โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

ลูกดิ้นตอนกี่เดือน ? เริ่มนับยังไง คุณแม่ต้องรู้

Motherhood.co.th

เผยแพร่ 21 ส.ค. 2563 เวลา 07.45 น. • Motherhood.co.th Blog

ลูกดิ้นตอนกี่เดือน ? เริ่มนับยังไง คุณแม่ต้องรู้

การดิ้นของทารกในครรภ์นั้นสำคัญอย่างมาก เพราะเป็นสัญญาณที่บ่งบอกให้คุณแม่ทราบว่าลูกในครรภ์ยังมีชีวิตอยู่ แต่สิ่งที่หลายคนยังไม่แน่ใจคือ "ลูกดิ้นตอนกี่เดือน"  ยิ่งในช่วงไตรมาสสุดท้ายของการตั้งครรภ์ การนับลูกดิ้นจะมีความสำคัญอย่างมาก เพราะจำนวนการดิ้นจะเป็นตัวบ่งชี้ว่าลูกของคุณมีสุขภาพที่ดีหรือไม่ในระหว่างการตั้งครรภ์ วันนี้ Motherhood จึงรวบรวมเอาสิ่งที่คุณแม่หลายคนสงสัยเกี่ยวกับการดิ้นของเจ้าตัวน้อยในครรภ์มาฝากกันค่ะ

ทารกดิ้นอย่างไร ?

เมื่อทารกในครรภ์ดิ้น คุณแม่จะรู้สึกเหมือนโดนปลาตอด หรือรู้สึกกระตุกเบา ๆ ที่ท้อง เมื่อมดลูกมีขนาดใหญ่ขึ้นการดิ้นของลูกก็จะแรงมากขึ้นตามไปด้วย จนบางครั้งคุณแม่อาจเห็นได้ว่ามีอวัยวะบางส่วนของทารก เช่น เท้า กำลังดันท้องคุณแม่

ทารกจะดิ้นให้คุณรู้สึกตัวมากขึ้นในเวลาที่คุณผ่อนคลาย

ลูกดิ้นตอนกี่เดือน ?

ในความเป็นจริงแล้ว ลูกเริ่มดิ้นตั้งแต่คุณแม่มีอายุครรภ์ประมาณ 6-7 สัปดาห์ แต่คุณจะยังไม่รู้สึกหรือรับรู้ว่าลูกดิ้น สาเหตุเพราะขนาดมดลูกยังเล็กอยู่ ปริมาณน้ำคร่ำก็ยังมีน้อย และแรงดิ้นของทารกยังเบาเกินไปจนไม่สามารถส่งผ่านไปยังผนังหน้าท้องให้คุณแม่รู้สึกถึงแรงดิ้นนั้นได้ อีกสาเหตุเป็นเพราะลูกยังตัวเล็กอยู่ และในโพรงมดลูกของคุณก็ยังมีช่องว่างมากพอที่จะให้เขากลับตัวไปมาได้โดยง่าย ทำให้การกลับตัวของทารกไม่กระทบกับผนังมดลูก คุณแม่จึงไม่ได้รับรู้ถึงการดิ้นของลูกในท้องในช่วงแรกนี้

สำหรับคุณแม่ที่เพิ่งตั้งครรภ์เป็นครั้งแรก คุณจะรู้สึกได้ว่าลูกดิ้นเมื่ออายุครรภ์ประมาณ 18-20 สัปดาห์ หรือ 4 เดือนครึ่งนับจากการมีประจำเดือนครั้งสุดท้าย ส่วนคุณแม่ที่เคยตั้งครรภ์มาแล้ว จะรู้สึกว่าลูกดิ้นไวกว่า ที่อายุครรภ์ 16-18 สัปดาห์ หรือ 4 เดือนนับจากการมีประจำเดือนครั้งสุดท้ายนั่นเอง

การรับรู้ว่าทารกดิ้นเร็วหรือช้าขึ้นอยู่กับอะไรบ้าง ?

