โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

หุ้น การลงทุน

ถูกโกงหุ้น ต้องทำไง ? ภารกิจ TIA เรื่องที่นักลงทุนควรรู้

ประชาชาติธุรกิจ

อัพเดต 01 เม.ย. 2567 เวลา 15.11 น. • เผยแพร่ 01 เม.ย. 2567 เวลา 11.00 น.

คดี STARK กลายเป็นบทเรียนครั้งสำคัญ ที่ทำให้หน่วยงานภาคกำกับตลาดทุน ต้องมีการขันนอตปรับปรุงกฎเกณฑ์ที่มีความเข้มข้นขึ้น

และหนึ่งในภารกิจใหม่ของสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย (TIA) คือการเดินหน้าจัดตั้งศูนย์ให้ความช่วยเหลือผู้ลงทุนในตลาดหุ้นไทย โดยการช่วยดำเนินคดีฟ้องร้องแบบกลุ่มหรือ Class Action ความน่าสนใจเรื่องนี้จะเป็นยังไง

วันนี้ Prachachat Wealth เล่าเรื่องการลงทุน ได้มีโอกาสสัมภาษณ์พิเศษ คุณสิริพร จังตระกุล เลขาธิการ สมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย

ศูนย์ช่วยเหลือผู้ลงทุนหุ้นไทย

สมาคมกำลังอยู่ในขั้นตอนของการก่อตั้งศูนย์ให้ความช่วยเหลือผู้ลงทุน ซึ่งลงทุนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย น่าจะปลายปี คือประมาณธันวาคม 2567 ศูนย์นี้ถึงจะเป็นรูปร่าง เพราะว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้น บอกว่าเกิดความเสียหายในตลาดหุ้นไทยก็จริง แต่ว่าในอดีตที่ผ่านมา ปีหน้าคือปี 2568

50 ปีของตลาดหลักทรัพย์ฯแล้ว ยังไม่เคยมีคดีว่าด้วยเรื่องของการฟ้องคดีแบบกลุ่ม หรือ Class Action สำหรับผู้เสียหายที่ลงทุนในตลาดหุ้นไทยเลย เพราะฉะนั้นอาจจะต้องใช้เวลาสักนิดหนึ่ง ในการเริ่มก่อตั้งศูนย์นี้ และคาดว่าจะเป็นที่พึ่งของนักลงทุนได้

เรากำลังคุยกันอยู่ในคณะกรรมการจัดตั้งศูนย์ ความเสียหายแบบไหน ที่จะสามารถเป็นที่พึ่งของนักลงทุนที่เสียหายได้ ก็คือข้อที่ 1.เป็นกรณีที่ ก.ล.ต.ร้องทุกข์กล่าวโทษแล้ว แบบนี้ความผิดชัดเจน

2.ว่าด้วยเรื่องของการฉ้อฉลหรือการทุจริตของผู้บริหารที่ทำให้เกิดความเสียหายและส่งผลกระทบกับราคาของหุ้นสามัญ

ก็อยากเรียนต่อแบบนี้ด้วยก็แล้วกัน สมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทยหรือ TIA มีอายุครบรอบ 35 ปี และก็ดูแลผู้ลงทุนในเชิงนโยบาย ผ่านเรื่องการประเมินคุณภาพการจัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น หรือปีหนึ่งที่เขาเจอกันครั้งหนึ่ง สำหรับผู้บริหาร กรรมการ และผู้ถือหุ้น ซึ่งถือว่าเป็นเจ้าของบริษัทหรือเจ้าของกิจการ เราจะช่วยดูแล

แต่ว่ากรณีที่จะต้องมีการตั้งศูนย์ให้ความช่วยเหลือผู้ลงทุน โดยเฉพาะในกรณีฟ้องกลุ่ม เพิ่งจะเริ่มต้น เพราะฉะนั้นเราก็ต้องอิงหน่วยงานกำกับดูแลตลาดทุนที่เกี่ยวข้องด้วยเช่นกัน คือจะเดินไปในแนวทิศทางเดียวกัน

เหตุผลฟ้องคดีแบบกลุ่ม

ปกติแล้วการดำเนินคดีคือมีโจทก์หนึ่งคน มีผู้เสียหายอีกหนึ่งคน คือมีโจทก์และจำเลยพูดง่าย ๆ

1 ต่อ 1 ในการทำคดีฟ้องร้องซึ่งกันและกัน และถ้าเกิดเป็นคดีแบบ Class Action หรือฟ้องกลุ่มเป็นแบบไหน คือมีผู้เสียหายหลายคนในเรื่องเดียวกัน เพราะฉะนั้นสมมุติมีผู้เสียหาย 1,000 คน ถ้าจะฟ้องคือมี 1,000 คดี เพื่อให้ไม่มีความรกโรงรกศาล กฎหมายจึงอนุญาตให้ตั้งแต่ปี 2558 เป็นต้นมา ให้ไปรวมตัวกัน แล้วให้แต่งตั้งตัวแทนโจทก์ขึ้นมาในจำนวนที่เหมาะสม

