ช่วงนี้ใคร ๆ ก็รักการวิ่ง
หันไปทางไหนก็มีแต่คนรอบตัวออกไปวิ่ง แถมวิ่งเสร็จก็ต้องบอกระยะทาง บวกกับอัตราการเต้นของหัวใจโชว์สักหน่อย โพสต์เสร็จ ก็เป็นอันเสร็จพิธี
แต่มีการวิ่งอย่างนึงที่เราไม่ค่อยได้เอ่ยปากบอกใคร เป็นการวิ่งที่ไม่ต้องออกไปวิ่งที่ไหน แต่ก็รู้สึกเหนื่อยแทบขาดใจได้เหมือนกัน
ผมเองก็ไม่แน่ใจว่าจะเรียกการวิ่งประเภทนี้ว่าเป็นระยะไหน จะเรียกว่า ระยะใจ บางทีก็ไม่แน่ใจอีกว่า ความใกล้ไกลมันจะยาวนานสักแค่ไหน ก็อย่างว่าแหละ ใจเขาใจเรา จะไปวัดระยะใจเขามาถึงใจเรา มันก็คงจะยากกันนิดนึง
เท่าที่เคยสัมผัส แล้วก็สังเกตคนรอบตัวมา คนวิ่งระยะนี้มีเยอะมาก แต่คนสำคัญเท่านั้นถึงจะได้ล่วงรู้ความเหน็ดเหนื่อยของพวกเขา เพราะพวกนี้เค้าไม่ค่อยโพสระยะวิ่งลงเฟซบุ๊ค บวกอัตราการเต้นของหัวใจที่ต่ำต้อย ก็เลยไม่อยากบอกออกไป
การวิ่งตามใครสักคน ผมไม่กล้าเรียกว่าเป็นกีฬา แต่ผู้เข้าร่วมแข่งขันส่วนใหญ่มักทำด้วยความสมัครใจ แล้วคนที่นำอยู่ข้างหน้าเขาสมรู้ร่วมคิดด้วยมั้ย อันนี้ก็ต้องไปถามกันดู
แล้วเราจะต้องวิ่งไปอีกนานแค่ไหน จะต้องวิ่งไปจนถึงเมื่อไหร่ จะถึงมั้ย หรือจะต้องวิ่งกันจนขาใหญ่ แต่สุดท้ายก็ไปไม่ถึงไหนสักที
และนี่คือสิ่งที่ผมนึกขึ้นได้ ขณะวิ่งตามใครสักคน
1. ยิ่งวิ่งยิ่งไกล
น่าแปลก การวิ่งตามใครสักคนเนี่ย ยิ่งเราออกแรงวิ่งมากเท่าไหร่ ระยะทางก็ดูเหมือนจะเริ่มไกลขึ้นๆ เรื่อย ๆ แบบที่คนที่เราวิ่งตามอยู่ อาจจะไม่ได้วิ่งหนี วิ่งไปไหนเลย มันก็ยืนอยู่เฉยๆ แหละ แค่ไม่ได้หันมามอง
เปรียบเทียบง่ายๆ เคยเป็นมั้ย เวลาคุยไลน์กับคนที่ชอบ แล้วบทสนทนามันหนักขวา คือเราส่งไปคุยอยู่ฝ่ายเดียว เป็นคนถามคำถามอยู่คนเดียว ตอบก็ช้า ตอบมาที ก็ อืม อือ หรอ อิอิ อยากจะตอบกลับนะว่า อิ.หา..มึงหรอ 55
แต่ก็ต้องอดทนไว้ เพราะเดี๋ยวเขาจะไม่ชอบเรา
เวลาทะเลาะกับใครสักคน แล้วเราเป็นคนเดียวที่อธิบายหาเหตุผลทุกอย่างให้เขาเข้าใจเรา โดยที่เขาเองไม่ได้อยากจะเข้าใจเลย อาจเป็นเพราะไม่ได้ใส่ใจอยู่แล้ว ไม่อยากจะฟัง หรืออยู่ในภาวะใด ๆ ก็ตามแต่ แต่สุดท้ายคนที่เหนื่อยพูด อธิบายเก่ง ง้อเก่ง ก็คือเราอยู่คนเดียว
