ความอัปมงคล บางครั้งก็ไล่ไม่ไป ราดไม่ลงจริงๆ!
ตั้งแต่เด็ก ๆ ผู้เฒ่าผู้แก่จะมีความเชื่อหรือกุศโลบายสอนใจให้เราปฏิบัติตามเพื่อหลีกเลี่ยง "โชคร้าย" จนเมื่อเติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ พฤติกรรมเหล่านั้นก็ฝังลึกจนกลายเป็นเรื่องที่เราทำไปโดยธรรมชาติ
เคยไหม? คุณปู่คุณย่าบอกว่าอย่าเหยียบธรณีประตูนะ! ก็เพื่อมารู้ทีหลังว่าที่ห้ามเพราะกลัวเด็กเล็กสะดุดคว่ำ อย่าตัดเล็บตอนกลางคืนนะ! ก็เพราะกลัวว่าความมืดจะทำให้เราตัดผิดตัดถูกจนได้แผล อย่าผิวปากตอนกลางคืนนะ! เหตุผลเพราะในสมัยก่อนบ้านเรือนไม่ได้เต็มไปด้วยแสงสีอย่างทุกวันนี้ การผิวปากหรือส่งเสียงดังยามค่ำคืนอาจดึงดูดขโมยขโจรที่ซุ่มอยู่ในความเงียบได้
ส่วนความเชื่อที่ไม่ใช่ "กุศโลบาย" แต่เป็นความธรรมเนียมที่คนโบราณยึดถือปฏิบัติด้วยเชื่อว่าจะสามารถกำจัดความอัปมงคลในชีวิตออกไปได้ เพราะทัศนคติของมนุษย์ที่มีต่อความ "โชคดี" และ "โชคร้าย" นั้นตรงกันทั้งโลก นั่นคือบูชาโชคดี หลีกเลี่ยงความซวย และกำจัดความอัปมงคลให้สิ้นซาก
มาส่องตัวอย่าง 7 วิธีขจัดความอัปมงคลตามแบบฉบับของคนโบราณ ซึ่งหลายแนวคิดยังยึดถือปฏิบัติมาจนถึงปัจจุบัน!
1.โรยเกลือ เพื่อสร้างบาเรีย
เกลือธรรมดา ๆ ก็มีสรรพคุณขับไล่ความชั่วร้ายได้ คนโบราณเชื่อว่าแร่ธาตุและความบริสุทธิ์ของเกลือจะปกป้องเราจากคุณไสยและปีศาจ มักใช้โรยเป็นวงรอบบ้าน คล้ายเป็นบาเรียปกป้องมนุษย์จากความชั่วร้ายภายนอก
ตรงกันข้าม ในยุคก่อนคริสตกาล การทำเกลือหกถือเป็นลางร้าย ซึ่งวิธีแก้เคล็ดก็ง่าย ๆ ให้โปรยเกลือส่วนหนึ่งข้ามไหล่ซ้ายไปด้านหลัง ก็จะช่วยกำจัดสิ่งชั่วร้ายได้ ธรรมเนียมนี้เริ่มจากชาวสุเมเรียน แต่ก็แพร่หลายไปถึงชาวอียิปต์และชาวกรีกด้วย
2.บันได บันดาลความชั่วร้าย
ชาวอียิปต์โบราณมักสร้างบันไดใกล้ ๆ หลุมศพของผู้วายชนม์ (นึกภาพพีระมิดก็ได้) เพื่อให้วิญญาณที่ล่วงลับได้ใช้บันไดเป็นทางเชื่อมสู่สรวงสวรรค์ หากบ้านไหนมีบันได ควรหลีกเลี่ยงการวางบันไดทำมุมเป็นสามเหลี่ยมกับพื้น กล่าวคือไม่ควรวางพิงผนังหรือต้นไม้ที่บ้านทิ้งไว้นาน ๆ เพราะพื้นที่สามเหลี่ยมจากบันไดนี้เอง จะเป็นช่องทางผ่านของวิญญาณ หรือพลังงานลบ แน่นอนว่าการเดินลอดใต้บันไดก็ไม่ควรเป็นอย่างยิ่ง
3.กำจัดกระจกร้าว ถ้าไม่อยากร้าวร้านไป 7 ปี