1. ท้องครั้งแรกหรือท้องหลัง หากเป็นแม่ท้องแรก จะรับรู้การดิ้นครั้งแรกของลูกได้ช้ากว่าท้องหลัง เพราะคุณยังไม่มีประสบการณ์มาก่อน แต่สำหรับแม่ท้องหลัง จะรู้ว่าสัญญาณใดคือตัวบ่งบอกว่าลูกดิ้น สัญญาณใดเป็นแค่เพียงการเคลื่อนตัวของลมในท้องเท่านั้น

2. ตำแหน่งของรก ถ้าตำแหน่งของรกอยู่ด้านหน้าของมดลูก จะทำให้มีชั้นที่กั้นระหว่างท้องของแม่กับทารกในครรภ์มาก จึงต้องใช้เวลามากขึ้นสำหรับแม่ในการรับรู้ว่าทารกดิ้น หรือจนกว่าทารกจะเจริญเติบโตมากพอแล้วมีแรงดิ้นมากขึ้นนั่นเอง

3. ปริมาณน้ำคร่ำรอบตัวทารก หากรอบตัวทารกมีปริมาณน้ำคร่ำน้อย แม่ก็จะไม่รู้สึกถึงแรงดิ้นของทารกมากเท่าไรนัก

4. ผนังหน้าท้องแม่ สำหรับคุณแม่ที่มีผนังหน้าท้องหนา ก็จะรับรู้การดิ้นครั้งแรกของลูกได้ช้ากว่าคุณแม่ท้องที่ผนังหน้าท้องบาง

ทารกดิ้นกี่ครั้งต่อวัน ?

โดยปกติแล้วทารกจะดิ้นประมาณ 200 ครั้งต่อวัน เมื่อคุณแม่มีอายุครรภ์ประมาณ 20 สัปดาห์ และทารกจะดิ้นมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะมีการพัฒนาระบบประสาทและกล้ามเนื้ออย่างต่อเนื่อง จนเขาสามารถดิ้นได้สูงสุดถึง 375-700 ครั้งต่อวัน เมื่อคุณแม่มีอายุครรภ์ประมาณ 30-32 สัปดาห์ แต่หลังจากนั้นทารกจะดิ้นน้อยลง เนื่องจากเขาตัวโตขึ้นจนเต็มโพรงมดลูก ทำให้มีพื้นที่สำหรับการดิ้นน้อยลง

ลักษณะการดิ้นของทารกในแต่ละช่วงสัปดาห์

  • สัปดาห์ที่ 16-19 การรับรู้ถึงการดิ้นของลูกจะยังไม่ชัดเจน เพราะแม่ท้องแรกจะยังแยกไม่ค่อยออกว่าเป็นเพราะลมในกระเพาะหรือเป็นเพราะลูกดิ้นกันแน
  • สัปดาห์ที่ 20-23 การดิ้นของลูกในท้องจะเริ่มชัดเจนขึ้น แม่ท้องจะเริ่มรับรู้การเคลี่ยนไหวเบา ๆ ภายในท้อง ซึ่งอาจจะเกิดจากการสะอึก เตะ หมุนตัว ตีลังกา แม่ท้องจะรู้สึกว่าลูกดิ้นบ่อยและแรงในช่วงที่คุณแม่กำลังผ่อนคลายหรือหลังจากรับประทานอาหาร
  • สัปดาห์ที่ 24-28 ในช่วงนี้จะมีของเหลวในถุงน้ำคร่ำเพิ่มขึ้น ทำให้ในท้องมีพื้นที่ที่ทารกจะซนมากขึ้น ทำให้แม่ท้องรู้สึกได้ว่าเขาดิ้น
  • สัปดาห์ที่ 29-31 การดิ้นของทารกในช่วงนี้จะสม่ำเสมอและคงที่ มีความชัดเจนและแรงมากขึ้น ในช่วงอายุครรภ์ช่วงนี้เป็นต้นไป แพทย์จะเริ่มสั่งให้คุณแม่นับจำนวนครั้งที่ลูกดิ้นแล้ว เพื่อเป็นการประเมินสุขภาพของทารกในครรภ์
  • สัปดาห์ที่ 32-35 เป็นช่วงที่ทารกจะดิ้นบ่อยที่สุด
  • สัปดาห์ที่ 36-40 เข้าสู่ช่วงใกล้คลอดแล้ว ทารกจะเริ่มเอาหัวลงมาที่กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานของแม่เพื่อเตรียมพร้อมที่จะคลอด ขนาดตัวทารกก็จะใหญ่มากขึ้น ทำให้มีพื้นที่ในการดิ้นแคบลง ดังนั้น ทารกจึงดิ้นน้อยลงในช่วงนี้ แต่ทุกครั้งที่ดิ้น คุณแม่จะรับรู้ได้อย่างชัดเจน
ให้พี่ช่วยนับการดิ้นของเจ้าตัวน้อยในท้องก็น่ารักไปอีกแบบ

