หลาย ๆ คนคงจะได้ยินข่าวการเกิดวิกฤตไฟป่าครั้งใหญ่ในป่าแอมะซอนของบราซิลในช่วงนี้ เพราะถือว่าการเผาไหม้ครั้งใหญ่ที่มีความรุนแรงที่สุดในรอบหลายปี โดยมีการเผยแพร่ข้อมูลจากสถาบันวิจัยอวกาศแห่งชาติของบราซิล ที่ใช้ข้อมูลจากดาวเทียมแสดงให้เห็นว่า ไฟได้เผาพื้นที่กว่า 83 เปอร์เซ็น ไฟป่าครั้งนี้ไม่เพียงส่งผลกระทบต่อป่าเท่านั้น แต่มีผลให้เกิดควันปกคลุมพื้นที่ในเมืองอีกด้วย นี่ถือว่าเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าการสูญเสียของธรรมชาตินั้น กระทบต่อชีวิตประจำวันของมนุษย์เสมอมา
แอมะซอน เป็นป่าที่มีความหลากหลายทางชีวภาพมากที่สุดในโลก มีพืชพรรณมากมาย และยังมีบทบาทสำคัญต่อชั้นบรรยากาศของโลก เพราะถือว่าเป็นแหล่งผลิตออกซิเจนของโลก จึงได้ชื่อว่าเป็น ปอด ของโลกด้วยเช่นกัน นั่นเป็นสาเหตุที่ว่าทำไมต้องให้ความสนใจกับไฟป่าใหญ่ในครั้งนี้ เพราะว่ามีผลกระทบต่อระบบนิเวศอย่างแน่นอน อีกทั้งยังมีการศึกษาค้นพบว่า
- เมื่อเกิดภาวะอากาศเปลี่ยนแปลง และการตัดไม้ทำลายป่า พืชพรรณที่หลากหลายในป่าแอมะซอนจะหมดไปในปี 2050 โดยกว่า 49 เปอร์เซ็นจะเสี่ยงที่จะสูญพันธุ์
- หากเกิดภาวะอากาศเปลี่ยนแปลง และการตัดไม้ทำลายป่า จะก่อให้เกิดการเติบโตของเหล่าพันธุ์ไม้ลดลงกว่า 53 เปอร์เซ็น และป่าเหลือเพียง 30 เปอร์เซ็นเท่านั้น
- หากมีการตัดไม้ทำลายป่าในแอมะซอนเพียง 20-25 เปอร์เซ็น จะเกิดวิกฤติของความหลากหลายทางชีวภาพอีกด้วย
สิ่งนี้ทำให้นักวิทยาศาสตร์เป็นห่วงไปถึงนโยบายที่ไม่สนับสนุนเรื่องสิ่งแวดล้อมของรัฐบาลปัจจุบันในบราซิลว่าจะส่งผลเสียในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นการทำให้ป่าแอเมซอนถูกทำลาย ระบบนิเวศ รวมไปถึงมลพิษต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น
อย่างที่ทราบกันดีว่า ไฟป่านั้นเกิดได้ทั้งจากธรรมชาติ และมนุษย์ ซึ่งถือเป็น 90 เปอร์เซ็นของการเกิดไฟป่า โดยสาเหตุหลัก ๆ ก็คือการเผาเพื่อเคลียร์พื้นที่หลังทำการเกษตร รวมไปเพื่อกิจการบางอย่าง สำหรับที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ นับเป็น 10 เปอร์เซ็น อาจทวีความรุนแรงด้วยภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลงได้ด้วยเช่นกัน นอกจากนี้การเกิดไฟป่ายังเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาหมอกควันในเมืองด้วย การป้องกันไฟป่านั้น นอกจากหน่วยงานรัฐที่ต้องเฝ้าระวัง จัดทำแผนรับมือ ให้ความรู้แก่คนในพื้นที่เพื่อที่จะร่วมกันรับมือ และป้องกันกับไฟป่าแล้ว ทางฝั่งประชาชนก็ต้องเปิดรับความรู้ เพื่อให้เห็นถึงความสำคัญของป่าไม้ ไม่ทำลายป่า และปัจจุบันมีปัญหาเรื่องภาวะโลกร้อน ซึ่งทำให้เกิดไฟป่าโดยธรรมชาติเพิ่มมากขึ้น