ในยุคกรีกโบราณ มีการดูดวงผ่านกระจก โดยหมอดูจะวิเคราะห์ดวงชะตาผ่านกระจกสะท้อนตัวของบุคคลนั้น ๆ หนึ่งในวิธีการดูดวงคือการนำกระจกไปจุ่มน้ำ นำขึ้นมาแล้วให้คนป่วยจ้องมองกระจกบานนั้น หากภาพสะท้อนคนป่วยบิดเบี้ยว แปลว่าชะตาขาด แต่หากภาพใสแจ๋ว เขาจะมีชีวิตรอด
ต่อมาในยุคโรมัน มีความเชื่อว่าสุขภาพและดวงชะตาของมนุษย์จะเปลี่ยนไปทุก ๆ 7 ปี ดังนั้นหากเราเผลอไปส่องกระจกแตกหรือร้าว ก็เตรียมตัวรับมือดวงซวยใน 7 ปีข้างหน้านี้ได้เลย
4.ผ้าถุงแม่ สูตรขจัดความแย่หมดจด
ในวัฒนธรรมไทย "พระคุณพ่อแม่" น่าจะเป็นอาคมที่แกร่งกล้าที่สุดแล้ว ความเชื่อในเรื่อง "คุณไสย" หรือมนต์ดำจึงสามารถแก้ได้ด้วยการใช้วัตถุมงคล อย่าง "ชายผ้าถุงแม่" ในการเรียกขวัญและกำลังใจกลับคืน
ในสมัยก่อนผู้ชายที่ถูกเกณฑ์ไปรบก็จะนำชายผ้าถุงแม่มามัดไว้ที่แขนหรือพกติดตัว เช่นเดียวกับผู้ชายที่โดนคุณไสยหรือเรียกง่าย ๆ ว่า "โดนเล่นของ" คนโบราณจะจำให้ผู้ชายคนนั้นลอดผ้าถุงแม่เพื่อแก้อาถรรพ์ ความเชื่อนี้แม้ในยุคปัจจุบันจะไม่ค่อยมีคนทำกันแล้ว แต่การนำ "ผ้าถุงแม่" มาใช้ปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย แสดงให้เห็นถึงแนวคิดการระลึกบุญคุณพ่อแม่ และสอดแทรกคำสอนให้ลูก ๆ มีความกตัญญูกตเวทีต่อบุพการีของตน
5.เกือกม้าหน้าประตู สำหรับสายมูยุคกลาง
คนสมัยใหม่อย่างเรา ๆ อาจไม่คุ้นแนวคิดนี้ แต่ "เกือกม้า" เป็นสัญลักษณ์ของความโชคดีในหลาย ๆ วัฒนธรรม เริ่มจากชาวกรีกโบราณที่เชื่อว่าวัสดุที่นำมาทำเกือกม้าอย่างเหล็กกล้า มีคุณสมบัติในการขับไล่ภูตผีปีศาจ ไม่เพียงวัสดุเท่านั้น แต่รูปทรงเหมือนพระจันทร์เสี้ยวของเกือกม้ายังเป็นสัญลักษณ์ของความมั่งคั่ง อุดมสมบูรณ์ และโชคดีอีกด้วย
ความเชื่อเรื่องเกือกม้านำโชคนี้ ส่งต่อมายังชาวโรมัน และชาวคริสต์ในยุคกลาง ช่วงที่ผู้คนกำลังหวาดกลัวมนต์ดำและแม่มด ชาวบ้านจะแขวนเกือกม้าหงายขึ้นไว้หน้าประตูบ้าน ด้วยความเชื่อว่าแม่มดกลัวม้า และจะสามารถขับไล่พวกนางออกไปไกล ๆ ได้
6.ซ่อนมีดไว้ใต้หมอน เลิกหลอนก่อนนอน
อันนี้อันตรายมาก! ฝั่งอินเดียมีความเชื่อว่าหากนำของมีคมอย่างมีดหรือกรรไกรไว้ใต้หมอนขณะหลับ จะช่วยป้องกันฝันร้ายและพลังงานลบไม่ให้มาครอบงำยามค่ำคืน หลายความเห็นบอกว่าการกระทำเหล่านี้เป็นเพียงกุศโลบายให้พกอาวุธไว้ข้างกายตอนนอนเพื่อความปลอดภัยเท่านั้น แต่อ่านไปอ่านมาเริ่มไม่แน่ใจว่าจะปลอดภัยหรือหวาดเสียวกว่าเดิม..