บางอย่างความพยายามมันจะช่วยเรานะ แต่ก็ไม่ใช่ทุกอย่างที่ต้องตะบี้ตะบันทำมันถึงจะสำเร็จ
บางทีมันก็ต้องมีช่วงรอ ช่วงคอย ช่วงปล่อยให้แต่ละคนได้คิด ได้เติบโตของตัวเอง
ยิ่งวิ่งตาม ยิ่งรดน้ำ แทนที่จะได้ต่างคนต่างได้เรียนรู้จากความห่าง กลายเป็นเหนื่อย ที่ต้องวิ่งตาม ไม่โต แถมตามไม่ทันเหมือนเดิมอีกต่างหาก
2. เรากำลังวิ่งตามหาคนเต็มสิบ แต่จริง ๆ เราอยู่ทีเท่าไหร่สำหรับเขา
เรามักมี Playlist เพลง รายชื่อหนัง อาหาร และสถานที่ที่ชอบ เก็บเอาไว้ในโทรศัพท์ เวลาว่างๆ คิดไม่ออกว่าจะฟังอะไร จะไปที่ไหน จะกินอะไร ก็มักจะหยิบมันขึ้นมาดู
นอกจาก list พวกนี้แล้ว ผมมักจะจดสิ่งที่ต้องทำในแต่ละวัน แต่ละเดือน แต่ละปีเอาไว้ในสมุดบันทึก พอเวลาผ่านไป ก็เอาปากกาขึ้นมาขีดเส้น ทำเครื่องหมายว่าข้อนี้ทำแล้ว ข้อนี้ยังไม่ได้ทำ และยังเหลือเวลาที่ต้องทำอีกนานแค่ไหน
คิดว่านี่น่าจะเป็น list ทั้งหมดในชีวิตแล้ว แต่พอมาคิดอีกที มันจะมี list อีกประเภทหนึ่ง ที่ผมไม่ได้เขียนมันลงบนกระดาษ เป็นรายการที่อยู่ในความรู้สึก
เช็คลิสที่เราไว้ทด เวลาที่เราได้เจอกับใครสักคน คนที่พอเจอแล้ว เรารู้สึกว่า คนแบบนี้แหละ ครบทุกข้อที่เราคิดเอาไว้
ไม่ใช่ว่าเจอปุ๊บ ก็ครบปั๊บ แต่สักสิบข้อที่มี บางคนพอคุยได้สักพัก เราก็จะรู้แล้วว่า นี่แหละ 5 เต็ม 10 พอมีเวลาทำความรู้จักกันมากขึ้น ก็มีข้อที่ขีดถูกเพิ่มขึ้น เป็น 8 9 และ 10 ไปในวันไหนก็ไม่รู้ตัว
ผมเองก็ไม่แน่ใจ ว่าการที่เรามีรายการของคนที่ต้องได้ตามที่เราคิดไว้มันเป็นเรื่องที่ดีมั้ย เพราะใช้ชีวิตมาสักระยะ ก็ค้นพบกับตัวเองว่า คนเต็มสิบในชีวิตมีไม่มาก บางคนก็แทบไม่เคยได้เจอคนที่ครบตามรายการที่คาดหวังไว้เลย รวมถึงยังค้นพบต่อไปอีกว่า เราเองก็ไม่ใช่คนที่เต็มสิบกับคนอื่นด้วยเหมือนกัน
เพื่อนคนหนึ่งพูดกับผมในวันที่เขาอกหักว่า
“เราลืมเขาไม่ได้หรอก
เพราะในเช็คลิสความรู้สึก
เขาคือทั้งสิบข้อที่เราคิดเอาไว้”
