็กที่ติดแม่มาก

‘ลูกหมูไม่เป็นไรครับแม่ไอซ์ น้าน้ำแข็งกับคุณยายสอนการบ้านหนูอยู่ครับ แม่ไอซ์ตั้งใจทำงานนะครับ กลับบ้านขับรถระวังๆ นะครับ วันนี้หนูช่วยคุณยายทำกับข้าวด้วย เก็บไว้ให้แม่ด้วยครับ’

แต่อยู่ๆ น้ำแข็งก็พูดออกมาว่าจะไปขายเอง ทุกคนก็กังวลเพราะตลอดมาน้ำแข็งจะไปขายขนมพร้อมกับแม่ ไม่เคยปล่อยให้ไปคนเดียว ถึงตอนนั้นเจ้าลูกหมูก็บอกว่าจะช่วยดูน้า แม้จะอายุยังไม่ห้าขวบเต็ม แต่ลูกหมูเป็นเด็กที่ฉลาด รู้ความ

คนอาจมองว่าน้าชายดูแลลูกหมู แต่ความจริงแล้ว ลูกหมูต่างหากที่ดูแลและนำน้าชาย ทั้งขึ้นรถ ทั้งลงรถ และพาเดินกลับบ้าน ดูทางให้เพื่อไม่ให้โดนรถชน ที่ทำทั้งหมด เพราะอยากจะช่วยแม่ แม่ที่ต้องทำงานหนัก ออกจากบ้านแต่เช้า กลับดึกทุกวัน แล้วทุกครั้งที่ขายขนมได้เงินกลับมาบ้าน เด็กชายจะดีใจมากๆ ที่จะได้เอาเงินไปให้คุณยายหรือแม่

“งั้นเราก็ได้กำไรห้าร้อยยี่สิบบาทน่ะสิลูกหมู” น้ำแข็งพูดขึ้นอย่างดีใจ รอคำยืนยันจากหลานที่เวลานี้นั่งอยู่บนรถเข็นแบบพับได้ ให้น้าชายเข็นพากลับเข้าบ้าน ระหว่างนั้นก็บวกลบเลขเงินที่ได้มา “แบบนี้กินเนื้อย่างได้มั้ย น้าน้ำแข็งอยากกินเนื้อย่าง”

“ยังกินไม่ได้ครับ เพราะต้องเอากำไรไปจ่ายค่าบ้านให้คุณตาพรมมากับคุณยายหงส์ก่อน” คำบอกของหลานน้อยทำให้คุณน้าจ๋อย “แต่ถ้าพรุ่งนี้ขายหมดอีก เราก็จะมีเงินเหลือซื้อเนื้อมาทำเนื้อย่างนะครับ น้าน้ำแข็งไม่ต้องเศร้านะครับ”

บอกไปอย่างนั้น แต่คนเป็นน้ายังจ๋อย ทรุดตัวลงไปนั่งกับพื้นทำหน้างอ เป็นท่าทางที่แสดงออกเสมอเวลาไม่ได้ดั่งใจ ถ้าผิดหวังมากก็จะร้องไห้ ถึงตอนนี้ลูกหมูก็ต้องหาเรื่องมาปลอบ มาเบี่ยงเบนความสนใจ

“น้าน้ำแข็ง ลูกหมูมีน้ำผลไม้นะ กินมั้ยครับ” เด็กชายหยิบของออกมาจากกระเป๋า เป็นขวดน้ำส้มคั้นที่ทำให้น้าของเขาตาลุกวาว “ลูกค้าให้หนูมา น้าน้ำแข็งกินเลยครับ ลูกหมูให้”

“จริงเหรอๆ” ดึงขวดจากมือหลาน บิดฝาเปิดเตรียมจะยกกระดก ก่อนจะนึกได้ ทำหน้าจ๋อยหันมาถาม ส่งขวดน้ำส้มคืน “ลูกค้าให้ลูกหมู ไม่ได้ให้น้าน้ำแข็ง น้ากินของลูกหมูไม่ดี เป็นเด็กไม่ดี น้าต้องเสียสละให้หลาน หลานต้องกินเยอะๆ จะได้ตัวโตๆ”

