ฟังชัด! จาก บอสณวัฒน์ ถึง ประเด็นความขัดแย้ง MD กัมพูชา
กำลังเป็นประเด็นที่แฟนๆ นางงามจับตามองกันอย่างหนัก สำหรับกรณีดราม่า Miss Grand International 2024 ที่ได้ประกาศยุติบทบาทเจ้าภาพของประเทศ กัมพูชา แบบฟ้าผ่า พร้อมยกทีมทั้งหมดกลับมาเริ่มต้นใหม่ที่ประเทศไทย เนื่องจากรู้สึกว่าถูกคุกคาม
ล่าสุด บอสใหญ่อย่าง ณวัฒน์ อิสรไกรศีล ผู้อำนวยการกองประกวด Miss Grand International และ Miss Grand Thailand ก็ได้ออกมาเปิดใจ พร้อมเผยจุดแตกหัก ก่อนจะเปิดตัว MD กัมพูชา คนใหม่
โดย ณวัฒน์ กล่าวว่า “รู้สึกผิดหวัง และเสียเวลา เรารู้จักเขาน้อยเกินไป เราดูเขาแค่ภาพภายนอก คิดว่ารวยมีคุณภาพ ความจริงรวยไหมไม่รู้แต่คุณภาพตกต่ำมาก”
ตอนแรกทำไมถึงเลือก กัมพูชา เป็นเจ้าภาพ?
“สาเหตุต้องบอกว่ามาจากเมียนมายกเลิก เนื่องจากความไม่มั่นคง เราก็เลยถามประเทศในสมาชิกก็เป็นญี่ปุ่น แต่ญี่ปุ่นติดเรื่องโรงแรม ทาง กัมพูชา คิดว่าทำได้ ก็เลยเป็นเขาทำ เขาเองก็ทำมาประมาณ 2 ปีแล้ว
การยกเลิกสัญญามีผลอย่างไร?
“จริงๆ ค่าลิขสิทธิ์เขาก็ไม่ใช้ถูกๆ เรามีสัญญากันว่าเขาจะต้องทำอะไร และมีสัญญาด้วยว่าถ้าไม่สามารถหาได้ตามที่เราต้องการ เขาจะต้องเสียค่าปรับ แต่ผมไม่เอา แค่ออกมาได้ก็บุญแล้ว”
เจอปัญหาอย่างไรบ้าง?
“อถึงเวลางานมันไม่ได้อย่างที่คิด ไม่เป็นไปตามที่ตกลง ตั้งแต่วันแรกที่นางงามเดินทางไปถึง ที่สนามบินก็ไม่มีแบ็กดรอป ไม่มีไวนิล ไม่มีพนักงานรักษาความปลอดภัย มีแค่คนชื่อเนียด และเพื่อนอีก 2 คนมารอรับ ทีมงานไปขออะไรเพิ่มก็ไม่ได้ อ้างว่าเป็นวันหยุดบ้าง ที่นี่ต้องเตรียมล่วงหน้า ทั้งที่เขาก็รู้ล่วงหน้ามาก่อนเกือบ 2 เดือนแล้ว ไม่มีความเตรียมพร้อมเลย ไม่มีป้ายแบ็กดรอปมิสแกรนด์ทุกสถานที่ที่ไป ไวไฟให้เตรียมพ็อกเก็ตแบบสปีดสูง ก็ไม่เตรียม จนทำให้การถ่ายทอดสดติดขัด และต้องสั่งยกเลิก เขาไม่มีความพร้อมเราก็อดทน สื่อก็ต้องย้ายไปนอนโรงแรมอื่นที่ไม่ใช่โรงแรมที่ตกลงเอาไว้ และสิ่งที่หนักใจคือวันแถลงข่าว ทีมโปรดักชั่นต้องการลีมูซีนคันยาว เพื่อให้นางงามเปิดประตูลงมา มีพรมแดงเดินเข้างาน เขาก็รับปากว่าได้ แต่อีก 2 ชั่วโมงจะต้องเริ่มงาน ก็ยังไม่เห็นแบ็กดรอปสักอัน ไวนิลก็ยังไม่มี จอโรงแรมก็ยังไม่มีขึ้นมิสแกรนด์อินเตอร์ฯ มีแต่โฆษณาสปา ผมจึงเรียกทีมงานมาคุย และบอกให้เขาไปหามาให้ได้ ซึ่งเขาก็รีบไปทำ แต่ทำแบบชุ่ย