ทำ Club Friday มา 15 ปี ปัญหาเรื่องของแฟนเก่า ยังเป็นเรื่องเล่าที่คลาสสิคเสมอ แม้เวลาจะเดินหน้า แต่เราก็ยังปล่อยให้คนเก่าเข้ามาวนเวียนในชีวิต บางทีเขาก็ไม่ได้อยากเข้ามา หรือว่าอาจจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ มีแต่เราที่เอาอดีตมาตอกย้ำ แล้วทำให้วันใหม่ๆเจ็บคล้ายๆวันเก่า หนังอย่าง How to ทิ้ง เลยดูเป็นเรื่องจริง ที่คนรักจริง เจ็บจริง แสนจะเข้าใจ …
เพราะไม่ได้เป็นคนที่มีแฟนจำนวนมากมาย เลยไม่เคยได้ทิ้งใคร ในหนังเรื่องที่อินมากมายเลยกลายเป็นเรื่องครอบครัว บทที่น้องเต๋อ นวพล ทั้งเขียนและกำกับ มีประโยคที่ย้ำๆ อยู่ประโยคหนึ่งคือ. “นี่มันยุคของเราแล้วนะเว้ย” “ทำไมคนรุ่นเก่าถึงรับความเปลี่ยนแปลงยากนักหนาวะ” บทของน้องจีนในเรื่อง คือผู้หญิงแห่งยุคสมัย ที่อยากปฏิวัติทุกสิ่ง และคิดว่าสองมือเราเปลี่ยนโลกได้ จากบ้านที่รกมากมาย สามารถเปลี่ยนเป็นบ้านแบบมินิมอลได้แค่ดีดนิ้ว ก็แค่ตัดใจทิ้งทุกอย่างใส่ถุงดำ ไม่ต้องเหลือความทรงจำกับสิ่งของใด บ้านถึงจะเคลียร์ได้ง่าย แต่ลืมว่าโลกนี้ซับซ้อนเกินไป เมื่อคนที่รวมตัวอยู่บนโลก ล้วนมีความรู้สึกและจิตใจ ในหนังจะมีประโยคจิกกัดเอาไว้ว่า “ทำไมอีโม กันจังวะ” ในขณะเดียวกัน พี่ชายที่ชื่อเจ คือคนยุคเดียวกันไม่ต่างจากจีน แต่สิ่งที่เจ คิดอยู่เสมอคือความรู้สึกของใครๆ ที่มันไม่ได้จัดการง่ายแค่หยิบใส่ถุงดำ หนังใส่ความบีบคั้นในเรื่องครอบครัว เล่าผ่านเปียโนตัวหนึ่ง ที่พ่อเคยเล่นประจำ เมื่อพ่อไปมีครอบครัวใหม่ เปียโนหลังใหญ่ เลยกลายเป็นของเกะกะในสายตาจีน เมื่อไม่มีคนเล่นแล้ว ไม่มีประโยชน์ จะเก็บไว้ทำไม? ในขณะที่สิ่งเดียวกันนี้ คือสัญญลักษณ์ของความหวังสุดท้ายของแม่ แค่มีของซักสิ่งที่ไม่ทำให้ความจริงโหดร้ายจนเกินไป ความจริงที่ว่าคือสามีที่เธอรัก เดินออกไปจากครอบครัวอย่างสมบูรณ์แล้ว
เด็กยุคนี้บอกว่าผู้ใหญ่ยุคนั้น ยึดติดไม่ move on เปียโน เก็บไว้อยู่ได้ พ่อคงไม่ได้กลับมาแล้วไงแม่ .. ลูกแค่ไม่ได้มองว่า การ move on ของแต่ละคนต่างกัน แม่ร้องเพลงเดิมๆ หลีกหนีความเจ็บปวดด้วยการไม่ฟังอะไรทั้งนั้นที่เกี่ยวกับพ่อ ขอร้องให้ลูกอย่าเล่าถึงสิ่งที่พ่อบอกกับลูกสาว และลูกกำลังเล่าให้แม่ฟังต่อทั้งน้ำตา โดยไม่ฟังเสียงห้ามของแม่ว่า “อย่าเล่า” เพราะคิดเอาว่า แม่พยายามหนีความจริง ทั้งที่“How to ทิ้ง “ ของแต่ละคนมีวิธีไม่เหมือนกัน
