“ศิวัช” ฉะ! พวกนักร้อง-สื่อ เงียบกันเป็นเป่าสาก ปมน้ำมันรั่วจะคอยดูจะชดเชยค่าเสียหายเท่าไหร่!!
ดร.ศิวัช ชวนจับตา! บริษัทน้ำมันดิบรั่วไหลจะชดเชยเงินให้ประเทศยังไง แค่บอกจำนวนไหลออกเท่าไหร่ก็ ไม่เหมือนกันแล้ว
ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า ดร.ศิวัช พงษ์เพียจันทร์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาป้องกันและจัดการภัยพิบัติ นิด้า โพสต์ข้อความผ่านเพจชื่อ Siwatt Pongpiachan ระบุว่า อย่าแปลกใจว่าทำไมเด็กสมัยใหม่ไม่ค่อยให้ความเคารพผู้ใหญ่ ก็เพราะผู้ใหญ่ไม่ทำตัวให้เด็กมันเคารพเอง เอาง่ายๆเรื่องน้ำมันดิบรั่วไหลที่อ่าวไทย นักร้องที่ชอบร้องเรื่องไม่เป็นเรื่องตั้งแต่สากกระเบือยันเรือรบ พอมาเป็นเรื่องที่กระทบกับสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัยของคนระดับประเทศ เสือกเงียบกริบ ไม่รู้ว่าเงินหรืออะไรมาอุดปากอยู่ พวกนักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อม ที่ปกติก็ชอบโพสต์สร้างภาพว่าพวกกูรักษ์สิ่งแวดล้อมกันสุดใจขาดดิ้น แต่พอเป็นเรื่องน้ำมันดิบรั่วไหลก็ทำเป็นเหนียมอาย ออกมาโพสต์พอเป็นพิธีไม่กล้าชกใส่หน้าตรงๆบริษัทที่เป็นผู้รับผิดชอบ สื่อมวลชนหลักที่ชอบทำเรื่องขี้หมูราขี้หมาแห้งก็เงียบกันเป็นเป่าสาก มีแค่ไม่กี่สื่อเท่านั้นที่จับเรื่องนี้อย่างจริงจังและพอเป็นความหวังให้ประชาชนได้
ไม่ต้องแปลกใจหรอครับ ก็ดูชื่อบริษัทที่ถือหุ้นใหญ่ดูจะเข้าใจว่าของเขาใหญ่คับโลกจริงๆ แค่ชื่อก็กินขาดแล้ว ไม่มีใครกล้าหือหรอกครับ ก่อนที่คิดจะโยกย้ายส่ายสะโพกไปประเทศอื่น เราต้องถามตัวเราเองก่อนว่าได้ทำหน้าที่พลเมืองไทยที่ดีแล้วหรือยัง? เรามีจิตสาธารณะต่อส่วนรวมมากน้อยแค่ไหน?
ณ ปัจจุบันนี้ น้ำมันดิบมันรั่วไหลออกมาเท่าไหร่ก็ยังไม่มีใครสามารถให้คำตอบที่ชัดเจนได้ ประเด็นนี้สำคัญมากเพราะถ้าเราไม่รู้ตัวเลขที่ชัดเจนแล้วจะไปเรียกร้องค่าชดเชยจากบริษัทได้ยังไง? ตอนแรกบอกรั่วออกมา 400,000 ลิตร หลังจากนั้นไม่นานลดลงเหลือ 160,000 ลิตร สักพักบอกเหลือแค่ 50,000 ลิตร มาตอนนี้บอกที่รั่วออกไปแค่ 20,000 ลิตรเท่านั้น!!
ประเทศที่ราคาของสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนมันถูก ก็มักเป็นแบบนี้แหละครับ กรณีของ BP บริษัทน้ำมันสัญชาติอังกฤษต้องชดใช้ค่าเสียหายให้รัฐบาลอเมริกาสำหรับการฟื้นฟูและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากกรณีของน้ำมันดิบรั่วไหลที่อ่าวเม็กซิโกเมื่อปี 2010 อยู่ที่ 65,000 ล้านเหรียญสหรัฐหรือคิดเป็นเงินไทยก็ราวๆ 2,143,373,201,174 หรือ 2.14 ล้านล้านบาท หรือราวๆ 70% ของงบแผ่นดินไทยประจำปี 65 (3.1 ล้านล้านบาท)
จับตาดูจำนวนการชดเชยของบริษัทผู้รับผิดชอบกรณีนี้ให้ดีว่าจะเป็นจำนวนเงินเท่าไหร่ สมน้ำสมเนื้อกับความเสียหายที่สิ่งแวดล้อมและสุขภาพของคนในประเทศต้องเสียไปหรือไม่? สื่อไหน นักวิชาการคนใด และข้าราชการผู้เกี่ยวข้องจะมีท่าทีอย่างไร ทุกอย่างจะเป็นการสะท้อนความเป็นตัวตนของคนผู้นั้นว่ามีความซื่อตรงต่อหน้าที่ของตนเองหรือไม่ รักประเทศชาติจริงหรือเป็นเพียงแค่ลมปาก?