“หนูกินแล้วครับ กินตอนน้าน้ำแข็งไม่เห็นไง อันนี้ลูกหมูเอามาเผื่อครับ แต่ลูกหมูลืมให้ กินเลยๆ ครับอร่อยมากเลย หวานมากเลยนะครับ”

ถึงตอนนี้คนเป็นน้าที่มีพฤติกรรมเหมือนเด็กก็กระดกดื่ม โดยไม่ได้มองว่าหลานน้อยที่มองอยู่ก็กลืนน้ำลายลงคอ อยากกินด้วยเหมือนกัน แต่ก็ข่มใจไว้ยกให้น้าชาย ถ้ามันจะทำให้น้าอารมณ์ดีขึ้น

“เป็นไงครับ อร่อยมั้ยครับ”

“อร่อยมากเลย ชื่นใจ” ตอบเมื่อกินหมด แล้วโยนทิ้งข้างทาง เป็นหลานชายที่โบกมือไม่ให้ทำ แล้วกำลังจะไปเก็บ น้าชายจึงได้รู้ตัวว่าทำผิด รีบไปเก็บมาเอง “น้าลืมตัวไป ถ้าพี่ไอซ์เจอเข้าโดนบ่นหูชาแน่ๆ เลย น้าเก็บแล้ว น้าเป็นเด็กดีมั้ยลูกหมู”

“เด็กดีมากๆ เลยครับ งั้นเรารีบเข้าบ้านเถอะครับ ป่านนี้ยายคงเป็นห่วงแย่แล้ว ไม่รู้แม่กลับมารึยังนะ แม่บอกว่าวันนี้จะกลับมาเร็วด้วย ลูกหมูดีใจจัง ลูกหมูจะได้นอนกอดแม่ด้วย”

“น้าก็จะนอนกอดแม่อัญด้วย น้านอนกอดแม่อัญทุกวันเลย ลูกหมูไม่ค่อยได้นอนกอดแม่ไอซ์เลยเนอะ แม่ไอซ์เอาแต่ทำงานนะ บอกให้กลับเร็วๆ ก็ไม่ได้สักวัน ไม่รู้ว่าวันเกิดลูกหมูจะกลับมามั้ย”

คำพูดนั้นทำให้เด็กชายทำหน้าเศร้าไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้ม “มาไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เดี๋ยววันนั้น ถ้าแม่ไอซ์ต้องอยู่ตัดขนน้องหมา เรานั่งรถเมล์ไปร้านเทคอะบาธกันนะน้าน้ำแข็ง”

“ได้ แต่เราจะหลงทางมั้ย มันไม่ได้ขึ้นรถเมล์เลขเดิมนะ ไปคราวก่อนหลงไปไกลเลย น้าน้ำแข็งไม่อยากโดนแม่ไอซ์ของลูกหมูบ่นนะ”

“ไม่หลงหรอกครับ ลูกหมูจำได้แล้วว่าต้องขึ้นสายไหน แม่ไอซ์บอกไว้ครับ แต่แม่ไอซ์บอกว่าถ้าไม่จำเป็นไม่อยากให้ไป ตรงนั้นคนเยอะ รถเยอะอันตรายครับ”

“นั่นแหละ ไม่น่าไป น้าน้ำแข็งกลัวรถชน กลัวอันตราย โดนรถชนเจ็บนะลูกหมู” บอกออกไปอย่างที่คิด ก่อนจะเห็นสีหน้าจ๋อยๆ ของหลาน “แต่ไม่เป็นไร เพื่อลูกหมู น้าน้ำแข็งจะอดทนนะ นั่งดีๆ นะ น้าน้ำแข็งจะเข็นเร็วๆ แล้วนะ ไป!”

