DeepSeek แอป AI จีน พุ่งสู่อันดับ 1 บนชาร์ต App Store ในสหรัฐ ไม่นานหลังเปิดตัว ชี้กำลังสั่นสะเทือนวงการเทคโนโลยีสหรัฐ
วันที่ 27 มกราคม 2568 สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า DeepSeek แชทบอทเอไอ (AI) ของจีน ไต่ระดับขึ้นสู่อันดับ 1 บนชาร์ตแอปพลิเคชันดาวน์โหลดฟรีบน App Store ของแอปเปิ้ล (Apple) ในสหรัฐ รวมถึงไต่ระดับต้น ๆ บน Play Store ของกูเกิล (Google) ภายในระยะเวลาอันรวดเร็วหลังจากเปิดตัว ซึ่งได้กลายเป็นความท้าทายครั้งใหญ่ต่อสถานะอันแข็งแกร่งของ AI ในสหรัฐ
โมเดล AI ที่ขับเคลื่อน DeepSeek ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าสามารถแข่งขันกับโมเดลรุ่นล่าสุดของทั้ง แชทจีพีที (ChatGPT) ของโอเพนเอไอ (OpenAI) และเมตา (Meta) โดยบริษัทระบุว่าการพัฒนาและฝึกอบรมโมเดลนี้มีค่าใช้จ่ายถูกกว่ามาก ซึ่งส่งผลให้เกิดการกระแสฮือฮาในหุ้นเทคโนโลยีของเอเชีย
บรรดาหุ้นของบริษัทเทคโนโลยีจีนที่เกี่ยวข้องกับDeepSeek เช่น Iflytek ต่างพุ่งสูงขึ้นในวันจันทร์ (27 ม.ค.) ขณะที่บริษัทที่ผลิตเครื่องมือผลิตชิป เช่น Advantest Corp. ร่วงลง เนื่องจากกระแสของ DeepSeek อาจส่งผลกระทบต่ออุปสงค์ฮาร์ดแวร์ AI ของอินวิเดีย (Nvidia) นอกจากนี้แล้ว สัญญาซื้อขายล่วงหน้าหุ้นสหรัฐก็ร่วงลงเช่นกัน เนื่องจากนักลงทุนมีความกังวลว่า AI ของ DeepSeek อาจท้าทายความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีของสหรัฐ
นายมาร์ค แอนเดรียสเซน นักลงทุนด้านเทคโนโลยี กล่าวว่าแชทบอท AI ของDeepSeek เป็นหนึ่งในความก้าวหน้าที่น่าทึ่งและน่าประทับใจที่สุด โดยแอปนี้ได้รับการรีวิวในเชิงบวกอย่างล้นหลามทั้งบน App Store ของ Apple และ Play Store ของ Google เนื่องจากมีความโปร่งใส โดยแอปแสดงเหตุผลและการทำงานในขณะที่ตอบคำถามของผู้ใช้
DeepSeekเป็นโมเดล AI แบบโอเพนซอร์ส ก่อตั้งโดย นายเหลียง เหวินเฟิง ผู้นำกองทุนเชิงปริมาณ โดยแอปนี้กำลังสร้างแรงกระเพื่อมให้แก่บริษัทต่าง ๆ ในการคิดทบทวนเรื่องการใช้เงินลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อให้ก้าวล้ำหน้าในการแข่งขันด้าน AI
นายจุน หรง เยียบ นักวิเคราะห์จาก IG Asia กล่าวว่า แม้ว่าจะยังไม่ชัดเจนว่า DeepSeekจะยังคงเป็นทางเลือกที่มีศักยภาพและมีต้นทุนต่ำในระยะยาวหรือไม่ แต่ความกังวลทันทีคืออำนาจด้านราคาของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของสหรัฐจะตกอยู่ภายใต้ภัยคุกคามหรือไม่ และการลงทุนด้าน AI จำนวนมหาศาลของพวกเขา จำเป็นต้องได้รับการพิจารณาใหม่หรือไม่
ความสำเร็จในช่วงแรกของDeepSeek ได้ท้าทายสมมติฐานที่ว่า AI ที่ก้าวหน้าที่สุดนั้นจำเป็นต้องอาศัยพลังการประมวลผลและพลังงานมหาศาล ซึ่งเป็นความเชื่อที่ผลักดันให้ราคาหุ้นของ Nvidia พุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ ซึ่งดึงให้หุ้นของบรรดาซัพพลายเออร์พุ่งสูงตามไปด้วย
แม้ว่าค่าใช้จ่ายที่แน่นอนในการพัฒนาและดำเนินการDeepSeek ยังไม่เป็นที่ชัดเจน แต่บริษัทอ้างว่าค่าใช้จ่ายนั้นเป็นเพียงเศษเสี้ยวหนึ่งของรุ่นล่าสุดของ OpenAI เท่านั้น โดยความจริงที่ว่าโมเดล AI ขนาดเล็กที่มีประสิทธิภาพนี้เกิดขึ้นได้ในจีน ท่ามกลางการถูกสหรัฐคว่ำบาตรด้านการค้าเทคโนโลยี และการห้ามส่งออกเทคโนโลยีชิปขั้นสูงรวมถึงชิปของ Nvidia ไปยังจีน ได้ก่อให้เกิดการตั้งคำถามว่ามาตรการคว่ำบาตรเหล่านี้มีประสิทธิภาพจริงหรือไม่
ด้าน นายลี ไคฟู นักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ กล่าวภายในงาน Asian Financial Forum ในฮ่องกงเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาว่า แม้ว่าสหรัฐจะมีความโดดเด่นในด้านการวิจัยและนวัตกรรมล้ำสมัย แต่จีนกลับมีความโดดเด่นในด้านวิศวกรรมมากกว่า โดยในโลกปัจจุบันที่พลังการประมวลผลและเงินทุนนั้นมีจำกัดนั้น ประสิทธิภาพจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก
ทั้งนี้ การที่จีนมุ่งเน้นด้าน AI เชิงกลยุทธ์น่าจะยังคงให้ผลดีต่อไปในอีก 2 ปีข้างหน้า โดยช่วยลดช่องว่างด้านการพัฒนากับสหรัฐลงได้ แม้จะเผชิญกับความท้าทายในห่วงโซ่อุปทานของเซมิคอนดักเตอร์ก็ตาม โดยนายโรเบิร์ต ลีอา และนางจัสมัน หลิว นักวิเคราะห์ของ Bloomberg Intelligence กล่าวว่า ความพยายามในด้าน AI ของจีนที่เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง เป็นตัวเน้นย้ำถึงความสามารถในการพัฒนาซอฟต์แวร์ของจีน และทำให้จีนก้าวขึ้นมาเป็นคู่แข่งที่สำคัญที่ท้าทายสถานะความยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีของสหรัฐ
อ้างอิง : bloomberg.com