วิธีในการนับลูกดิ้น

  • จดบันทึกจำนวนครั้งที่ลูกดิ้นตลอด 24 ชั่วโมง หรือจดบันทึกจำนวนครั้งที่ลูกดิ้นในช่วงที่คุณแม่ตื่น คือ ช่วง 9 โมงเช้า จนถึงบ่าย 3 โมงเย็น แต่จะไม่ค่อยสะดวกนักสำหรับคุณแม่ที่ยังต้องทำงานนอกบ้าน
  • เทคนิคการนับแบบ Sadovsky โดยให้เริ่มนับตั้งแต่คุณแม่มีอายุครรภ์ได้ 28 สัปดาห์ ด้วยการจดจำนวนครั้งที่ลูกดิ้นหลังจากเพิ่งรับประทานอาหารอิ่มใหม่ ๆ ซึ่งเป็นช่วงที่มีปริมาณน้ำตาลในเลือดสูง ควรมีจำนวนการดิ้นไม่ต่ำกว่า 3 ครั้งใน 1 ชั่วโมง หลังจากที่คุณแม่รับประทานอาหารอิ่มใหม่ ๆ ในแต่ละมื้อ ถ้าทั้ง 3 มื้อรวมกันแล้วดิ้นมากกว่า 10 ครั้งก็ถือว่าปกติสำหรับวันนั้น แต่หากลูกดิ้นน้อยกว่า 3 ครั้งใน 1 ชั่วโมง ให้นับต่ออีกทันที 1 ชั่วโมง และหากยังน้อยกว่า 3 ครั้งอีก ก็ให้รีบไปพบแพทย์
  • หาเวลาว่างในแต่ละวัน แล้วลองนับจำนวนครั้งที่ลูกดิ้นใน 1 ชั่วโมง ถ้าดิ้นเท่ากับ 3 ครั้ง หรือมากกว่าใน 1 ชั่วโมงถือว่าลูกยังปกติดี
  • เทคนิคการนับลูกดิ้น Count to Ten โดยให้นับลูกดิ้นตั้งแต่เช้าจนถึงเย็น หรือกินเวลาประมาณ 10-12 ชั่วโมง แล้วดูว่าลูกดิ้นมากกว่า 10 ครั้งหรือเปล่า ถ้าดิ้นมากกว่า 10 ครั้งก็ถือว่ายังปกติดี
  • ให้นับลูกดิ้นในช่วงเวลา 2 ชั่วโมง ถ้ามีการดิ้นมากกว่า 10 ครั้งก็ถือว่ายังปกติดี

ทารกดิ้นมากหรือน้อยเกินไปหรือเปล่า ?

