ขันติ คือความอดทน เป็นธรรมะสำคัญที่ทุกคนควรต้องมี เพื่อให้ใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข
แสดงว่าถ้าเราอยากมีความรู้สุขก็ต้องรู้จักใช้ชีวิตอย่างระแวดระวัง มีความอดทนและรักษาปกติภาวะของตนไว้ให้ได้ ไม่หวั่นไหว ไม่ถูกกระทบกระทั่งด้วยสิ่งเร้าหรือสิ่งรบกวนที่อยู่รอบด้าน มีความมั่นคงหนักแน่น ไม่ว่าจะมีอะไรหรือใครมาทำให้ขุ่นข้องหมองใจหรือเป็นทุกข์ก็อดทนและผ่านมันไปให้ได้
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเคยตรัสไว้ว่า
“ยกเว้นปัญญาแล้ว เราสรรเสริญว่าขันติเป็นคุณธรรมอย่างยิ่ง”
ตามพระธรรมปิฎก ขันติที่ว่านี้คือความอดทนอันได้แก่ การอดทนต่อความตรากตรำ เช่น ทนต่อความเหน็ดเหนื่อย การต่อความเจ็บปวด เช่น การเจ็บป่วย โรคภัยต่าง ๆ การอดทนต่อความเจ็บใจ เช่น การถูกพูดจาเสียดสี และการอดทนต่อกิเลสเย้ายวนใจหรือมารทางจิตที่บีบคั้นด้วยราคะ โทสะ โมหะ เป็นต้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะคอยโน้มน้าวชักนำจิตใจให้ไหลไปตามกระแสแห่งกิเลสในทางที่ผิดนั่นเอง
พูดให้ง่ายขึ้น ‘ขันติ’ ก็คือเครื่องเผากิเลส เผาความขุ่นข้องหมองใจออกไป โดยเฉพาะเมื่อความโลภหรือราคะเข้าครอบงำ จิตใจของเราก็มักจะหวั่นไหวไปบ้างเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าเรารู้จักอดทนอดกลั้น ระงับอารมณ์ ควบคุมกริยา ซึ่งจะต้องอาศัยการรักษาศีลและการปฏิบัติธรรมควบคู่กันไป ที่สำคัญคือต้องฝึกฝนด้วยสติ รู้จักคิดอย่างรอบคอบ นึกถึงเหตุและผลที่จะตามมาเป็นหลัก โดยหากฝึกให้มีเป็นผู้มีขันติได้ ก็ย่อมจะผ่านความทุกข์ไปได้ง่ายเช่นกัน
นอกจากขันติจะทำให้เราใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุขแล้ว ความอดทนยังเป็นอาวุธที่ทรงพลังในการต่อสู้กับอุปสรรคต่าง ๆ ที่เข้ามาทดสอบชีวิตของเราเพื่อทำให้เราเข้มแข็ง สามารถปรับตัวให้เข้ากับธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และสังคม รวมถึงเป็นพื้นฐานที่ทำให้ สามารถพัฒนาตนเองไปสู้เป้าหมายสูงสุดในชีวิตได้ด้วย
ความอดทนกับการใช้ชีวิตในยุคนี้
เดี๋ยวนี้คนเรามีความอดทนกันน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด มีเรื่องนิด ๆ หน่อย ๆ ก็ขึ้น ก็เหวี่ยงได้ง่าย ไม่รู้จักข่มอารมณ์หรือใช้ความอดทนอีกต่อไป
ถ้าสังเกตดี ๆ จะรู้ว่าคนที่ไม่รู้จักความอดทน ไม่เคยระงับอารมณ์มักทำเสียเรื่อง เสียโอกาสได้ง่าย ๆ ส่วนคนที่มีขันติก็มักมีโอกาสที่มากกว่า ไม่ใช่เพราะอารมณ์เป็นเหตุให้ไม่ประสบความสำเร็จ แต่เพราะรู้จักอดทน ควบคุมความคิดและกริยาต่างหากที่ทำให้แตกต่างจากคนทั่วไป และคนเหล่านี้ก็มีโอกาสที่จะพบความสำเร็จมากกว่าด้วย
ยิ่งเดี๋ยวนี้คนเราชอบเอาขยะมาใส่ตัว ขยะที่ว่านี้ก็คือความโมโห ความเลือดร้อน หงุดหงิดกับทุกเรื่องที่ไม่ได้ดั่งใจ กลายเป็นการสุมความเน่าเหม็น ส่งกลิ่นไปทั่วแบบไม่รู้ตัว ดังนั้นอยู่ที่ตัวเราว่าจะเลือกอย่างไร เลือกเป็นผู้มีขันติที่รู้จักอดทนเพื่อหลุดพ้นจากทุกข์ทั้งปวง หรือเลือกเป็นคนที่ไม่รู้จักระงับอารมณ์จนสร้างความเดือดร้อนให้กับตัวเองและคนรอบข้าง
ความเห็น 57
BEST
การเริ่มต้นของความอดทนนั้นเป็นความทุกข์ตรม
ผลสุดท้ายของความอดทนนั้นคือความสุขสงบ
สามารถอดทนได้นั้นคือสุภาพชน
อดทนอดกลั้นหนักแน่นคือวีรบุรุษ
รู้จักผันแปรความอดทนเป็นสุภาพชน
26 เม.ย. 2561 เวลา 13.26 น.
TA 🐒
BEST
สาธุ🙏...เดี๋ยวนี้บทความไลน์มีการหาข้อมูลและเป็นกลางดีขึ้น เป็นการให้ประโยชน์กับสังคม ให้แง่คิด ขอให้มีบทความดีๆ แบบนี้ต่อไป...ปรบมือ 👏
27 เม.ย. 2561 เวลา 03.31 น.
สิ่งที่ดีที่ก็คือ..ลิ้น..สามารถพูดให้คนรักกัน..สิ่งที่แย่ที่สุดก็คือ..ลิ้น..สามารถพูดให้คนเกลียดกัน..แล้วแต่เราจะใช้กัน
26 เม.ย. 2561 เวลา 23.57 น.
ต๋อย ตะลิงปลิง
ธรรมะของฆารวาส...สัจจะ ทมะ ขันติ และจาคะ
26 เม.ย. 2561 เวลา 13.19 น.
Free man
ใช่ เมืองไทยเรามีแต่คนขาดขันติ บ้านเมืองถึงไม่สงบสุขเช่นทุกวันนี้
26 เม.ย. 2561 เวลา 22.41 น.
ดูทั้งหมด