โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

หุ้น การลงทุน

‘CPALL’ หุ้นค้าปลีกเบอร์หนึ่ง ราคาแข็งแกร่งกว่าตลาด

The Bangkok Insight

อัพเดต 19 ก.ค. 2565 เวลา 03.03 น. • เผยแพร่ 19 ก.ค. 2565 เวลา 03.02 น. • The Bangkok Insight

ภาวะเศรษฐกิจถดถอย หรือ Recession กลายเป็นประเด็นหลักที่กระทบบรรยากาศการลงทุนในช่วงนี้ โดยเฉพาะสินทรัพย์เสี่ยงอย่างตลาดหุ้น ซึ่งมีการชะลอการลงทุนในหุ้นที่เป็น Growth Stock เติบโตเร็ว ซื้อขายกันที่ค่า P/E แพงๆ แต่หันกลับมาเพิ่มสัดส่วน Value Stock หรือธุรกิจแบบดั้งเดิมที่มีความแข็งแกร่ง ผันผวนต่ำ

การค้นหาธุรกิจแบบ Resilience จึงเป็นคำที่ถูกหยิบมาพูดถึงมมากขึ้นในช่วงนี้ แปลตรงตัวก็คือ "ความยืดหยุ่น" หรือ ความสามารถขององค์กรในการเตรียมพร้อม ตอบสนอง และปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ซึ่งมักเป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมานาน นำมาสู่ความเจริญเติบโตอย่างยั่งยืน

หุ้น CPALL หรือ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven ในประเทศไทย เป็นหนึ่งในหุ้นที่มีคาแรกเตอร์เป็น Resilience คือ ธุรกิจได้รับผลกระทบน้อยกว่าตลาด ไม่ว่าจะเกิดความขัดแย้งทางการเมือง โรคระบาด แม้แต่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก ก็ถือว่ามีความสามารถในการดูดซับปัจจัยลบ และฟื้นคืนประสิทธิภาพกลับมาได้อีกครั้ง

ทั้งนี้ จึงได้สรุป 2 ปัจจัยสำคัญที่ทำให้หุ้น CPALL น่าสนใจ และตอบโจทย์กลยุทธ์การลงทุนในช่วงที่เศรษฐกิจถดถอยแบบนี้

ปัจจัยที่ 1 ธุรกิจขนาดใหญ่ มั่นคงสูง

CPALL เป็นผู้นำธุรกิจค้าปลีกในประเทศไทย โดยเป็นเจ้า 7-Eleven ร้านสะดวกซื้อครบวงจรที่มีทั้งอาหารพร้อมรับประทาน อาหารปรุงสด เครื่องดื่ม ร้านกาแฟ และสินค้าอุปโภค เช่น เครื่องสำอาง ครีมบำรุงผิว แก็ดเจ็ตไอที รวมถึงเคาน์เตอร์เซอร์วิส ให้บริการตัวแทนรับชําระค่าสินค้าและบริการทางการเงินต่างๆ

แม้ร้านสะดวกซื้อจะเป็นธุรกิจที่มีการแข่งขันกันอย่างดุเดือด แต่ในประเทศไทยนั้น 7-Eleven ยังคงเป็นเจ้าตลาดที่ทิ้งห่างคู่แข่งอยู่พอสมควร โดยครองส่วนแบ่งทางการตลาดจากจำนวนสาขามากที่สุดกว่า 80%
ซึ่งปัจจุบัน 7-Eleven มีมากกว่า 13,000 สาขาทั่วประเทศ

นอกเหนือจากร้านสะดวกซื้อแล้ว CPALL ยังมีธุรกิจอื่นๆ ที่ครอบคลุม ได้แก่ การเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ MAKRO ศูนย์จําหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคแบบค้าส่ง, บริการด้านอาหารพร้อมรับประทานและเบเกอรี่ ซีพี ฟู้ดแล็บ และ ซีพีแรม, ร้านค้าออนไลน์ 24 Shopping, ธุรกิจด้านการศึกษา อาทิ สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ เป็นต้น

