ในแดนดินถิ่นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือเรียกกันอย่างตามยุคสมัยว่า อาเซียน ได้มีพรรณไม้ชนิดหนึ่ง พุ่มทรงต้นสวย โดยเฉพาะส่วนยอดใบมีไรขนคลุม และผลรูปทรงสวยงาม เหมือนไม้โบราณในนิยายปรัมปรา เขาเรียกกันว่า “ตะลิงปลิง” พุ่มต้นใบดูรวมๆ คล้ายต้นมะยม ลูกทรงผลกลมยาวรี รสชาติเปรี้ยวได้ใจ อาจจะดีต่อใจใครบางคนจริงๆ
ตะลิงปลิง เป็นไม้พุ่มขนาดกลาง สูงราวๆ 5-6 เมตร บางต้นที่เป็นต้นเก่าแก่จริงๆ เคยพบสูงกว่า 10 เมตร พบเห็นที่ต้นเล็กๆ มีลูกหลามต้น เจ้าของเขาเชิญชวนให้เด็ดชิม เคยลองอยู่เหมือนกัน ไม่อยากเล่าตอนนี้ ว่ารสชาติสะเด็ดสะเด่า น่าจะแนะนำให้ปลูกกันไว้แถวที่พักริมทาง คนขับรถง่วงแวะพักคลายเมื่อยล้า ง่วงเหงาหาวนอน เจอสักคำ ตาสว่าง ง่วงหายทันที กำลังบอกถึงประโยชน์ สำหรับผู้ที่จะขับรถระยะทางไกลๆ เก็บติดไว้ในรถสักลูกสองลูก เห็นคุณค่าแน่นอน
ทางภาคใต้เรียกว่า “หลิงปลิง” ใต้สุดถึงมาเลเซียเรียก “พลีมิง” หลายที่เรียก “กะลิงปลิง” แต่โดยส่วนใหญ่เรียก “ตะลิงปลิง” มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Averrhoa bilimbi Linn. เป็นไม้ในวงศ์ AVERRHOACEAE ต้นเป็นไม้เนื้ออ่อน เปราะหักง่าย แตกกิ่งมาก มีขนอ่อนนุ่มปกคลุมทั่วตามกิ่ง เปลือกต้นสีน้ำตาลอมชมพู ผิวเปลือกเรียบไม่ขรุขระ ใบคล้ายใบมะยม เป็นใบประกอบ ในก้านใบหนึ่ง ประกอบด้วยใบย่อยที่มีลักษณะรูปใบหอก ปลายใบแหลม โคนใบมน ใบย่อยกว้าง ประมาณครึ่งนิ้ว ยาว 1-2.5 นิ้ว ใบสีเขียวอ่อนมีขนอ่อนนุ่มปกคลุม ใบย่อย 11-37 ใบ ต่อ 1 ก้านใบ
ลักษณะของดอก จะออกเป็นช่อ ตามลำต้นและกิ่ง มีกลีบดอกสีแดงเข้ม 5 กลีบ กลีบเลี้ยงสีเขียวอมชมพู มีกลิ่นหอมชื่นใจ เกสรกลางดอก สีเขียวอ่อน ผลตะลิงปลิง ออกผลตอนหน้าหนาว จะออกเป็นช่อตามดอก รูปร่างผลยาวรี มีสันกลีบเห็นชัด ผลยาว 2-3.5 นิ้ว กว้าง 1 นิ้ว ผิวลูกดิบสีเขียวอ่อน รสเปรี้ยวมาก เมื่อแก่จะเป็นสีเหลือง มักจะร่วงหล่นกองสุมบริเวณโคนต้น ชาวบ้านมักเก็บเอาผลแก่ไปบีบเอาเมล็ด ไปเพาะขยาย ปลูกแถวริมสระ ในสวน บริเวณบ้าน ปลูกได้ทั่วไป แต่มักชอบดินร่วนปนทราย การขยายพันธุ์นอกจากขยายด้วยการเพาะเมล็ดแล้ว วิธีที่นิยมทำกันมาก ได้ต้นโตเร็ว ขายได้ราคาดีกว่า คือการตอนกิ่ง เป็นวิธีที่ง่ายๆ กิ่งตะลิงปลิง กิ่งตอนขายกันต้นละ 70-100 บาท แต่ไม่ค่อยพบเจอในตลาดต้นไม้มากนัก