เพราะมันต้องไปเกี่ยวโยงกับค่าธรรมเนียมศาลด้วย ซึ่งจะมีค่าธรรมเนียม 2% ของมูลค่าความเสียหาย เพราะฉะนั้นเขาก็เลยรวมว่ามันอาจจะกลายเป็น 5 คน หรือ 10 คน ก็สุดแท้แต่ ที่ผู้เสียหายจะรวมตัวกัน และก็แต่งตั้งให้เป็นตัวแทนโจทก์ผู้เสียหาย

เมื่อมีตัวแทนโจทก์ผู้เสียหายแล้ว ก็ไปฟ้องฝั่งจำเลย ฝั่งจำเลยอาจจะเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคล ก็สุดแท้แต่ เมื่อฟ้องแล้วคดีถึงสิ้นสุด ถ้าชนะคดี และศาลอนุญาตให้เป็นคดีแบบกลุ่ม จำเลยจะต้องจ่ายเงินค่าเสียหายให้กับโจทก์ทั้งกลุ่มคือทั้ง 1,000 คน เห็นไหมค่ะ กลายเป็นรวมเป็น 1 คดี ที่เขาเรียกว่าฟ้องคดีแบบกลุ่มคือ ยกชั้น ทั้งคลาสเรียกว่า Class Action คือหน้าตานี้ ฟังแบบเข้าใจง่าย ๆ แบบนี้เลย

ทำไมเพิ่งตั้งศูนย์ กฎหมายอนุญาตมาเกือบ 10 ปี

กฎหมายเพิ่งจะมีผลบังคับใช้เมื่อปี 2558 ก็ประมาณเกือบ 10 ปีที่ผ่านมา แต่ว่ายังไม่เคยเกิดคดีแบบฟ้องกลุ่ม หรือ Class Action ในตลาดหุ้นไทยเลย จากผลงานวิจัยของคณะนิติจุฬาฯ มีข้อที่เป็นอุปสรรคอยู่ 2 เรื่องใหญ่ ๆ คือ 1.ทนายความยังอาจจะมีความรู้เรื่องของตลาดทุน ยังมีจำนวนน้อยอยู่ เมื่อชงคดีแล้วทำให้คดีอ่อนเกินไป มันไม่สามารถที่จะเป็นคดีกลุ่มได้ เมื่อไม่รู้เรื่องตลาดทุนหรือตลาดหุ้นมากนัก

2.คือเรื่องของการรวมตัวกันของผู้ถือหุ้นของผู้เสียหาย ยังรวมตัวกันไม่ได้ เพราะเราสังเกตว่าคนที่เสียหายแล้วมักจะหลบไปอยู่มุมมืด และเศร้าสร้อยอยู่เพียงลำพัง และคิดว่าเป็นเรื่องของเวรกรรม ไม่ลุกขึ้นมารักษาสิทธิของตัวเอง

อันนี้เป็นงานวิจัยนิติฯจุฬาฯ ซึ่งทำเรื่องนี้มาเสร็จแล้วเมื่อปี 2563-2564 ที่ผ่านมา สมาคมจึงหยิบเรื่องนี้มาทำเป็น Action Plan ด้วยการที่สมาคมไปทำ MOU หรือบันทึกความเข้าใจร่วมกับสภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ ในการที่จะเปิดหลักสูตรให้กับทนายความ ให้มีความรู้เรื่องของตลาดทุน

และได้ทนายที่ผ่านหลักสูตรนี้ขึ้นทะเบียนไว้กับสมาคม 81 คน ถือว่าเป็นการพัฒนาและยกระดับทนายความวิชาชีพได้เช่นกัน

และเตรียมการในเรื่องนี้ไว้ และศูนย์นี้เมื่อตั้งสำเร็จแล้วก็จะเป็นศูนย์รวมในการช่วยอำนวยความสะดวกให้การรวมตัวกันของผู้ถือหุ้นรายย่อย

ช่วยเหลือเฉพาะผู้ลงทุนหุ้นสามัญ

กรณีถ้าเกิดความเสียหายในอนาคตหลังจากที่มีการตั้งศูนย์ให้ความช่วยเหลือผู้ลงทุนในตลาดทุนไทยเรียบร้อยแล้ว ก็ต้องบอกว่าสมาคมจะดูแลผู้เสียหายในหุ้นประเภทหุ้นสามัญ (เท่านั้น)