7.ทุบปี๊บ เคาะหม้อ ล่อความชั่วร้ายไปให้ไกล
ธรรมเนียมการเคาะหม้อไหต่าง ๆ มีในหลายวัฒนธรรม ที่ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ คนโบราณมักนำภาชนะมาตีให้เกิดเสียงในคืนวันปีใหม่ เป็นสัญลักษณ์ของการขับไล่ปีศาจและความชั่วร้ายไปให้ไกล
หรือก่อนที่ดาราศาสตร์จะสามารถอธิบายปรากฏการณ์ "จันทรุปราคา" หรือ "ราหูอมจันทร์" มนุษย์ก็มีความเชื่อคล้าย ๆ กันว่าเหตุการณ์ลักษณะนี้คือลางบอกเหตุร้าย เราจึงเห็นปู่ย่าตายายยกปี๊บ ถือหม้อ มาเคาะไล่ราหูให้คายพระจันทร์ออกมา เป็นการขับไล่โชคร้ายไปในตัว
เช่นเดียวกับตอนที่ชาวเมียนมาร์ออกมาประท้วงต่อต้านรัฐประหารกลางถนน ด้วยการส่งเสียงดัง ทั้งบีบแตรรถ หรือนำภาชนะมาเคาะให้เกิดเสียงดัง จากบทความในเว็บไซต์ TIME ที่สัมภาษณ์ผู้ประท้วงคนหนึ่ง ให้ความเห็นว่า "การตีกลองหรือส่งเสียงดังในวัฒนธรรมเมียนมาร์ คือการขับไล่ปีศาจและความชั่วร้าย" ซึ่งการประท้วงโดยการตีภาชนะต่าง ๆ มีชื่อเรียกว่า "Caceralazo" ที่มีที่มาตั้งแต่ศตวรรษที่ 20 จากฝั่งประเทศละตินอเมริกา และมักมีขึ้นเมื่อผู้ประท้วงรู้สึกไม่ปลอดภัยหากออกไปนอกบ้าน มีตัวอย่างที่บราซิลเมื่อประชาชนไม่พอใจการบริหารของรัฐบาลในการจัดการโควิด19 และการประท้วงเผด็จการทหารของชาวชิลีเมื่อราวปี 1980
7 พิธีกรรมเหล่านี้เป็นเพียงตัวอย่างน่าสนใจที่เราหยิบยกมาเล่าสู่กันฟัง เชื่อว่าหลาย ๆ คน หากต่างเพศ ต่างภูมิลำเนา ต่างวัย คงมีความเชื่อในเรื่องการจัดการกับความโชคร้ายในชีวิตต่างกันไป ที่แน่ ๆ คือทุกคนย่อมอยากมีชีวิตที่ดี เช่นนั้นแล้ว หากความเชื่อส่วนตัวทำให้บางคนเลือกใส่เสื้อตารางสีมงคลทุกวัน เคร่งครัดกับการก้าวเท้าซ้ายออกจากบ้านเท่านั้น หรืออะไรต่อมิอะไรที่ทำให้เราเชื่อว่าจะนำมาซึ่งความโชคดี หากไม่สร้างความเดือดร้อนหรือผิดกฎหมาย ก็จงทำ เพราะเราเชื่อว่า "เคล็ด" เหล่านี้ ต้องช่วยส่งเสริมความมั่นใจให้วันดี ๆ ของคุณจนได้แหละน่า
ขอให้ความอัปมงคลไม่อยู่กับคุณนานไปกว่านี้ก็พอ :)
-
อ้างอิง