น้ำแข็งเข็นรถให้หลานนั่งสบายๆ จนมาถึงหน้าบ้าน เปิดประตูเข้าบ้าน และเตรียมจะปิดเป็นจังหวะเดียวกับที่มีรถจักรยานยนต์คันหนึ่งแล่นมาทางพวกเขา แสงไฟสาดกระทบใบหน้ากลมๆ ของคนตัวน้อย และน้าชายที่หันไปมอง ดูเหมือนทั้งคู่จะจำเสียงรถได้ โดยเฉพาะลูกหมู ที่รีบปีนลงจากรถแข็ง

“แม่ไอซ์! แม่ไอซ์กลับมาเร็วด้วย น้าน้ำแข็งเห็นมั้ย ถ้าเราหาเงินได้เยอะๆ แม่ไอซ์ก็ไม่ต้องรับงานดึก มีเวลากลับมาหาลูกหมูด้วย…ลูกหมูจะขายขนมให้ได้เยอะๆ จะหาเงินให้ได้เยอะๆ”

“เยอะยังไงก็ไม่พอให้แม่ไอซ์กลับบ้านเร็วทุกวันหรอกลูกหมู”

“ใช่ไง…หนูถึงต้องหาพ่อเลี้ยงไง พ่อเลี้ยงที่รวยๆ หนูเจอคนหนึ่งแล้วด้วยนะ เป็นคุณหมอคนรวยด้วยครับ เขามีบ้านหลังใหญ่มากๆ เลย แล้วก็มีรถสวยๆ ทำงานในโรงพยาบาลด้วย”

“หมอที่ไหน ลูกหมูไปเจอคุณหมอที่ไหนเหรอ”

น้ำแข็งถามหลานที่ไม่ได้ฟังคำถาม เพราะเขาวิ่งไปหาคนที่กำลังแล่นเข้ามาจอดที่หน้าบ้าน เขารอให้รถจอดสนิท คนขับเป็นหญิงสาวร่างบาง สูงไม่ถึงร้อยหกสิบ เธอใส่เสื้อยืดกางเกงยีน แต่งตัวทะมัดมะแมงและสวมเสื้อผ้าร่ม ผมยาวถูกรวบหลวมๆ สวมรองเท้าผ้าใบเพื่อความกระฉับกระเฉง เธอก้าวลงจากรถ พร้อมถอดหมวกกันน็อก อ้าแขนรอรับลูกชายตัวน้อยๆ ของเธอที่กระโจนเข้าไปกอดอย่างคนที่คิดถึงมาก โดยมีสายตาของน้าชายมองอย่างงงๆ และสงสัย

“ใครน่ะ ใครที่ลูกหมูจะให้มาเป็นพ่อเลี้ยง? หรือว่าที่โรงพยาบาลที่พาแม่ไปหาหมอ? ไม่ใช่นี่นาลูกหมูไม่ได้ไปด้วยนี่นา” น้ำแข็งทำท่าคิดหนัก “อ้อ! หรือว่าจะเป็นคนนั้น! ถ้าเป็นคนนั้นเขาจะมาชอบแม่ไอซ์ได้ไงลูกหมู แฟนเขาก็ต้องสวยๆ รวยๆ เหมือนกันสิ จะได้เหมาะสมกันเหมือนกิ่งทองใบ…ใบอะไรสักอย่าง จำไม่ได้แล้ว แต่ก็อย่างว่าแหละ นี่แหละหนาเด็กน้อย ถึงต้องมีน้าน้ำแข็งดูแล…เฮ้อ เด็กหนอเด็ก น่าเอ็นดูจัง”

++

ฝนทั่งให้เป็นรัก : บทที่ 1 (3)

+++

เมื่อห้าปีก่อนไอรดาเคยใช้ชีวิตอย่างลูกคุณหนู ลูกสาวของครอบครัวนายทหารเก่า ไปไหนมาไหนก็มีคนไปรับไปส่ง ชีวิตมีแต่เรื่องเรียน อยู่ในสังคมที่ดีมาโดยตลอด กระทั่งเธอได้พบกับธีร์ ผู้ชายที่ทำให้เธออยากลองแหกกฎระเบียบของครอบครัว เขาสอนและพาเธอไปเจอโลกภายนอกที่ไม่เคยเห็น เธอเชื่อใจและไว้ใจ เมื่อเขาแสดงออกว่าพร้อมจะสนับสนุนเธอทุกอย่าง เพื่อให้เธอได้ทำในสิ่งที่ต้องการ