นักวิเคราะห์ บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า มีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มกำไรไตรมาส 2/2565 ของ CPALL ว่าจะสามารถเติบโตทั้งจากช่วงเดียวกันของปีก่อนและไตรมาสก่อนหน้า เพราะการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (same store sales growth) ในธุรกิจร้านสะดวกซื้อที่ยังอยู่ในระดับสูง เช่นเดียวกับยอดขายสาขาเดิมของธุรกิจค้าส่ง MAKRO ก็มีแนวโน้มสูงขึ้นเช่นกัน เหตุผลหลักๆ มาจากการผ่อนคลายกิจกรรมทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ทำให้ประชาชนออกมาจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม อาจมีแรงกดดันจากเงินเฟ้อที่จำเป็นต้องปรับราคาสินค้าบางอย่าง แต่เชื่อว่าด้วยสถานะของบริษัทที่มีความแข็งแกร่ง ประกอบกับสินค้าที่จำหน่ายส่วนใหญ่มีความจำเป็นในชีวิตประจำวัน จึงสามารถต่อรองเรื่องการปรับขึ้นราคาสินค้าและผลักต้นทุนภาระบางส่วนให้กับลูกค้าได้

ประมาณการกำไรปี 2565 และ 2566 ของ CPALL ไว้ที่ราว 16,000 ล้านบาท และ 21,000 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโต 6.3% และ 2.9% ตามลำดับ พร้อมให้ราคาเป้าหมายปีนี้ไว้ที่ 73.5 บาท แนะนำ “ซื้อ” เนื่องจากมองว่า CPALL มีความโดดเด่นเป็นอันดับต้นๆ ของกลุ่มค้าปลีก

ปัจจัยที่ 2 ราคาหุ้นแข็งแกร่งกว่าตลาด

จริงอยู่ว่าเวลานี้ไม่ใช่ช่วงที่ดีที่สุดของ CPALL จากราคาหุ้นที่วิ่งเป็น sideway มากว่า 2 ปี ทว่านี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นในการลงทุนหุ้นค้าปลีกรายใหญ่ที่ราคาหุ้นไม่หวือหวาแต่มั่นคง เมื่อสำรวจการเคลื่อนไหวของราคาหุ้น CPALL พบว่าตั้งแต่ต้นปี (Year to Date) ราคาหุ้นปรับเพิ่มขึ้น 5.02% เหนือกว่าตลาดที่ปรับลดลง 7.39%

นักวิเคราะห์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส เปิดเผยว่า หุ้นกลุ่มค้าปลีกเริ่มปรับตัวขึ้นหลังจากลงไปแรงและเร็วมากในช่วงที่ผ่านมา ทำให้มองว่าระยะสั้น downside จำกัด จากกิจกรรมภายในประเทศเพิ่มมากขึ้น และธุรกิจท่องเที่ยวฟื้นตัวขึ้นมา โดยเฉพาะ CPALL ที่ฟื้นตัวได้ดีนำกลุ่ม และจะได้ประโยชน์จากนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามามากขึ้น

สรุปแล้วด้วยรูปแบบการดำเนินธุรกิจของ CPALL ที่ค่อนข้างเข้าใจง่าย ไม่ได้มีความซับซ้อน เติบโตตามการขยายสาขาและยอดขายต่อสาขา ซึ่งอิงตามสภาพเศรษฐกิจและกำลังซื้อของผู้บริโภคในช่วงนั้นๆ ขณะที่การวิ่งของราคาหุ้นแม้ไม่ได้หวือหวาแต่ก็ไว้ใจได้ และหลายคนอาจจะมองเป็นจังหวะสะสมหลบเศรษฐกิจถดถอย เพราะพื้นฐานบริษัทไม่ได้รับกระทบมากนักนั่นเอง

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...