‘ความเชื่อ’ นับเป็นของที่คู่กับคนไทยมาช้านาน ไม่ว่าจะผ่านมากี่ยุคกี่สมัย จนก้าวเข้าสู่ไทยแลนด์ 4.0 ก็ยังมีตามหน้าสื่อต่าง ๆ อยู่ บ่อยครั้งไม่ว่าจะเป็น วัวออกลูก 5 ขา,หมูออกลูกเป็นเหมือนช้าง,กบสีทอง หรือ ไก่ออกไข่เป็นลูกน้ำเต้าจีนและอีกมากมาย จนนำไปสู่ ‘ความศรัทธา’ กราบไหว้โดยหวังเพื่อโชคลาภ ไม่สนถึงหลักวิทยาศาสตร์ ซึ่งช่องโหว่ตรงนี้เองที่ทำให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพได้อย่างง่ายได้
เสาร์นี้ในอดีต : จะพาย้อนไปเมื่อวันที่ 15 พ.ค. 2549 ทั้งสื่อหนังสือพิมพ์และรายการข่าวรายงานกันครึกโครม เมื่อชาวจ.อุทัยธานี พบกับวัตถุประหลาด มีลักษณะคล้ายหนอน ลำตัวเป็นปล้อง นิ่ม ๆ ใสๆ และที่สำคัญสามารถยืดหดได้ โดยผู้ที่เจอเป็นคนแรกเผยว่าในวันที่เกิดเหตุบรรยากาศโดยรอบเกิดพายุโหมกระหน่ำและจู่ ๆ มีลำแสงปริศนาหล่นข้างบ้าน เมื่อลองดูจุดที่ตกมานั้นกลับพบว่าวัตถุดังกล่าวสามารถขยับได้ จนทำให้ผู้ที่ทราบข่าวแห่ไปดูกันคึกคักและเรียกวัตถุนี้ว่า ‘ขี้เอเลี่ยน-หนอนอวกาศ’ แถมมีคนเสนอขอซื้อมูลค่าถึง 1 ล้านบาท แต่เลือกที่จะไม่ขาย เพราะมั่นใจว่าเป็นวัตถุที่ฟ้าประทานมาเพื่อรักษาให้โรคร้ายต่างๆ ซึ่งวิธีการแสนง่ายเพียงแค่นำน้ำที่ใช้หล่อเลี้ยงวัตถุดังกล่าวมาดื่มกินและต่างกันพากราบไหว้ ดอกไม้ธูปเทียนมาครบ
นอกจากในพื้นที่ จ.อุทัยธานีแล้ว ใน กทม.ก็พบเจอวัตถุประหลาดเช่นกัน อยู่แถวย่านเขตจอมทอง ผู้พบเจอเล่าเรื่องราวลักษณะคล้ายกับที่ จ.อุทัยธานี แถมตั้งชื่อให้ว่า ‘ฟ้าประทาน’ โดยเจ้าตัวเชื่อว่าจะนำโชคมาให้ จึงนำไปใส่ในตู้เย็นเก็บรักษาไว้
เรื่องราวดังกล่าวร้อนฉ่าไปถึงหูกระทรวงสาธารณสุข ต้องลงพื้นที่ตรวจสอบโดยด่วนก่อนที่ชาวบ้านจะตกเป็นเหยื่อให้กับมิจฉาชีพ เพราะวัตถุประหลาดต่างไปโผล่เกือบทั่วไทย ซึ่งได้ความกระจ่างที่ว่า สิ่งที่ชาวบ้านพบเจอแล้วนำมากราบไหว้แท้ที่จริงแล้วคือ ‘เจลลดไข้’ ที่ผ่านการแช่น้ำเป็นเวลานาน จนทำให้พื้นผิวของวัตถุโป่งปองขึ้นในลักษณะใส แต่ถ้าโดนความร้อน ก็จะมีลักษณะพองม้วนคล้ายตัวหนอน มีลำตัวใสและลื่น พร้อมยืนยันว่า “ไม่ได้มาจากนอกโลกหรือเป็นเอเลี่ยนแต่อย่างใด”
ขณะที่โลกออนไลน์ก็ต่างออกมาพิสูจน์เช่นกัน ซึ่งในยุคนั้นต้องยกให้กับเว็บพันทิพย์มีผู้ใช้รายหนึ่งออกมาแฉด้วยการน้ำแผ่นเจลลดไข้ไปแช่น้ำ ซึ่งระยะเวลาผ่านไปช่วงหนึ่งพบว่ามีขนาดใหญ่เท่ากับที่ชาวบ้านพบเจอ
เมื่อวัตถุดังกล่าวได้ถูกไขปริศนาพร้อมยืนยันจากหลายหน่วยงานเรื่อง ‘เจลลดไข้’ ก็เงียบหายจากหน้าสื่อ จนเรื่องราวเลยผ่านมาถึงปี 2553 เจ้าแผ่นเจลลดไข้ กลับมาเป็นที่พูดถึงอีกคครั้งหนึ่ง เนื่องด้วยค่ายหนัง GTH หรือในปัจจุบันคือ GDH ได้ดึงประเด็นเรื่องราวดังกล่าวมาตีแผ่ ประหนึ่งสานฝันให้เจลลดไข้มีชีวิตแถมมาจากนอกโลกอีกด้วย
อ้างอิง topicstock.pantip ,webdb.dmsc.moph.go.th ,ศูนย์บริการสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา
ความเห็น 168
Ton....
ไม่ใช่ยุค 4.0 ที่ถูกคือยุค 0.4 ต่างหาก
22 พ.ค. 2564 เวลา 06.25 น.
Yui
ในรูปญาติใครอย่าลืมไปบอกกันนะ อายเค้า
21 พ.ค. 2564 เวลา 19.26 น.
Praewa
จีเนียสสสส
21 พ.ค. 2564 เวลา 18.50 น.
Nancy
😂😂😂
21 พ.ค. 2564 เวลา 18.47 น.
Krisorn.Gap
เขาไปดาวอังคารกันแล้ว
ไทยยังโง่ดักดานกันอยู่เลย
21 พ.ค. 2564 เวลา 17.18 น.
ดูทั้งหมด