ตอนแรกเธออาจไม่มีความกล้าพอ แต่เขาก็ไม่ได้เร่งรัด หรือมองว่ามันคือความไม่เด็ดขาด กระทั่งเธอกับเขาได้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้ง การมีสัมพันธ์ทางกาย ทำให้รู้สึกได้ว่าเธอเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเขา นั่นคือสิ่งที่ผู้หญิงอ่อนโลกวัยยี่สิบคิดได้ในตอนนั้น แล้วคิดไปไกลว่ามันจะดีกว่านั้น ถ้าเธอจะมีลูกกับเขา มันเป็นความคิดแวบเดียวที่เปลี่ยนชีวิตเธอ

ความคิดแวบเดียวที่ทำให้เธอไม่กินยาคุมฉุกเฉิน แล้วเธอก็ท้อง เธอบอกธีร์ว่าทนอยู่ที่บ้านไม่ไหวแล้ว จะหนีออกจากบ้าน เขาสนับสนุนและคอยให้กำลังใจ แต่ก่อนไปเธอบอกเรื่องนี้กับแม่ และพ่อบังเอิญมาได้ยิน เธอถูกพ่อทำร้าย ขังไว้ในบ้านและจะให้เธอเอาเด็กออก

ไอรดาบอกกับแม่ว่าธีร์จะพาเธอหนีไปใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศด้วยกัน อ้อนวอนขอให้แม่ช่วย บอกว่าถ้าแม่ไม่ช่วย ถ้าเธอต้องแยกจากธีร์ เธอยอมตายไปพร้อมกับลูก แม่ยอมช่วย เธอหนีออกจากบ้านมาได้ แต่เธอกลับติดต่อธีร์ไม่ได้ เขาไม่ได้ไปตามที่นัดหมาย เธอเคว้งคว้างรอเขาอยู่ที่สนามบินข้ามวันข้ามคืน

เธอยังไม่ได้บอกเขาด้วยซ้ำว่าท้อง เธอไม่เคยมองธีร์ในแง่ร้าย คิดว่าเขาอาจเกิดเหตุร้ายเป็นห่วงเขาจับหัวใจ หรือเขาอาจมีเหตุจำเป็นที่ไม่ได้มาตามนัด ยังคงเชื่อว่ามีอุบัติเหตุ ‘พี่ธีร์’ คนดีไม่มีทางทิ้งเธอ แต่สุดท้ายเธอก็ได้รู้ความจริงว่า การที่เขาเข้ามาหาเธอ ไม่ใช่ความรัก แต่เขาแค่ต้องการเอาคืนพ่อและพี่ชายของเธอ ที่มีส่วนทำให้น้องสาวเขาฆ่าตัวตาย…

ไอรดาในตอนนั้นไม่ได้รู้รายละเอียดมาก รู้แค่ว่าพี่ชายของเธอไปหลอกให้น้องสาวธีร์รักแล้วทิ้ง ผู้หญิงคนนั้นและแม่พยายามมาขอความเห็นใจจากคนในครอบครัว บอกว่ากำลังตั้งท้อง อ้อนวอนให้เห็นใจ

แต่ถูกพ่อของเธอพูดตอกหน้าไปว่า ‘จะโทษใครเมื่อผู้หญิงง่ายเอง’

พี่ชายก็ยังบอกผู้หญิงคนนั้นว่า ‘ลูกในท้องไม่ใช่ลูกของเขา’

จากนั้นไม่นานเธอก็ได้ยินข่าวว่าผู้หญิงคนนั้นจมน้ำตาย

‘แกจะไปตายที่ไหนก็ไป เพราะแกทำตัวง่าย ทำให้มันเอารูปพวกนี้มาโยนใส่หน้าฉัน! มันเป็นบาปเป็นกรรมของฉันเองที่มีลูกง่าย! ร่านอยากจะมีผัว จะหนีตามมันงั้นเหรอ! เป็นไงล่ะ มันไม่เอาแก แล้วฉันก็ไม่เอาแกด้วย แกจะไปตายที่ไหนก็ไป ต่อไปนี้แกไม่ใช่ลูกฉัน! ลูกสาวที่น่ารักของฉันตายไปแล้ว!’

