โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

ผู้บริโภคขนลุก เจอร้านอาหารหัวหมอ รีไซเคิลน้ำมันจากขยะ

ThaiNews - ไทยนิวส์ออนไลน์

อัพเดต 26 ม.ค. 2566 เวลา 01.15 น. • เผยแพร่ 26 ม.ค. 2566 เวลา 07.41 น.

กลายเป็นคลิปวิดีโอที่ถูกพูดถึงอย่างมากในโลกออนไลน์ หลังจากมีคลิปวิดีโอที่มีหญิง 2 คนสวมเสื้อกันเปื้อนของร้านอาหารแห่งหนึ่ง ที่เดินมานอกร้านเพื่อกรองเอาน้ำมันที่ใช้แล้วจากเศษอาหารที่ถูกทิ้งรวมกันอยู่ในถังขยะใบใหญ่ ก่อนที่จะนำน้ำมันที่ได้กลับไปร้านอาหาร

ผู้บริโภคขนลุก ร้านอาหารหัวหมอ รีไซเคิลน้ำมันจากขยะ
ผู้บริโภคขนลุก ร้านอาหารหัวหมอ รีไซเคิลน้ำมันจากขยะ

ตามรายงานได้ระบุว่า คลิปวิดีโอดังกล่าวได้บันทึกไว้เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2566 ในเมืองฉงชิ่ง ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศจีน หลังจากที่คลิปวิดีโอถูกเผยแพร่ออกไปยังโลกออนไลน์ ก็เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ร้านอาหารอย่างหนักผู้บริโภคหลายคนโกรธแค้นพร้อมมีการเรียกร้องให้ตรวจสอบร้านอาหารดังกล่าว

ผู้บริโภคขนลุก ร้านอาหารหัวหมอ รีไซเคิลน้ำมันจากขยะ
ผู้บริโภคขนลุก ร้านอาหารหัวหมอ รีไซเคิลน้ำมันจากขยะ
ผู้บริโภคขนลุก ร้านอาหารหัวหมอ รีไซเคิลน้ำมันจากขยะ
ผู้บริโภคขนลุก ร้านอาหารหัวหมอ รีไซเคิลน้ำมันจากขยะ

หลังจากที่เรื่องราวนี้ถูกเผยแพร่ไปยังโลกออนไลน์ และถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ต่อมาเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2566 ทางพนักงานที่ปรากฏในคลิปก็ได้ออกมาเปิดเผยเรื่องราวที่มีการเผยแพร่ออกไป โดยอ้างว่าน้ำมันที่ตักเก็บไปนั้น ไม่ได้นำไปประกอบอาหารช้ำแต่อย่างใด แต่รวบรวมน้ำมันเพื่อไปขายต่อให้คนนำไปกลั่นเป็นน้ำมัน ดีเซล

ผู้บริโภคขนลุก ร้านอาหารหัวหมอ รีไซเคิลน้ำมันจากขยะ
ผู้บริโภคขนลุก ร้านอาหารหัวหมอ รีไซเคิลน้ำมันจากขยะ

อย่างไรก็ตามถึงแม้ทางร้านจะมีการออกมาชี้แจงแล้ว แต่บรรดาผู้ใช้งานโชเชียลยังคงเกิดความสงสัยอยู่ไม่น้อย และได้เข้าไปถกเถียงว่าเหตุผลที่พนักงานอ้างมาเป็นจริงหรือไม่ ทำเอาหลายคนได้ตั้งคำถามว่า น้ำมันที่เก็บไปสามารถกลั่นเป็นน้ำมันดีเซลได้จริงหรอ เพราะไม่เคยได้ยินบริษัทที่เชี่ยวชาญนำน้ำมันปรุงอาหารไปรีไซเคิล บางคนก็ได้ระบุว่า ถ้าจะเอาไปขายต่อทำไมถึงตักใส่ถ้วย ใส่หม้อ แล้วกระบวยที่ใช้ตักจะนำไปประกอบอาหารหรือไม่

คลิกเพื่อชมคลิป จาก @fangshimin

ข้อมูลจาก Sina และ Weibo
ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Tnews

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0