พอเป็นแบบนี้ วันที่เราต้องบอกลากับคนที่ใช่ในทุกข้อที่เรารู้สึก ใจก็บอกกับตัวเองว่า คงไม่มีใครที่จะมาถูกทุกข้อแบบที่เราเคยเจออีกแล้ว ต่อให้มีใครเข้ามา พวกเขาก็คือคนโชคร้าย ที่เรามักจะเอา 10 ข้อที่เคยเจอกับคนก่อน มาค้นหากับคนใหม่ เราก็เลยวิ่งตามคนเก่า เพื่อให้ได้อยู่กับเขาต่อไป แต่อย่างที่บอกครับ วิ่งแบบนี้โคตรเหนื่อย
แถมมันไม่แฟร์กับใครเลย
เช็คลิสพวกนั้น เลยกลายเป็นบรรทัดฐานใหม่ของการมีความรู้สึกดี ๆ ในครั้งต่อไปโดยที่รู้ตัว
เลยได้แต่บอกกับเพื่อนว่า
ลองลดรายการทั้ง 10 ข้อนั้นลงหน่อยไหม ให้โอกาสตัวเองได้เจอคนที่ได้ 9 ได้ 8 หรือให้ 5 เข้ามาในชีวิตดูบ้าง มันอาจไม่ได้เติมเต็มสิ่งที่ต้องการ สิ่งที่ขาดไปได้จนครบ แต่เรารู้หรอว่าสำหรับเขา เราคือคนที่เต็ม 10 กับเขาด้วย ?
จริง ๆ แล้วเราอาจจะแค่ 2 จาก 20 ของเขาก็ได้ แต่เขาเลือกที่จะไม่มอง 18 ข้อที่เหลือ แล้วมาเดินหน้าดูว่า เขาจะเขียนข้ออื่น ๆ เพิ่มขึ้น แล้วลบข้อที่เคยคิดว่าใช่ออกไปได้ไหม
"ความรู้สึกดี ๆ มันไม่ได้เกิดขึ้นจากสิ่งที่คิดว่าเราควรจะเจอ แต่มันเกิดขึ้นจากการที่เราไม่ได้คาดหวังว่าจะเจอ
แล้วมันดันดีกว่าที่เราคิดไว้ต่างหาก"
จะวิ่งตามใครมันก็ดี ถ้าวิ่งตามแล้วได้เดินด้วยกัน แต่ก่อนวิ่งก็เช็คคะแนนตัวเอง ประเมินหน่อยว่าเราอยู่แต้มไหน ถ้าแต้มต่ำมาก จนไม่น่าจะได้อะไรกลับมา ก็ไม่ต้องวิ่งหรอก วิ่งตามคนอื่นเก่งนี่ไม่ได้สุขภาพดีนะ เสียสุขภาพจิตมากกว่าต่างหาก
3. ทำไมไม่ลองหยุดวิ่งดู
เรื่องนี้รุ่นน้องที่สนิทผมเล่าให้ฟัง บอกว่าเธอมีคนมาจีบอยู่ช่วงนึง ผู้ชายคนนี้มักจะทักมาคุยด้วยทุกวันๆ
ตามตื้อตลอด ตอนที่เขาตามๆ เนี่ย เราก็เล่นตัวหน่อยนะ แบบ ตอบบ้างไม่ตอบบ้าง พอแบบให้รู้ว่า เออ สวยนะเว้ย
ไม่ใช่ง่ายๆ
แต่หลังจากนั้นสักพัก เขาก็เริ่มเงียบไป ไอ้น้องเราก็กระวนกระวายใจไง จริง ๆ คือมีใจแหละ แต่สวยไง ฟอร์มเยอะ เงียบได้สักพัก ก็ทนไม่ไหว ต้องทักเขาไป ชวนคุยด้วยเรื่องแก้เขิน
จังหวะนั้นแหละที่ผู้ชายคนนั้นเราจับไต๋ได้ ว่าโอเค เธอมีใจกับเราแล้ว