ในวันที่เธอถูกพ่อและพี่ชายมองด้วยสายตารังเกียจและดูแคลน แม่พยายามปกป้อง จนมีปากเสียงกับพ่อรุนแรง ถูกเฉดหัวออกจากบ้าน แล้วก็ให้เอาน้องชายที่พ่อเรียกว่าไอ้ปัญญาอ่อนออกมาด้วย ในวันนั้นไอรดาอยากจะตายให้รู้แล้วรู้รอด แต่แม่ก็เตือนสติ ให้นึกถึงลูกในท้อง

‘มันคงเป็นเวรเป็นกรรมที่ครอบครัวเราทำให้เขานะลูก แม่จำสองแม่ลูกที่มาในวันนั้นได้ คนเป็นแม่ต้องเสียลูกสาวไป เธอและครอบครัวคงเจ็บปวดเสียใจ แต่แม่อัญคนนี้ยังมีลูกนะไอซ์ แล้วหนูก็ยังมีแม่ มีน้ำแข็ง ร้องไห้ได้นะลูก ร้องให้พอใจ จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมา ใช้ชีวิตของเราต่อไป แม่จะช่วยไอซ์เลี้ยงหลานเอง…แม่มีคนรู้จักที่แม่เคยช่วยเหลือไว้ เราไปขอความช่วยเหลือเขาได้’

‘แม่ ไอซ์ขอโทษ…ขอโทษที่เป็นผู้หญิงใจง่าย โง่ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าถูกผู้ชายเข้ามาตีสนิทเพราะหวังใช้ไอซ์ทำร้ายพ่อกับพี่อธิป ไอซ์เชื่อจริงๆ ว่าพี่ธีร์เข้าใจไอซ์ หวังดีกับไอซ์ เขาบอกว่าจะพาไปอยู่ด้วย ไปสร้างครอบครัวด้วยกัน จะมีลูกที่น่ารัก ไอซ์ไม่ต้องทนทำในสิ่งที่ไม่ชอบ ไม่ต้องเรียนในสิ่งที่พ่ออยากให้เรียน หรือคบกับคนที่พ่ออยากให้คบ…เขาคิดแต่จะแก้แค้นพ่อกับพี่อธิป ทำไมเขาไม่คิดถึงไอซ์เลย…ไอซ์ผิดอะไรคะ มาทำให้ไอซ์รัก แล้วทิ้งไอซ์ง่ายๆ ขนาดนี้เลยเหรอ ไม่รักไอซ์เลยเหรอ’

มันเป็นคำถามที่ไอรดาถามตัวเองซ้ำๆ และพยายามหาคำตอบ แต่เมื่อเวลาผ่านไป เธอไม่ได้หมกหมุ่นกับมัน อย่างน้อยก็ตั้งแต่ลูกเกิด เธอได้เรียนรู้ว่า ไม่จำเป็นต้องไปหาคำตอบในสิ่งที่ต่อให้รู้ ก็ไม่ได้จะทำให้ชีวิตเธอดีขึ้น ธีร์ได้ในสิ่งที่ต้องการแล้ว ไม่มีอะไรที่ติดค้างกัน จบกันแค่นี้ ชาตินี้ก็แค่อย่าได้พบเจอกันอีกเลยเท่านั้นก็พอแล้ว

“แม่ไอซ์ สบายมั้ยคะ”

เสียงถามใสๆ ทำให้ไอรดาที่เผลอเหม่อดึงสติตัวเองกลับมาที่ลูกชาย ซึ่งกำลังนวดไหล่ให้เธออยู่บนเตียงนอน คนตัวน้อยชะโงกหน้าข้ามไหล่เธอมาถาม เวลาเขาต้องการเอาใจแม่จะใช้เสียงสองถามอย่างนี้ แล้วก็ลงท้ายด้วย ‘คะ ขา’ เหมือนพยายามจะอ่อนโยนกับแม่

“เส้นตรงคอแม่ไอซ์ตึงมากเลย หนูบีบๆ ให้จนไม่ตึงแล้วนะ สบายขึ้นมั้ยคะ”

“สบายมากเลยค่ะลูก แม่หายเมื่อยแล้ว พอแล้วนะ ลูกหมูมานั่งตรงนี้ดีกว่า”

