ในวันที่ชีวิตมืดมนหม่นหมองจนเกือบถึงทางตัน มีสิ่งหนึ่งที่ถึงแม้จะจับต้องไม่ได้ แต่สร้างพลังบางอย่างในใจได้ มันคือ กำลังใจจากใครสักคน แค่คำพูดคำเดียว ประโยคเดียวเท่านั้น ทำให้ใจเราพองโตและฮึดขึ้นมาสู้กับอุปสรรคขวากหนามต่าง ๆ ได้อีกครั้งหนึ่ง อีกอย่างที่สำคัญไม่แพ้กันคือ 'ความหวัง'
‘ความหวัง’ เป็นเรื่องหนึ่งที่แปลกมาก มันคือความรู้สึกทางบวกที่มักจะเกิดขึ้นระหว่างทางที่เกิดพลังลบ รวมถึงเวลาที่เราตกอยู่ในเรื่องราวที่นอกเหนือการควบคุม ตอนนั้นเราจะรู้สึกไม่ค่อยสู้ดี แต่สิ่งหนึ่งที่จะโผล่มาทักทายก็คือ ‘ความหวัง’ นี่แหละ มันทำให้เรารู้จักรอคอยผลลัพธ์ที่ยังมาไม่ถึงได้ และเจ้าความหวังก็มีความหมายกับทุก ๆ เหตุการณ์ในชีวิตเราเลยก็ว่าได้ รอผลสัมภาษณ์งาน, อยากให้คนที่รักหายป่วย, อยากให้ตัวเองมีความสุข, การยอมอดทนต่อความยากลำบากเพื่อบางสิ่ง ฯลฯ
มีอะไรซ่อนอยู่ใน ‘ความหวัง’
ส่วนประกอบของความหวังจะมาพร้อมกับ การมองโลกในแง่ดี, เป้าหมาย, ความปรารถนา และการรอคอย ทุกครั้งที่มีเรื่องไม่สบายใจและอยากก้าวข้าม สิ่งแรกที่จะเกิดขึ้นคือ ต้องมีความหวังก่อน หากรู้สึกสิ้นหวังเมื่อไหร่ ทุกอย่างก็จบกระบวนการทันที เพราะฉะนั้นเมื่อมีหวัง เราจะคิดในแง่ดีโดยอัตโนมัติ มันต้องเป็นไปได้สิ, เราต้องทำได้สิ แม้จะต้องใช้เวลานานเท่าไหร่ไม่มีใครทราบ แต่เมื่อเรามีเป้าหมาย และเต็มใจรอคอยผลลัพธ์ได้อย่างใจจดจ่อ แม้สุดท้ายจะได้ผลตามใจต้องการหรือไม่ก็ตาม เราก็ยังรู้สึกยินดีที่ครั้งหนึ่งเคยมีความหวังกับมัน
เมื่อปีใหม่ที่ผ่านมา หลาย ๆ คนรวมถึงตัวผู้เขียนเองก็วางแผนไว้ล่วงหน้าว่าจะกลับบ้านไปเยี่ยมครอบครัวที่ต่างจังหวัด จัดการทุกอย่างเรียบร้อย แต่ต้องพับแผนลงเพราะโควิดระบาดอีกระลอก กลายเป็นว่าต้องนั่งเสียใจที่ไม่ได้กลับบ้าน รวมถึงตีโพยตีพายใส่โรคระบาดอันน่าเบื่อนี้ แต่ก็ยังมีความหวังว่า ไม่นานเกินรอทุกอย่างคงเรียบร้อย กลับสู่ภาวะปกติ มีวัคซีนป้องกัน มีความเพียบพร้อมในการรักษา วันนั้นเราคงได้กลับบ้านอย่างมีความสุขอีกครั้ง
ทฤษฎีแห่งความหวัง
Snyder’s Hope Theory บอกว่า การใช้ชีวิตให้ประสบความสำเร็จ สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือ ‘ความหวัง’ ซึ่งจะมี 3 สิ่งนี้รวมกัน คือ
1.เป้าหมาย- จะมีความหวังก็ต้องมีเป้าหมายให้หวังก่อน
