หลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่า ความเป็นรัฐมนตรีของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลง เมื่อวันที่ 14 สิงหาคมที่ผ่านมา ทำให้คณะรัฐมนตรีต้องหมดวาระตามนายกรัฐมนตรีด้วยและต้องมีการเสนอชื่อผู้ได้รับการโหวตเป็นนายกฯคนที่ 31
โดยชื่อของ “อุ๊งอิ๊งค์-แพทองธาร ชินวัตร” บุตรสาวคนเล็กของอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร เป็นที่รู้จักในสังคมไทยมาอย่างยาวนาน ตั้งแต่เมื่อครั้งนายทักษิณยังดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี และถูกพูดถึงมากที่สุดในช่วงการเลือกตั้ง 2566 ในฐานะหนึ่งในแคนดิเดตที่อาจได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรี
อุ๊งอ๊งค์ แพทองธาร เกิดเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2529 สำเร็จการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาจากโรงเรียนเซนต์โยเซฟคอนเวนต์ และโรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัย จบการศึกษาในระดับปริญญาตรี แพทองธาร ไปศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยเซอร์เรย์ ในประเทศอังกฤษ เรียนสาขาวิชา Msc International Hotel Management และกลับมาทำธุรกิจของครอบครัว โดยเป็นผู้ถือหุ้นอันดับ 1 บ.เอสซี แอสเสทคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และกรรมการมูลนิธิไทยคม
และเป็นผู้ถือหุ้นในกิจการอื่น ๆ เช่น โรงแรมโรสวู๊ด กรุงเทพ, เทมส์ วัลลีย์ เขาใหญ่ และเดอะ ซิสเตอส์ เนลส์ แอนด์ มอร์ เป็นต้น ทั้งนี้ ในปี พ.ศ. 2565 เธอถือหุ้นรวมทั้งหมด 21 บริษัท มูลค่าประมาณ 68,000 ล้านบาท
ซึ่งเธอเริ่มเข้ามามีบทบาทในเส้นทางการเมืองอย่างจริงจังในปี พ.ศ. 2564 เมื่อ สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้ประกาศลาออกในงานนั้น และเปิดตัวแพทองธารเป็นประธานที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรมของพรรค
ต่อมาในการประชุมของพรรคเพื่อไทยเมื่อวันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2565 เธอได้รับตำแหน่ง “หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย” ซึ่งนักวิเคราะห์เชื่อกันว่า เป็นการปูทางให้พรรคเพื่อไทยเสนอชื่อเธอเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี แต่เจ้าตัวระบุว่า หัวหน้าครอบครัวกับหัวหน้าพรรคเป็นคนละตำแหน่งกัน รวมถึงไม่ได้กล่าวอย่างชัดเจนว่า เธอจะเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยหรือไม่
ในช่วงที่ นายเศรษฐา ทวีสิน ได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ได้แต่งตั้งให้แพทองธารเป็นประธานกรรมการในคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ และรองประธานกรรมการในคณะกรรมการพัฒนาระบบสุขภาพแห่งชาติอีกตำแหน่งหนึ่ง
และเมื่อ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ประกาศลาออกจากหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่ประชุมพรรคได้มีมติเลือก อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร เป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ นับเป็นผู้หญิงคนแรกที่นั่งตำแหน่งดังกล่าวของพรรค และเป็นหัวหน้าพรรคคนที่ 8 ของพรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2566
“สิ่งที่ดิฉันอยากจะบอกกับตัวเองและทุกๆ คนว่า เราตายังคงดูดาว เท้ายังคงติดดิน ยืนหยัดอยู่ข้างประชาชนอย่างเข้มแข็งมั่นคง เพราะพรรคเพื่อไทยหัวใจคือประชาชน” แพทองธารว่าไว้