บอกพลางขยับไปพิงหัวเตียง แตะมือตรงฟูกบอกตำแหน่งให้ลูกมานั่งใกล้ วันนี้คนตัวน้อยทาแป้งหน้าขาว ดูน่าเอ็นดูและตลกปนน่ารัก มันเรียกรอยยิ้มให้คนเป็นแม่ได้เสมอ แต่ด้วยความที่ยิ่งโต ลูกก็ยิ่งมีหน้าตาคล้ายผู้ชายที่เธอพยายามจะลืมเขา มันทำให้รู้สึกเศร้าในบางครั้ง เวลาที่สบตาลูก โดยเฉพาะวันที่เหนื่อยมากๆ อย่างวันนี้ วันที่ต้องหาเงินมาจ่ายค่าบ้าน ค่าเช่าร้าน

“แม่ไอซ์ครับ” คนตัวน้อยที่กอดแม่ไว้เงยหน้าขึ้นมาเรียก เพราะสังเกตได้ว่าวันนี้แม่เงียบกว่าทุกวัน “ไม่ต้องเครียดนะครับ พรุ่งนี้ลูกหมูจะขายขนมให้ได้เยอะๆ วันจันทร์เราจะมีเงินพาคุณยายอัญไปหาหมอแน่ๆ แล้วจะเหลือเงินซื้อเนื้อย่างมาให้น้าน้ำแข็งด้วย วันนี้มีลูกค้าให้เงินลูกหมูพิเศษตั้งร้อยยี่สิบแน่ะ แล้วลูกหมูก็บอกขอบคุณด้วยครับ”

“เก่งมากลูก” ไอรดารู้ว่าถ้าเธอเศร้า ลูกก็จะทุกข์ไปด้วย แต่บางทีเห็นลูกเป็นอย่างนี้ก็สะท้อนใจ รู้สึกว่าตัวเองเป็นแม่ที่ไม่ดี ทำให้ลูกสบายกว่านี้ก็ไม่ได้ “ลูกหมู…”

“หาว!” ก่อนที่แม่จะได้พูดคนตัวน้อยก็อ้าปากหาว แต่เขาก็สะบัดหัวไปมา เหมือนจะกระตุ้นไม่ให้ตัวเองง่วง เพราะรู้ว่าแม่กำลังจะพูดบางอย่างด้วย “ลูกหมูฟังอยู่ครับ แม่ไอซ์พูดเลยครับ”

“นอนคุยด้วยก็ได้ลูก มาค่ะ มานอนนะ”

บอกพลางประคองลูกให้นอนลงบนหมอน ก่อนจะทิ้งตัวนอนตาม ลูกก็พลิกตัวเข้ามากอด ซบหน้ากับอกแม่ยิ้มแก้มตุ่ยอย่างมีความสุขและอารมณ์ดี เป็นเหตุการณ์ปกติที่ไอรดาจะเห็นเสมอ เวลาที่เธอได้กลับบ้านเร็ว ได้พาลูกเข้านอนอย่างวันนี้

“คืนนี้หนูต้องฝันดีแน่ๆ เลยที่ได้กอดแม่ไอซ์นอน น้าน้ำแข็งบอก
ลูกหมูว่า น้าน้ำแข็งฝันดีทุกวันเลย เพราะได้กอดคุณยายอัญนอนทุกคืน กอดแม่นี่ดีจริงๆ นะ ลูกหมูอยากกอดแม่นอนทุกวันเลย แต่ลูกหมูก็รู้ว่าแม่ไอซ์ต้องทำงานเพิ่ม แต่ไม่เป็นไร ลูกหมูโตแล้ว นอนคอยแม่ได้”

“ลูกหมู” ไอรดากอดลูกตอบ จูบลูกที่กลางกระหม่อม “หนูเหนื่อยมั้ยลูก ช่วงนี้ต้องออกไปขายขนมทุกวันเลย”

“หนูไม่เหนื่อยครับ ลูกหมูเป็นผู้ชาย แข็งแรงครับ ไม่เหนื่อย สนุก หนูขายดีครับ หนูอยากขายเยอะๆ แต่ว่าขนมเราหมด คุณยายอัญทำเยอะๆ ไม่ไหวแล้ว ลูกค้าแย่งกัน ขนมเราอร่อยขายง่ายครับ”