ไม่ได้นั่งเขียนรีวิวหนังนะคะ ใครอยากดูก็ดู ใครไม่อยากดูก็สุดแท้แต่ แค่เขียนเก็บเอาไว้ ว่าได้คิดอะไรบ้างหลังจากดูหนัง ..สิ่งที่พูดให้ฟังบ่อยๆใน Club Friday ยังเกิดขึ้นอยู่เสมอ “ตอนบอกรักบอกต่อหน้า ตอนบอกลาใช้หายเงียบ” ขี้เกียจรู้สึกผิด ลืมคิดถึงหัวใจอีกฝ่ายที่จะตัดใจก็ยังแอบหวัง ถ้ายังรอ ก็ไม่รู้ต้องรออีกนานแค่ไหน ความรู้สึกผิดไม่มีวันหายไป อยู่ที่เราจะให้ความสำคัญกับมันเมื่อไหร่เท่านั้นเอง
น้องจีนในเรื่อง มีแต่ความรู้สึกผิด ทิ้งของที่เพื่อนให้ ละเลยรูปบางรูป ที่เพื่อนเคยขอ หรือแม้แต่ปล่อยให้แฟนเก่ารอ ทั้งที่ไม่มีอะไรให้หวัง พออยากจบความรู้สึกผิด ก็คิดจะคืนของ.. ของคืนได้ แต่ความพังในหัวใจเรียกคืนยาก และไม่ได้จบง่าย มากๆเพียงแค่ขอโทษ
ดูหนังแล้ว ไม่ได้รู้วิธีว่าควรทิ้งยังไง แต่รู้ว่า ถ้าจะเก็บ “เก็บ”ยังไงที่จะไม่เจ็บเท่าเดิม ของที่เก็บไว้ ไม่ได้วัดกันอย่างเดียวว่า “ยังมีประโยชน์ไหม?” แค่ดีต่อใจ ของชิ้นนั้นก็ไม่ได้ไร้ค่าแล้ว
เอาจริงๆนะ “รักครั้งเก่า” “แฟนเก่า” “ของๆแฟนเก่า” เราไม่ต้องทิ้ง แค่รับความจริงให้ได้ว่า มันหมดเวลาของเราแล้ว ของบางอย่าง แม้จะเก็บ แต่เราก็ไม่ได้เจ็บเท่าเดิม หรือของบางชิ้น ต่อให้เอาไปทิ้ง หรือเอาไปเผายังทำร้ายเราได้ไม่ต่างจากเดิมเลย ความทรงจำไม่ได้ทำร้ายเราเสมอไป อยู่ที่เราจำยังไง และเลือกจำในมุมไหนมากกว่า
ความเห็น 5
Tickety-Boo!!!🐈
คนเราในเมื่อรู้ตัวว่ายัง "ลืม" ไม่ได้.
ก็แค่..เปลี่ยนวิธีจำ
.....เท่านั้นเอง.....
03 ม.ค. 2563 เวลา 01.57 น.
Tui of Earth
อย่าไปให้ราคากับสิ่งที่ไม่อยากคิดถึง เช่นเดียวกับเราไม่เคยคิดถึงเหรียญ 25สตางค์
03 ม.ค. 2563 เวลา 05.37 น.
🅰️ Nittaya
เค้ามีคนที่ต้องการอยู่แล้ว ตอนนี้ขอเวลาทำใจก่อน
08 ม.ค. 2563 เวลา 20.52 น.
ในการยอมรับกับในความเป็นจริงที่เกิดขึ้นอย่างมีสติ ย่อมที่จะไม่ทำให้เป็นทุกข์ เพราะปัญหาทุกอย่างย่อมที่จะมีทางแก้ไขเพื่อให้เป็นไปในทางที่ดีได้เสมอ.
03 ม.ค. 2563 เวลา 08.08 น.
CrowZ
อยู่กันละทรมาน เลิกกันคือหมดเวรหมดกรรม
04 ม.ค. 2563 เวลา 12.42 น.
ดูทั้งหมด