ผู้ชายคนที่เคยวิ่งมาตลอด แล้วหยุดพัก พอให้คนที่อยู่ข้างหน้าได้เอะใจ แล้วหันมามอง ซึ่งเคสนี้โชคดี ที่คนข้างหน้าเขารู้สึกด้วย
หลังจากนั้นทั้งสองคนก็เป็นแฟนกัน
ผมไม่ได้มาขายฝันหรอกนะครับว่า ให้หยุดหรือให้เดินต่อ ผมแค่จะบอกว่า บางจังหวะถ้ามันเหนื่อย ก็พักเถอะ พักตรงนี้คือไม่ได้ได้พักให้เขาหันมามอง แต่พักถามตัวเองว่า มึง…ที่วิ่งอยู่ ใช่มั้ย พอยัง ยังไหวใช่ป่าว วิ่งตามผิดคนมั้ย หรือควรนั่งอยู่เฉยๆ ปาดเหงื่อ รอให้เหงื่อแห้ง แล้วลุกไปอาบน้ำ แต่งตัวดีๆ ฉีดน้ำหอมฟูๆ ให้คนอื่นเขาเดินเข้ามาหาดูบ้างดีไหม
คนที่รักตัวเองมันมีเสน่ห์นะ คนที่รู้คุณค่าของตัวเองมันยกระดับความน่ารักขึ้นได้เป็นกองเลย
4. หันไปดูคนที่วิ่งตามเราบ้าง
ผมชอบอ่านสถานะเฟซบุ๊คหรือทวิตเตอร์คนที่ชอบบ่นๆ ว่าโสดๆ หรือพูดเป็นนัยยะว่า ไม่มีใครเลย ไม่มีใครสนใจเลย อารมณ์เรียกร้องความสนใจ เอาง่ายๆ จริงๆ ไม่ใช่ไม่มีหรอก แต่ไม่เอามากกว่า
จริง ๆ นะ จะหาว่าผมใส่ร้ายไม่ได้
คนไม่มีที่ไม่มีเลย มันมีอยู่จริง แต่พวกที่มีคนพร้อมที่จะวิ่งหา แต่ก็วิ่งไปยืนอยู่บนยอดพิรามิด แล้วจะโกนหาคู่มันก็มีไม่น้อย
บางคนมีความสนุกกับการวิ่งตามสิ่งที่ไม่ได้สนใจเรา มากกว่ายืนอยู่เฉยๆ แล้วให้คนอื่นเข้าหา
อ่าว พี่ ก็มันไม่ใช่ จะได้เราไปคุยกับเค้าได้ยังไง
ผมก็ไม่ได้บอกว่าจะต้องไปชอบเขาหรอก
แต่ถ้ากำลังวิ่งตามใครแล้วมันเหน็ดเหนื่อย ลองหันมามองคนที่กำลังวิ่งตามเราอยู่บ้าง เราจะได้รู้ว่า ที่เขากำลังวิ่งตามเราอยู่นั้น มันจะเกิดประโยชน์อันใดขึ้นไหม แล้วที่เรากำลังวิ่งตามอีกคนอยู่ด้วย มันจะลงท้ายๆ คล้ายๆ กันด้วยรึเปล่า
รู้นะว่าชอบวิ่ง แต่อย่าลืมว่า ไม่ใช่ทุกคนที่เหมาะกับการวิ่งในการเริ่มต้นกับใครสักคนนะ
5. หาวิธีที่เหมาะกับการเริ่มต้นความสัมพันธ์กับใครสักคน
อย่างที่บอกไปว่า การวิ่ง อาจไม่เหมาะกับเราก็ได้ในการเริ่มต้นความสัมพันธ์