2.ลู่ทาง- หวังลม ๆ แล้ง ๆ ก็คงไม่เวิร์ค ถ้าหากจะหวัง ก็ต้องมีเส้นทางดำเนินไปหความหวังนั้นด้วย
3.ปฏิบัติ- มีความหวัง มีลู่ทางแล้ว หากไม่ลงมือทำก็คงไม่สำเร็จ เพราะฉะนั้นภาคปฏิบัติก็ขาดมได้เลย
เมื่อทั้งสามมารวมกันจึงจะเกิดผลเป็นความหวังที่มีแนวโน้มที่ดีนั่นเอง
เรื่องราวดี ๆ เมื่อเรามีความหวัง
-ความหวังช่วยสร้างผลลัพธ์ที่ดีทั้งทางกายและทางใจ เช่น เวลานักกีฬาจะลงแข่งขัน หวังจะคว้าชัยชนะให้ได้ ก็จะมุ่งมั่นฝึกซ้อมให้ร่างกายพร้อม พลังใจก็จะฮึดสู้ไปด้วย
-คนที่มีความหวังจะเปลี่ยนความกดดันเป็นความท้าทาย
-ใครก็ตามที่มีความหวัง จะส่งผลดีต่อสุขภาพจิต ช่วยลดความกังวลใจลงได้
-ความหวังช่วยสร้างนิสัยขยันในระยะยาวได้
-คนที่เปี่ยมไปด้วยความหวังมีแนวโน้มจะพึงพอใจในชีวิตมากกว่าคนที่ไร้ความหวัง
และแน่นอนว่าเมื่อมีข้อดี ก็ย่อมมีอีกด้านหนึ่งเช่นกัน ความหวังที่ไม่อยู่บนพื้นฐานความจริง หรือความเป็นไปได้ก็อาจเป็นความหวังลวงได้ เพราะฉะนั้นอย่าลืมสำรวจตัวเองด้วยว่าสิ่งที่ตั้งเป้าคาดหวังอยู่นั้น เกินตัวไปหรือเปล่า
ไม่ว่าชีวิตตอนนี้จะเป็นอย่างไร แต่ขอให้วันที่มืดมิดที่สุด เรายังคงมองหาแสงสว่างที่อาจเหลืออยู่ เพราะว่าเราต้องมีความหวังอยู่เสมอนั่นเองค่ะ
แล้วตอนนี้แต่ละท่านมีความหวังกับเรื่องอะไรกันอยู่บ้างคะ? (ผู้เขียนหวังถูกลอตเตอรีรางวัลที่ 1 สักครั้งก็พอแล้วล่ะค่าาา)
.
อ้างอิง
.
ความเห็น 25
Sudarat S.
👍🙂 ขอยคุณมากค่ะสำหรับข้อมูลดีๆ ตั้งใจว่า ต่อนี้ไปต้องมี เป้าหมาย+ลู่ทาง+ปฏิบัติ
09 ก.พ. 2564 เวลา 13.05 น.
ลองถามตัวเองก่อนว่าจริงๆ แล้วเราต้องการอะไรและยังต้องการอยู่มั้ย ถ้ามีเชื่อเหลือเกินว่าทุกคนจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มันมาเพราะมันเป็นความหวัง ถ้าคุณมีสิ่งที่ต้องการแต่ยอมทิ้งมันเพราะคุณหมดหวัง แต่ถ้าไม่มีความต้องการไม่อยากได้มันนั่นแปลว่าคุณพอแล้ว
11 ม.ค. 2564 เวลา 08.32 น.
sirikorn
หวัง ให้ลูกตัวเองมีชีวิตที่ดีในทุกด้าน (แค่นี้ก้สุขใจแล้ว)
11 ม.ค. 2564 เวลา 01.10 น.
ชีวิตมีเพียงชั่วคราว
แต่ผมกลับเห็นว่าเพราะความหลงจึงทำให้พวกเรายังติดอยู่(ออกไม่ได้ซักทีกับโลกธรรมนี้)
10 ม.ค. 2564 เวลา 06.27 น.
Hello!..Petch
อ่านทาดีล่ะ ประโยคสุดท้ายนี่แหละความหวังคนส่วนใหญ่
10 ม.ค. 2564 เวลา 03.18 น.
ดูทั้งหมด