เพราะในทางกฎหมายเอง หรือในการปฏิบัติงานแล้ว ผู้ที่ลงทุนในหุ้นกู้ คนที่ดูแลผู้ลงทุนหุ้นกู้คือ ตัวแทนผู้ถือหุ้นกู้ อันนี้ตามกฎหมายและตามแนวปฏิบัติ ซึ่งจะมีค่าธรรมเนียมผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเขาก็แบ่งกลุ่มนี้ไปดูแลผู้ถือหุ้นกู้

ช่วยเหลือจนถึงวันที่ศาลอนุมัติฟ้อง

ในเบื้องต้นที่คุยกัน คือน่าจะถึงวันที่ศาลอนุมัติให้เป็นคดีฟ้องแบบกลุ่ม คดีฟ้องแบบกลุ่มจะใช้ 2 ศาลคือ ศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์ สิ้นสุดที่ศาลอุทธรณ์เลยนะคะ

ส่วนหลังจากนั้นแล้ว ต้องมีบังคับคดีเข้ามาเพิ่มเติมหรือไม่ อันนี้เป็นขั้นตอนที่เรากำลังพิจารณาอยู่ค่ะ

ข้อความทางกฎหมายกำหนดไว้ว่าจะต้องฟ้องศาลภายในระยะเวลา 1 ปี เมื่อทราบวันเสียหาย เพราะฉะนั้นถ้าบอกว่า ณ จุดไหนเป็นจุดตัดของวันที่นับหนึ่ง จนกระทั่งถึง 1 ปี นักลงทุนจะต้องระมัดระวังเรื่องนี้ ภายใน 12 เดือน ต้องทำการฟ้อง ไม่นั้นคดีอาจจะหมดอายุความได้

ถอดบทเรียนคดีดัง

ตลอดระยะเวลาเกือบ 50 ปีของตลาดทุนไทย เรามักจะพบกรณีที่มันเกิดวัฏจักรความเสียหายอยู่ อาจจะทุก ๆ รอบมากกว่า 10 ปี ทั้งหมดทั้งมวลแม้ว่าจะมีการฉ้อฉล ทุจริต ให้ข้อมูลอันเป็นเท็จ หรือการสร้างราคา หรือการปั่นหุ้นก็ตาม ล้วนแล้วแต่เป็นวัฏจักรไม่แตกต่างจากของเดิม อาจจะเปลี่ยนรูปแบบเท่านั้นเองตามเทคโนโลยี ตามกาลเวลา ตามพัฒนาการของตลาดทุน

อยากเตือนท่านนักลงทุน มันเป็นการต่อสู้กันระหว่างความโลภ และความเสี่ยง

และปัจจัยพื้นฐานของหุ้นก็ยังคงเป็น เรื่องที่ต้องให้ความรู้และตระหนักรู้ของทุกคนด้วยเช่นกัน

เรียกว่าเป็นการถอดบทเรียนครั้งสำคัญของตลาดหุ้นไทยด้วยเช่นกัน เพราะอย่างที่รู้กัน กรณีที่เกิดขึ้นในกลางปี 2566 ที่ผ่านมา ทำให้นักลงทุนตื่นรู้ว่าถ้าเกิดกรณีแบบนี้ขึ้นพวกเขาจะทำยังไงได้บ้าง

เพราะฉะนั้น 1.ต้องรักษาสิทธิของตัวเอง ที่สำนักงาน ก.ล.ต.มีศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์อยู่ ณ ตอนนี้ หรือใช้เบอร์ฮอตไลน์ 1207 อย่างน้อยไปร้องทุกข์ที่ ก.ล.ต.ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแลตลาดทุนไว้ก่อน หลังจากนั้น ก.ล.ต.อาจจะต้องเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาเล่าประเด็นสู่กันฟังว่าจะช่วยกันในภาคส่วนไหนได้บ้าง

ตอนนี้ดิฉันคิดว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายหน่วยงาน หรือทุกหน่วยงานก็ว่าได้ตระหนักเรื่องนี้ และมีการขันนอตอยู่หลายเรื่อง ทั้งตลาดหลักทรัพย์ฯ และ ก.ล.ต. ถึงเวลาในการกิโยตินหลายเรื่อง เกณฑ์ต่าง ๆ ต้องปรับตามสมัย

ณ วันนี้นักลงทุนพออุ่นใจได้ระดับหนึ่ง ก.ล.ต.ก็ประกาศนโยบายในการเรียกความเชื่อมั่นและเรียกศรัทธากลับคืนมาให้นักลงทุน จากนี้ไปนอกเหนือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว นักลงทุนเองก็เป็นฟันเฟืองหนึ่งสำคัญที่จะดูแลตัวเองด้วย

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ถูกโกงหุ้น ต้องทำไง ? ภารกิจ TIA เรื่องที่นักลงทุนควรรู้

ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...