ที่เหนื่อยกันอยู่ตรงนี้ ที่พยายามดึง รั้งเขาให้อยู่กับเราเนี่ย มันเป็นความต้องการของเราอยู่คนเดียวรึเปล่า ผมเชื่ออยู่อย่างนะว่า ความสัมพันธ์ที่ดี มันจะไม่ค่อยทำให้เราเหนื่อย ถ้าจำช่วงเวลาที่จีบใครสักคนได้ แบบที่มันโอเคจริง ๆ
เราจะไม่ต้องนึกว่าจะคุยอะไรกัน ไม่ต้องมานั่งคิดว่าเค้าคิดอะไรกับเรา มันจะมีความเป็นตัวของตัวเอง ไม่ต้องกั๊กอะไรมากมาย
ผมเคยวิ่งตามคนๆ นึงเป็นปีๆ วิ่งไปแบบที่ไม่รู้ว่าจะถึงตอนไหน แล้วคนที่ถูกตามเนี่ยก็มีทริกนะ แบบที่
ถ้าเราเริ่มพัก เขาจะยืนรอ แล้วส่งน้ำมาให้ แต่พอเราเริ่มวิ่งต่อ มันก็วิ่งหนีเราอีกที โรคจิตมาก
แต่พอถึงจุดหนึ่งที่เรียกว่า จุดขีดสุด จุดวิกฤตเนี่ย เราจะคิดได้เองครับว่า
โอเค เหนื่อยละ พอดีกว่า วิ่งไม่ไหวแล้ว อยากเดิน อยากนอน อยากอยู่เฉยๆ อยากดูแลตัวเอง อยากรักตัวเอง
อยากมีความสุขแบบทีไม่ต้องวิ่งตามใครอีกเลย
ซึ่งจุดนี้แหละที่แต่ละคนมีความอดทนไม่เท่ากัน นั่นทำให้ใครหลายๆ คนอยากทำลายขีดจำกัดของตัวเองสักที
ทำลายเพื่อออออ
ถ้าคุณกำลังวิ่งอยู่ ผมเป็นกำลังใจให้นะ อย่าลืมวัดระยะ จับอัตราการเต้นของหัวใจตัวเองดู ว่าแผ่วเบา หรือเต้นแรงอยู่ไหม
แต่ถ้าเหนื่อยแล้ว พักเหอะกับคนนี้ ไปวิ่งกับพี่ตูนยังมีประโยชน์กว่าวิ่งหาคนที่ไม่เคยแม้แต่จะหันมาถามเราว่า
เหนื่อยมั้ยสักคำเลย
------
ติดตามบทความของ เพจบันทึกนึกขึ้นได้ บน LINE TODAY ทุกวันศุกร์
ความเห็น 13
Tickety-Boo!!!🐈
วิ่งตามคนไม่มีใจ
วิ่งเร็วแค่ไหน..ก็ไม่ทัน.
ยิ่งเข้าใกล้มากเท่าไหร่
เหมือนยิ่ง"ไกล"ออกไปทุกที.....
10 ม.ค. 2563 เวลา 07.48 น.
รุ่ง..รุ่ง
แค่คำว่า..เหนื่อยมั๊ย..ยังไม่เคยถามเราเลย รู้สึกว่าวิ่งตามอยู่ฝ่ายเดียว เลยขอหยุดวิ่งดีกว่าค่ะ
10 ม.ค. 2563 เวลา 08.20 น.
อย่าคิดแค่ว่ามีใครยากวิ่งตามแต่มองกลับกันอีกคนเค้าไม่เคยวิ่งตามเลยดูดีๆอย่าอ่านแค่หนังสือตัวเอง
10 ม.ค. 2563 เวลา 12.16 น.
หัวใจที่"ต่ำต้อย"ใช้อะไรวัดคะ?
10 ม.ค. 2563 เวลา 09.15 น.
ผมคิดว่าถ้าเรามีความตั่งใจจริงกับในสิ่งที่เราได้หวังเอาไว้ ยังไงก็ย่อมที่ต้องเป็นไปได้ดั่งที่ใจเราหวังเอาไว้เสมอครับ.
10 ม.ค. 2563 เวลา 08.09 น.
ดูทั้งหมด