โดยทั่วไปแล้ว ถ้าทารกดิ้นมากจะไม่ถือว่าผิดปกติ เพราะเขาจะมีช่วงตื่นช่วงหลับเป็นวงจรอยู่ในท้อง ในช่วงที่ทารกตื่นก็อาจจะรู้สึกว่าดิ้นมาก ซึ่งไม่เป็นอันตราย แต่มีข้อยกเว้นเพียงบางกรณีเท่านั้นที่จะถือว่ามีความผิดปกติ การดิ้นที่ผิดปกตินี้จะมีลักษณะที่ต่างไปจากการดิ้นธรรมดา โดยอาการดิ้นมากที่แสดงถึงสัญญาณอันตรายคือ ทารกจะดิ้นแรงมากอยู่ระยะหนึ่งแล้วหยุดดิ้นไปเลย และไม่มีอาการดิ้นอีกต่อไป หมายความว่าทารกในครรภ์เสียชีวิตไปแล้ว เพราะการดิ้นแรง ๆ แบบนี้เป็นการที่ทารกกำลังพยายามต่อสู้ดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอด

ถ้าลูกดิ้นน้อยลง ให้ลองตั้งใจนับดูใหม่ ถ้ายังเกิน 10 ครั้งก็ยังถือว่าปกติ แต่ถ้าน้อยกว่านี้ก็ควรไปพบแพทย์ ไม่ควรรอจนกระทั่งลูกหยุดดิ้นหรือรอจนถึงวันนัด  ส่วนคุณแม่ท้องแก่ที่รู้สึกว่าลูกดิ้นน้อยลงกว่าเดิม ถ้าลองตั้งใจนับแล้วยังเกิน 10 ครั้งขึ้นไปก็ถือว่าปกติ เพราะเมื่อคุณแม่มีอายุครรภ์มากขึ้น พื้นที่ในท้องก็จะแคบลง พื้นที่สำหรับดิ้นก็มีน้อยตามไปด้วย

หากทารกหยุดดิ้นไปอย่างน้อย 12 ชั่วโมง คุณแม่ควรรีบไปพบแพทย์ทันที

ความเครียดส่งผลต่อทารกในครรภ์ได้มาก อาจทำให้ดิ้นน้อยลงได้

สาเหตุที่ทำให้ทารกหยุดดิ้น

  • ความเครียดที่มากไป อารมณ์ของแม่มีความสัมพันธ์กับทารกในครรภ์ หากเครียดมากจนเกินไปก็ทำให้ทารกดิ้นน้อยลงได้
  • ไม่ได้รับสารอาหารเพียงพอ สารอาหารที่แม่ควรได้รับในแต่ละวันส่งผลต่อการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์มาก หากได้รับไม่เพียงพอก็จะส่งผลต่อสมองและระบบประสาทของทารก ทำให้เขาดิ้นน้อยลง
  • รกเสื่อม เพราะรกเป็นอวัยะสำคัญที่ทำให้ทารกในครรภ์ได้รับสารอาหาร เลือด และ ออกซิเจน หากรกเสื่อม ทารกก็จะได้รับสิ่งเหล่านี้น้อยลง ส่งผลให้เขาหยุดการเจริญเติบโต จึงหยุดดิ้นหรือดิ้นน้อยลง
  • ถุงน้ำคร่ำแตกก่อนกำหนดหรือรั่ว การที่น้ำคร่ำน้อยลงหรือหมดลง ส่งผลให้ทารกได้รับออกซิเจนได้น้อยลง จึงทำให้ลูกเครียดและดิ้นน้อยลงหรือหยุดดิ้นไปเลยได้
  • รกพันคอเด็ก ทำให้ออกซิเจนถูกส่งไปที่ทารกในครรภ์ได้น้อย
สารอาหารก็ต้องรับประทานให้ครบ เพราะส่งผลต่อสุขภาพทารก

คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรละเลยที่จะนับการดิ้นของทารกน้อยในครรภ์นะคะ เพราะมันหมายถึงสุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรงของเขา และยังสามารถเป็นเครื่องมือในการสร้างปฏิสัมพันธ์กันระหว่างสมาชิกในครอบครัวด้วยค่ะ

 

อ่านบทความสำหรับแม่และเด็กอื่นๆที่น่าสนใจได้ที่นี่ >> story.motherhood.co.th

มองหาสินค้าสำหรับแม่และเด็กในราคาสุดพิเศษได้เลยที่ >> Motherhood.co.th

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...