เหนียว แน่น หนึบ! “บรร.” เตรียมขันเกมรับ มีเข้า ก็ต้องมีออก

แฟนบอลบุรีรัมย์ฯ ถึงกับตาลุกวาว หลังมีข่าวลือการเสริมทัพในตำแหน่งกองหลัง ที่ว่ากันว่าอาจได้เพิ่มมาถึงสองรายรวด ทั้ง “ชินภัทร์ ลีเอาะ” และ “เอเลียส ดอเลาะ” ซึ่งเป็นกองหลังระดับทีมชาติไทยทั้งคู่

ดอเลาะ กับ ชินภัทร์ ต่างมีประสบการณ์ในระดับไทยลีกมาเยอะ ผ่านเกมใหญ่ๆ มาหมด และยังเล่นในระดับทีมชาติมาด้วยกันทั้งคู่ การที่ได้สองคนนี้มาแบบพร้อมกัน หมายความว่าแนวรับของบุรีรัมย์จะหนาแน่นขึ้นเยอะ โดยเฉพาะในยุคที่ต้องลุยหลายรายการทั้งในประเทศและอาเซียน

พอได้สองคนนี้เข้ามา ก็ไม่แปลกที่ต้องมีใคร “ออก” สักคน เพราะโควต้านักเตะไม่ได้เปิดโล่งขนาดนั้น แต่ก็ยังไม่มีความชัดเจนว่าใครจะต้องหลีกทางให้ ซึ่งคนที่ถูกพูดถึงเยอะสุดตอนนี้ ก็คือ “พี่โย่ง” พรรษา เหมวิบูลย์

พรรษา เหมวิบูลย์ ปราการหลังร่างโย่งของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่กำลังตกเป็นข่าวย้ายทีมในช่วงหลังฤดูกาลนี้ โดยมีข่าวลือว่าเขาอาจจะย้ายไปยังทีมในกรุงเทพฯ อย่างการท่าเรือ เอฟซี หรือชลบุรี เอฟซี ซึ่งกำลังมองหากองหลังตัวใหม่เข้ามาเสริมทัพ

แข้งจากจังหวัดจันทบุรี เริ่มเล่นฟุตบอลตั้งแต่อายุยังน้อย และได้โอกาสเข้าเรียนที่โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัยด้วยทุนการศึกษา หลังจากนั้น เขาได้เข้าศึกษาต่อที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และเริ่มต้นเส้นทางฟุตบอลอาชีพกับทีมจามจุรี ยูไนเต็ด

ในปี 2017 พรรษาได้ย้ายมาร่วมทีมบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ซึ่งในปีนั้นเขากลายเป็นกำลังหลักของทีม และช่วยให้บุรีรัมย์คว้าแชมป์ไทยลีกได้สำเร็จ นอกจากนี้ เขายังได้รับรางวัลนักฟุตบอลชายยอดเยี่ยมในงาน FA Thailand Awards 2017 อีกด้วย

ตลอดระยะเวลาที่อยู่กับบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด พรรษาได้ลงสนามในไทยลีกมากกว่า 100 นัด และทำประตูได้หลายประตู แม้จะเล่นในตำแหน่งกองหลัง ในฤดูกาล 2024/25 เขาลงสนามไปแล้ว 27 นัด ทำได้ 4 ประตู และ 1 แอสซิสต์ ซึ่งถือว่าเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมสำหรับกองหลัง

พรรษาเริ่มติดทีมชาติไทยชุดใหญ่ในยุคของ มิโลวาน ราเยวัช และกลายเป็นกำลังสำคัญในแนวรับของทีม เขาได้ลงเล่นในรายการสำคัญหลายรายการ เช่น เอเชียน คัพ และเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ โดยมีสถิติการเคลียร์บอลและการผ่านบอลที่ยอดเยี่ยม

แต่ด้วยอายุที่ใกล้ 35 ปีแล้ว แถมมีข่าวเชื่อมโยงกับทีมอย่าง การท่าเรือ เอฟซี และ ชลบุรี เอฟซี ทำให้หลายคนเริ่มตั้งคำถามว่า หรือถึงเวลาที่พี่โย่งจะต้องหาความท้าทายใหม่ๆ

บุรีรัมย์ยังเหลือภารกิจใหญ่อีก 3 ถ้วยคือ รีโว่ คัพ, ช้าง เอฟเอ คัพและ ช้อปปี้ คัพหรือถ้วยชิงแชมป์สโมสรอาเซียน ซึ่งต้องโฟกัสเต็มที่ก่อนจะคิดเรื่องอนาคตหลังจบฤดูกาล

ถ้าดูจากแนวโน้มการเสริมทัพครั้งนี้ ต้องบอกว่า บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด กำลังเตรียมวางรากฐานใหม่สำหรับฤดูกาล 2025/26 อย่างจริงจัง การดึงตัวผู้เล่นแนวรับระดับทีมชาติเข้ามา ไม่ใช่แค่เรื่องของการอุดช่องโหว่เท่านั้น แต่เป็นการ “ยกระดับมาตรฐาน” ของทีมให้สูงขึ้นอีกขั้น

เพราะอย่าลืมว่าบุรีรัมย์ไม่ได้อยากเก่งแค่ในไทยลีก แต่พวกเขามีเป้าหมายในระดับภูมิภาคด้วย โดยเฉพาะถ้วยเอซีแอล การมีแนวรับแกร่งๆ จะช่วยเพิ่มโอกาสลุ้นแชมป์ให้ทีมได้มากขึ้นแน่นอน

เครดิตภาพ : BURIRAM UNITED