โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

สุขภาพ

ภาวะดื้ออินซูลิน กับการกินแบบแฮปปี้

Health Daily

เผยแพร่ 27 เม.ย. 2565 เวลา 11.00 น. • สุขภาพดีดี

ภาวะดื้ออินซูลิน กับการกินแบบแฮปปี้

เราคงจะเคยได้ยินกันมาบ้างว่าคนไทยนั้นเสี่ยงเป็นโรคเบาหวานกันมากและเป็นมากขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา หากอ้างอิงสถิติ ณ ปัจจุบัน พบว่าประเทศไทยมีผู้ป่วยเบาหวานอยู่ราว

5 ล้านคน กำลังป่วยด้วยโรคเบาหวาน และมีอัตราเพิ่มขึ้นประมาณหนึ่งแสนคนต่อปี

ในตัวเลขดังกล่าวนั้นมีจำนวนมากถึง 40% ที่ไม่ทราบว่าตัวเองป่วยเป็นโรคเบาหวาน ขณะที่ผู้ได้รับการวินิจฉัยและดูแลรักษามีเพียง 54.1% หรือเพียง 2.6 ล้านคน ในจำนวนนี้มีเพียง 1 ใน 3 คน ที่สามารถบรรลุเป้าหมายในการรักษา

จึงเป็นที่มาให้เกิดอัตราการเสียชีวิตจากโรคเบาหวานในเมืองไทยมีมากถึง 200 รายต่อวัน

ทางการแพทย์มีวิธีการรักษาโรคเบาหวานที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับปัจเจกบุคคล แต่กระบวนการที่ใช้กันอย่างแพร่หลายมากที่สุดและมีประสิทธิภาพทางการแพทย์มากคือการ ฉีดอินซูลิน สุขภาพดีดี.com ได้รวบรวมข้อมูลดีดีมาให้ทุกคนได้อ่านกันค่ะ

อินซูลินคืออะไร? อินซูลินเป็นฮอร์โมนชนิดหนึ่งที่ร่างกายสามารถผลิตเองได้จากตับอ่อน โดยอินซูลินจะทำหน้าที่ควบคุมสมดุลของระดับกลูโคส (น้ำตาล) ในเลือด และยังช่วยให้เซลล์ในร่างกายเก็บสะสมกลูโคสเพื่อนำไปใช้เป็นพลังงาน และยังช่วยเก็บกลูโคสส่วนเกินไว้ในตับเพื่อให้ร่างกายเอามาใช้เป็นพลังงานได้เมื่อระดับน้ำตาลในเลือดลดลง แต่การที่ได้รับอินซูลินมากเกินไปนั้นก็เกิดผลเสียได้เช่นกัน หรือที่เรียกว่า ภาวะดื้ออินซูลิน

ภาวะดื้ออินซูลิน คือ การที่มีอินซูลินท่วมท้นอยู่ในกระแสเลือดตลอดเวลา แต่ขาดประสิทธิภาพในการออกฤทธิ์ ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญอย่างหนึ่งของโรคเบาหวาน โรคอ้วน และมีอีกหลายคนที่มีภาวะดื้ออินซูลินแต่ยังไม่เกิดเบาหวานเช่นกัน ซึ่งอาจสังเกตุได้จาก ห่วงยางรอบเอว รอยดำที่คอ สิว ผิวกระด้าง

เนื่องจากภาวะดื้ออินซูลินนั้น ตับอ่อนต้องทำงานหนักเพื่อหลั่งอินซูลินเพิ่มขึ้นให้เพียงพอ แต่ในระยะยาวถ้าติดตามอาการอย่างต่อเนื่องจะพบว่า การหลั่งอินซูลินจะค่อยๆ ลดลงและไม่เพียงพอ จึงทำให้ระดับนํ้าตาลในเลือดสูงขึ้น และเกิดโรคเบาหวานในที่สุด ดังนั้นคนที่อ้วนแต่ยังไม่เป็นเบาหวาน อาจเป็นเพราะยังเป็นไม่นานมากพอที่จะทำให้ตับอ่อนเสื่อมนั่นเอง

พีท ธัญยธรณ์ สอนบุญบันดาล อดีตผู้ป่วยโรคอ้วนที่เคยมีน้ำหนักมากถึง 130 กิโลกรัม และมีภาวะดื้ออินซูลิน ผู้รณรงค์โดยร่วมจับมือกันทั้งหน่วยงานรัฐและเอกชน ได้เล็งเห็นปัญหาของอัตราผู้ป่วยโรคเบาหวาน และกลุ่มโรค NCDs กลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรังในประเทศไทย เช่นโรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคมะเร็ง โรคกลุ่มหลอดเลือดหัวใจและสมอง ที่มีอัตราสูงถึง 17 ล้านคน และคาดว่าไม่รู้ตัวอีกประมาณ 10 ล้านคน ซึ่งนับว่าเป็นตัวเลขการเติบโตที่น่ากลัวมาก นับเป็นการสูญเสียปีสุขภาวะของไทยอีกทั้งสูญเสียตัวเลขทางเศรษฐกิจอีกด้วย

โดยคราวนี้ HAPe (แฮปปี้) นำทีมประธานกรรมการหนุ่มอารมย์ดี พีท ธัญยธรณ์ สอนบุญบันดาล ได้เล็งเห็นถึงแนวโน้มตลาดที่เปลี่ยนไปจากโควิด19 ทั้งอัตราผู้ป่วยและเสียชีวิตที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากผู้ป่วยที่มีภาวะดื้ออินซูลิน ผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงโรค NCDs เหล่านี้มีอัตราการป่วยและเสียชีวิตสูงกว่าจากการติดเชื้อโควิด19 และด้วยพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป กลุ่มผู้รักและใส่ใจสุขภาพที่เพิ่มมากขึ้น

ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มคีโตเจนิค, Plantbased โดยทางคุณพีท ได้มีกลุ่มส่วนตัว #คีโตไงหล่ะพวกหล่อน ทางFacebookที่เป็นการรวมตัวกันของผู้ที่ให้ความสนใจเกี่ยวกับภาวะดื้ออินซูลิน มีสมาชิกราว 34,000 คนและเติบโตขึ้นเรื่อยๆ จึงเป็นที่มาของการที่ HAPe (แฮปปี้) พร้อมขยับเข้าสู่เครื่องปรุงสินค้าอุปโภคบริโภคอย่างแท้จริง

โดยการจับมือร่วมกันระหว่าง HAPe (แฮปปี้) และเครือพันธมิตรอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มชั้นนำ ที่เล็งเห็นถึงปัญหาและโอกาสทางการตลาดของภาวะดื้ออินซูลินในประชากรไทย โดยมีเป้าการร่วมพันธมิตรกว่า 8,000 สาขาร้านอาหารและเครื่องดื่ม และช่องทางการจัดจำหน่ายอีกกว่า400สาขา เพื่อความสะดวกสบายแก่ผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น เพื่อให้คนไทยได้ #ใช้ชีวิตแบบแฮปปี้

#อินซูลิน #ดื้ออินซูลิน #คีโต #เบาหวาน #HAPe #ใช้ชีวิตแบบแฮปปี้ #กินอร่อยแบบแฮปปี้

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...