หมอพื้นบ้าน ได้ใช้ใบตะลิงปลิง ต้มน้ำใช้อาบ หรือใช้ใบสดขยี้ถูแก้พิษคันตามผิวหนัง แก้อาการแล ผิวหนังอักเสบ ส่วนดอกต้มน้ำดื่มแก้ไอ ผลตะลิงปลิง เป็นยาบำรุงกระเพาะอาหาร ให้เกิดการย่อยอาหารดี เจริญอาหาร ผลฝาดสมาน และลดไข้ ชาวบ้านเอาผลตะลิงปลิงมาเป็นผัก และเครื่องปรุงรส ผลอ่อนรสเปรี้ยวจัด ใส่ปรุงรสแกงคั่ว ต้มยำ แกงส้ม หรือหั่นฝอยเป็นผักแกล้ม เคียงอาหารหลายๆ อย่าง ปรุงเป็นน้ำพริก ใส่น้ำพริกกะปิเอาเปรี้ยวแทนส้มมะนาว หรือกินเป็นผลไม้ จิ้มพริกเกลือ เกลือป่น กะปิน้ำปลาหวาน ฯลฯ
ผลตะลิงปลิง 100 กรัม ให้พลังงานแก่ร่างกาย 1,100 แคลอรี ประกอบด้วย วิตามินซี 2 มิลลิกรัม วิตามินเอ 267 IU. วิตามินบีหนึ่ง 0.03 มิลลิกรัม วิตามินบีสอง 0.09 มิลลิกรัม แคลเซียม 1.0 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 6.0 มิลลิกรัม เหล็ก 0.2 มิลลิกรัม ไนอะซิน 0.7 มิลลิกรัม เส้นใยอาหาร 0.3 กรัม อยากให้คุณค่าทางอาหารเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย การรักษาอาการผิดปกติของร่างกาย เรามักเรียกว่าเป็นโรคนั่นโรคนี่ ซึ่งที่จริง ใช้อาหารหรือสารอาหารรักษาบรรเทาได้ คงเคยเห็นโรคไข้หวัด ไอ หมอเขาให้วิตามินซี แก้ได้ วิตามินเอบำรุงสายตา วิตามินบีรักษาโรคเหน็บชา วิตามินซีรักษาโรคเลือดออกตามไรฟัน วิตามินดีบำรุงกระดูกรักษาโรคกระดูกอ่อน กระดูกผุ เช่นเดียวกัน พืชผลพรรณไม้ต่างๆ มีทั้งธาตุบำรุงร่างกาย มีวิตามินป้องกันรักษา ผลตะลิงปลิง 1 ขีด ช่วยอะไรเราได้บ้างนะ ออเจ้า
ตะลิงปลิง เป็นไม้ที่มีทรงต้น รูปทรงของยอดใบ และผลเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ดูบางต้นบางถิ่นที่ขึ้น ต้นพุ่มทรงจะแตกต่างกันไปบ้าง เรียกว่าอยู่ที่ความอุดมสมบูรณ์ บางต้นที่สมบูรณ์ลูกผลจะโต ใบจะใหญ่ ต้นที่ขึ้นที่กันดารน้ำ ดินไม่ดีพอ ก็จะแกร็น ลูกเล็ก แต่ที่เหมือนกันคือลูกจะติดดกมาก ไม่ว่าต้นเล็กต้นใหญ่ และที่ว่าเป็นเอกลักษณ์ นั่นคือความเปรี้ยวจัด เคยมีผลไม้ที่เปรี้ยวๆ แต่รูปลักษณ์น่าเคี้ยว เช่น ตะลิงปลิงนี้ มีหลายอย่างที่ชาวบ้านตั้งชื่อให้ว่า “กาวาง” ก็คงเป็นเพราะเปรี้ยวจัดนะเอง
หากจะมีใคร นำต้นตะลิงปลิงปลูกลงกระถางก้นตัน จำกัดที่หากินของราก ให้น้ำให้อาหารบ้าง ปล่อยปละละเลย ทิ้งไว้จนจวนเจียนตาย ในขณะที่ตะลิงปลิงยังทรงต้นอยู่รอด ให้ดอกออกผลตามยถากรรม ใครพบเห็นสภาพต้นตะลิปลิงขณะนั้น คงอดที่จะกดแชะไม่ได้ บันทึกรูปภาพไว้ได้ แล้วนำมาแชร์กัน ด้วยเพราะภาพอย่างนั้นจะเป็นภาพที่ดุจต้นไม้ในเทพนิยาย ในป่าหิมพานต์ หรือไม่ก็คงคล้ายพรรณไม้โบราณ ที่ควรค่าต่อการอนุรักษ์ไว้ให้คงอยู่ เป็นประโยชน์ในกาลปัจจุบัน
………………….
เผยแพร่ในระบบออนไลน์เป็นครั้งแรก เมื่อวันพุธที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ.2561
ความเห็น 0