“แม่ว่าส่วนหนึ่งเพราะพ่อค้าน่ารักด้วยแน่เลย” ไอรดาพูดเหมือนทุกครั้ง คนตัวน้อยก็จะยิ้มแป้น “ลูกชายแม่น่ารัก ใครๆ เห็นก็ต้องเอ็นดู แต่จำที่แม่สอนได้ใช่มั้ยลูก หนูต้องทำตัวยังไง”

“ครับ ลูกหมูต้องดูแลน้าน้ำแข็ง อย่าตามคนแปลกหน้าไป อยู่ในที่ที่คนเยอะๆ อย่าไปที่เปลี่ยว ระวังรถ ต้องมีสติครับ แม่ไอซ์ไม่ต้องห่วงนะครับ ลูกหมูดูแลน้าน้ำแข็งได้”

“แม่ไม่เคยห่วงอยู่แล้ว แม่รู้ว่าลูกชายแม่เก่ง แต่ที่แม่อยากบอกคือ ถ้าลูกหมูเหนื่อย ลูกหมูก็พักนะลูก ไม่ต้องฝืนนะ แม่ก็จะทำตัวดีๆ ทำตัวสวยๆ จะได้มีผู้ชายรวยๆ มาตกหลุมรักอย่างที่ลูกหมูบอกดีมั้ยครับ”

“ดีครับ” คนตัวน้อยพูดเป็นจริงเป็นจัง ไม่รู้ว่าแม่พูดเล่น “แต่รวยอย่างเดียวไม่ได้นะครับ ต้องเป็นคนดีด้วยนะครับ แล้วแม่ไอซ์สวยอยู่แล้ว ไม่ต้องทำตัวสวยๆ ก็ได้…อ้อ หนูเจอผู้ชายดีๆ รวยๆ เท่ๆ ด้วย เป็นคุณหมอด้วยครับ”

“คุณหมอด้วย? หนูไปเจอคุณหมอที่ไหนลูก สวนสาธารณะที่หนูไปขายขนมมีโรงพยาบาลด้วยนี่ หนูไปขายที่โรงพยาบาลด้วยเหรอคะ ไม่ได้นะลูก ไปตรงนั้นไม่ได้นะคะ เราจะไปรบกวนคนอื่นไม่ได้นะ”

“ลูกหมูไม่ได้ไปครับ ลูกหมูอยู่ในสวน แต่คุณลูกค้าคุยกันแล้วหนูได้ยิน แล้วหนูก็มองเห็นคุณหมออยู่ในรถ รถเท่มากๆ เลยครับ คุณหมอชื่อคุณหมอไม้ทีครับ”

“รู้ชื่อเขาด้วยเหรอลูก?”

“ครับ แต่หนูยังไม่กล้าไปขอให้คุณหมอมาเป็นพ่อเลี้ยงให้ หนูรู้ว่าทำอย่างนั้นไม่ได้ เขาจะมองแม่ไอซ์ไม่ดี หนูก็เลยคิดแผนไว้”

“แผน? มีแผนด้วยเหรอเนี่ยลูกชายแม่ แผนยังไงไหนเล่าให้แม่ฟังสิคะ” พอถามออกไปคนตัวน้อยก็หาวหวอดๆ หาวจนน้ำตาเล็ด บ่งบอกว่าง่วงจริงๆ ถึงตอนนี้ไอรดาจึงจูบลูกที่เปลือกตา “ไว้เล่าเรื่องแผนให้แม่ฟังวันหลังก็ได้ วันนี้ลูกหมูน้อยของแม่คงไม่ไหวแล้ว…ฝันดีนะครับคนเก่ง”

“ฝันดีครับแม่ไอซ์” บอกแม่แทบจะลืมตาไม่ไหว ก่อนจะพึมพำเบาๆ กับตัวเอง ด้วยจิตใจที่ตั่งมั่นอย่างที่สุดถึงสิ่งที่จะทำต่อไป “ฝันดีครับคุณหมอไม้ที…พรุ่งนี้หนูจะคุยกับคุณหมอนะครับ”

+++

อ่านต่อนิยายเรื่องนี้

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0

ความเห็น 0

ยังไม่มีความเห็น