สำหรับวิธีง่าย ๆ ที่คนทั่วไปน่าจะทำได้ เพื่อช่วยโลกในภาวะโลกร้อน ก็คือการช่วยกันประหยัดพลังงาน การลดใช้ถุงพลาสติก ลดใช้ทรัพยากรที่สิ้นเปลือง แม้เราอาจจะเป็นแค่ส่วนเล็ก ๆ ในการช่วยเหลือโลก แต่ทุกการกระทำเล็ก ๆ ก็เพื่อสร้างความตระหนักให้ทุกคนช่วยกันปกป้องปอดของโลก ไม่ใช่เพียงแค่ผืนป่าแอมะซอน แต่ทุกผืนป่าที่หลงเหลืออยู่บนโลกนี้ เพื่อที่เราจะสามารถดำรงอยู่บนโลกร่วมกันได้ต่อไป
ขอบคุณข้อมูลจาก
http://www.bahaindex.com
https://news.mongabay.com/2019/08/deforestation-climate-crisis-could-crash-amazon-tree-diversity-study/
https://www.usatoday.com/story/news/world/2019/08/20/amazon-rainforest-fires-smoke-seen-space/2067220001/
https://www.nationalgeographic.com/environment/natural-disasters/wildfire-safety-tips/
https://www.trueplookpanya.com/knowledge/content/67853/-blo-sciear-sci-
ความเห็น 32
ooy013
BEST
ทุกคนยังคิดว่าเป็นเรื่องไกลตัวแม้แต่พะยูนที่ตายจากไปเพราะคนทำลายสภาพแวดล้อมก็ยังมีพวกสิ้นคิดบางคนออกมาพูดว่าไม่ใช่พ่อแม่ตัวเองตายจะเสียใจทำไม ความไม่มีจิตสำนึกอละความไม่ตระหนักถึงระบบนิเวศน์ที่เปลี่ยนไปในทางเลวร้ายลงเรื่อยๆสุดท้ายมนุษย์นั่นแหละที่จะรับกรรมที่ตนก่อ มันไม่ใช่เรื่องไกลตัวจนนิดเดียว ถึงเวลานั้นคนที่ได้รับผลกระทบจะทุกข์ทรมานยิ่งกว่ามาเรียมไม่รู้เท่าไรถ้ายังไม่สำนึกกัน
23 ส.ค. 2562 เวลา 10.12 น.
KeN dusk till dawn
BEST
คนหมดยังดีกว่าป่าหาย
23 ส.ค. 2562 เวลา 10.39 น.
ชายโจ
BEST
กฏหมายการตัดไม้ทำลายป่า ไม่เด็ดขาด คนมันเลยไม่กลัวกัน
23 ส.ค. 2562 เวลา 10.07 น.
สำหรับความคิดผมนะป่าไม้นั้นสำคัญมากเลยทีเดียวเลยละส่งผลกระทบเยอะแยะแน่นอนเลยละครับในอนาคตคงไม่นานหรอกถ้าพวกเราทั้งโลกยังไม่ตระหนักกับผลกระทบการตัดป่าทำลายป่ากันหรือจะเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติก็แล้วแต่ควรมีโครงการเกี่ยวกับการปลูกป่ามาทดแทนที่เสียไปให้มากๆกันทั่วโลกเลยแหละต้องทุกๆประเทศร่วมไม้ร่วมมือกันจริงๆจังๆกันเสียที นะครับไม่งั้นไม่อยากนึกภาพเลยในอนาคตข้างหน้านะคงแย่ง่ายๆแค่หนึ่งข้อนะแน่นอนต่อไปคนคงต้องซื้ออากาศหรือออกซิเจนกันเพื่อหายใจแน่นอนเชื่อเถอะอากาศมีมลพิษเพิ่มขึ้นทุกๆวินาทีนะครับ
23 ส.ค. 2562 เวลา 10.35 น.
puy
มันขึ้นอยู่กับจิตใต้สำนึกของแต่ละคนค่ะ น่าสงสารสัตว์ป่าอเมซอนจริงๆนะคะ เป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่จริงๆ
23 ส.ค. 2562 เวลา 13.44 น.
ดูทั้งหมด