ช่วงนี้มีข่าวคดีโกงเงินผ่านการโอนซื้อขายแบบออนไลน์ให้เห็นมากมายหลายกรณี และที่น่าตกใจคือแม้จะมีการเก็บหลักฐานการโอนเงินเอาไว้ แต่กลับพบว่าชื่อเจ้าของบัญชีไม่มีส่วนรู้เห็นกับเรื่องที่เกิดขึ้น กลายเป็นประเด็นของการ ‘รับจ้างเปิดบัญชี’ เพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งเรื่อง ต้องสืบสาวราวเรื่องกันอีกขั้นกว่าจะไปถึงต้นตอ
อันที่จริง คำเตือนในเรื่องของการรับจ้างเปิดบัญชีนั้นก็มีการขึ้นป้ายประกาศเตือนตามเคาน์เตอร์ให้บริการในธนาคารบางแห่งอยู่แล้ว นั่นก็เป็นเพราะการจ้างเปิดบัญชีนั้นมีมานานแล้ว โดยเหล่ามิจฉาชีพจะทำการจ้างผู้อื่นให้เปิดบัญชีให้ เพราะการเปิดบัญชีจะต้องมีการใช้เอกสารข้อมูลส่วนตัว เป็นการยืนยันตัวตน จากนั้นกลุ่มมิจฉาชีพที่ว่าจ้างนั้นจะทำการถือครองสมุดบัญชี, บัตรกดเงิน ฯลฯ กล่าวคือนำบัญชีไปใช้ราวกับเป็นบัญชีของตัวเอง เพื่อหมุนเวียนเงินที่จะได้จากการทำผิดกฎหมายผ่านบัญชีนั้น โดยค่าว่าจ้างเปิดบัญชีนั้นมีตั้งแต่หลักพันไปจนถึงหลักหมื่น
มาถึงจุดนี้พอนึกภาพออกกันแล้วใช่ไหมว่า การรับจ้างเปิดบัญชีนั้นไม่สามารถอ้างได้ว่าไม่มีส่วนรู้เห็นอะไร เพราะทั้งชื่อบัญชี ข้อมูลส่วนตัวที่ใช้ในการเปิดบัญชีกลายเป็นข้อมูลด่านแรกที่จะถูกสืบค้นพบเมื่อเกิดคดีฉ้อโกง นอกจากนี้ การรับจ้างเปิดบัญชีธนาคารหรือยอมให้ผู้อื่นเอาบัญชีไปใช้ และบัญชีนั้นถูกมิจฉาชีพนำไปใช้ในทางทุจริตอาจมีโทษทางกฎหมายเจ้าของบัญชีจะกลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดในการกระทำผิดอาญา หรือขบวนการฟอกเงิน หรือการฉ้อโกงบุคคลอื่น ๆ อาจเข้าข่ายฉ้อโกงประชาชนซึ่งเป็นหนึ่งในความผิดมูลฐานตาม พ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 – 10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000 – 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้ยังอาจเข้าข่ายความผิดในประการอื่น ๆ เช่น การใช้บัญชีเกี่ยวกับการพนัน ยาเสพติด การรับขนแรงงานต่างด้าว และความผิดอื่น ๆ เรียกว่าเงินก็ไม่ได้จับ แถมยังโดนปรับ โดนจับเข้าคุกเสียอย่างนั้น
หากคุณหลงเชื่อเปิดบัญชีให้กับเหล่ามิจฉาชีพไปแล้ว สามารถดำเนินการแจ้งความและติดต่อธนาคารเจ้าของบัญชีเพื่อทำการระงับบัญชีนั้น ก่อนที่จะมีส่วนเกี่ยวพันกับคดีใหญ่โดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว
ข้อมูลจาก nitilawandwinner.com และ interco.co.th