เป็นแบ็กดรอปที่น่าสมเพชมาก เหมือนฉากกั้นส้วมนายณวัฒน์ นอกจากนี้ จะต้องมีการเชิญรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวกัมพูชามาเป็นประธานเปิดงาน แต่สุดท้ายก็ไม่มี แขกในงานน้อยมาก จากที่บอกไว้ว่า 400 เหลือคนมาจริงๆ แค่ 20 คน ผมอายมากจนต้องไปเกณฑ์ทีมงานมานั่ง เขาโม้อีกว่าสื่อทุกแขนงของกัมพูชาจะมาทั้งหมด ปรากฏว่าก็ไม่มีเลย เห็นมีแต่มีแค่กล้องของทีมงานแค่มาเก็บภาพ ขอโพเดียมก็ไม่ได้ ให้ถือไมค์อย่างเดียว ทุเรศมา งานกาล่าก็ทำเวทีก็ไม่ทัน จนพวกผมต้องไปทำเวทีกันเอง ต้องช่วยกันทำจนเกือบนาทีสุดท้าย และมีคนมางานไม่ถึง 10 คน มีแค่ครอบครัวของเขา รัฐมนตรีที่บอกว่าจะมาก็ไม่มา ถามว่าทำไมเขาก็ไม่ตอบ เขาเป็นคนสิ้นคิด โง่มาก ทำงานไร้ความคิด ไร้ความรับผิดชอบ ผมก็อดทนให้มันจบ รัฐมนตรีไม่มา ไวนิลไม่มี จนเรากลับ ใครมีภาพไวนิลบ้างตนจะให้ 2 ล้าน เขาเอาอะไรมาคิด มานั่งตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จทั้งวันทั้งคืน”
ปัญหาคือเขาไม่สามารถทำตามที่ตกลงไว้?
“ปัญหาคือโกหก ซึ่งเรื่องนี้เป็นปัญหาเฉพาะบริษัท และกลุ่มคนที่จัดการประกวด ไม่ได้เหมารวมถึงประเทศของเขา”
จุดแตกหักที่ต้องยกทีมกลับไทย?
“ที่ทนไม่ไหวจริงๆ คือที่ไปล่องเรือ เขาบอกเดินทางไปไม่ไกล ตนก็เดินทางไปดูก่อน เพราะไม่ไว้วางใจ แต่ข้ามสะพานไปอีกฝั่งนึง ไกลเกือบ 30 นาที พอถึงเวลาเขาบอก นางงาม ไม่ต้องลงเรือดีกว่า เดี๋ยวไปหาร้านอาหารกินสบายกว่า เพราะเรือเดี๋ยวมันลื่น มันสกปรก มันดูไม่ดี ผมก็บอกว่าเราต้องไป เพราะเราจะเปลี่ยนกะทันหันไม่ได้ ผมก็นั่งรถไปที่ท่าเรือ รู้สึกสังหรณ์แปลกๆ โทรหาคนจัดงานเขาบอกว่าเรือไม่มีหลังคา เดี๋ยวไปที่อื่น ผมก็บอกว่าต้องไป เพราะทุกคนแต่งตัวสวยมาแล้ว จะไปบอกเขาว่าไม่ไปไม่ได้ พอไปถึงลงไปที่ท่าเรือเป็นลานกว้าง นางงามก็มาถึงพอดี จะพากันลงเรือ แต่ไม่เจอเขา พอโทรไปถามว่าเขาอยู่ไหน เขาบอกว่าฉันอยู่กลางแม่น้ำ ผมก็ถามว่าเธอออกไปทำไม แล้วเอาเรือไปกลางแม่น้ำทำไม เอากลับมา ทุกคนโทรหาเนียด ทุกคนที่มีไลน์กระหน่ำโทร มีสัญญาณแต่ไม่รับ ส่งหมุดมาบอกว่าอยู่กลางแม่น้ำ แต่นางงาม สื่อ และผม อยู่ริมตลิ่ง บอกให้เขาเข้ามาก็ไม่เข้า ผมก็ยังไม่เข้าใจเหตุผลว่าทำแบบนั้นทำไม เขาก็ยืนยันว่าจะอยู่แบบนี้ ผมก็ถามว่าจะให้ไปยังไง จะให้ว่ายน้ำเหรอ ผมก็อาย จึงบอกทุกคนกันนางงามไว้ กันสื่อไว้ แล้วผมก็วิ่งไปถามชาวบ้านจนได้เรือมาลำหนึ่ง เพื่อแก้ผ้าเอาหน้ารอด พอเราขึ้นเรือไปเพื่อถ่วงเวลา และหาอาหาร เพราะรู้ว่าในเรือไม่มีอาหาร ผมก็ดึงสตาฟลงมาคุยกัน สตาฟเขาไปไหนก็ไม่รู้ เหมือนปล่อยเราตามลำพัง เราไปถึงท่าเรือก็ไม่เจอใคร คนทำงานไม่เจอเลย เนียดอยู่กลางแม่น้ำ ซาร่าไม่รู้อยู่ไหน ผมก็เรียกเขามาที่ร้านอาหารญี่ปุ่น แต่เขามาตอนเกือบเที่ยงคืน พอมาถึงก็จากหน้ามือเป็นหลังตีน จากคนที่เหมือนพูดจะรู้เรื่อง มาเป็นทีม ผัวเมีย เนียด น้อง ญาติ ลิ่วล้อ ล้อมหลัง และมีบอดี้การ์ด 1 คน ผมก็ถามว่าคนนี้คือใคร ไม่ควรอยู่ตรงนี้ เราจะคุยเรื่องงานกัน เขาก็ไม่ยอมออกไป พอเราพูดข้อเท็จจริง ก็ถูกชี้หน้าด่าหาว่าโกหก ผมก็ถามว่าไปอยู่ทำไมกลางแม่น้ำ ก็ไม่ตอบ การ์ดก็อารมณ์ขึ้น ผมก็ขึ้น พอขึ้นปั๊บ ทุกคนก็บอกให้ลง เพราะไม่รู้เขามีอาวุธไหม แต่มั่นใจว่าเขามีอาวุธ เพราะนั่งเบียดตลอด ผมก็บอกว่าแบบนี้อยู่กันไม่ได้แล้ว คุกคามแบบนี้อยู่ไม่ได้ ผมก็ขอให้ทาง HK7 (บริษัทไดเรกเตอร์ที่จัดงาน) ว่าจะคุยกับเราดีๆ ให้มีแค่คนจัดงาน หรือเอาคนนี้ไว้ เขาก็ทำกระฟัดกกระเฟียดไม่ยอมออกไป ผมจึงบอกงั้นก็หยุดทุกอย่าง แล้วเดินออกจากวงล้อม เขาก็ถ่ายคลิปเราตลอด เราเห็นเขาถ่าย เราก็บอกว่าอย่าถ่าย มันพูดว่าไม่ได้ถ่าย ผมรู้ว่าถ่าย เลยกระโจนข้ามวงล้อมไปจับมือถือ คลิปนี้เลยปรากฏอยู่ในโซเชียลที่ผมชี้มือ แล้วมันบอกไม่เคยถ่ายไม่มี แต่มีภาพผมชี้ออกมาได้ไง เจตนาคือกวนตีน ทำยังไงก็ได้กดดันทุกอย่าง สิ่งที่เลวร้ายไปกว่านั้นคือ หลังจากนั้นเขาก็โพสต์ยุติการเป็นไดเรกเตอร์ มิสแกรนด์กัมพูชา ผมอยากจะถามว่าใครต้องเป็นคนยุติ เงินที่จ่ายมาผมก็ไม่คืน เพราะคุณยกเลิกเอง ของบริษัทนี้ผมเก็บ 3 ปีรวด เพิ่งจัดได้ 2 ปี นอกจากนี้ วันรุ่งขึ้นเขาก็ให้คนของตัวเองมาดักรอ นางงาม จะกินข้าวไปธุระ ก็ให้ นางงาม พูดว่าบริษัทเขาดูแลดี น่าเกลียดจนผมต้องโทรไปบอกสตาฟผู้ชายว่าให้ดึงเด็กออกมา แต่มีอินเดียกับเมียนมาที่ถูกถ่ายไปได้ พอ นางงาม วิ่งหนี เขาก็วิ่งตามไปถ่าย แล้วก็เปลี่ยนคนมาใหม่ วิ่งตาม นางงาม หลังจากที่เขาไม่คุยกับผม แล้วไปโพสต์ยกเลิก ไปแต่งหน้า เอาไฟโดนัทมาตั้ง พร้อมสมุนล้อมรอบ ตีหน้าเศร้าเล่าเรื่องเท็จ พอเขาไลฟ์ ผมก็ไลฟ์ตาม พอไลฟ์เสร็จ ปิดไลฟ์เสร็จ ก็เฮกันทั้งล็อบบี้แล้วปรบมือ แล้วเขาก็ยกเลิกห้องทั้งหมด สื่อมวลชนเลยถูกเคาะห้องให้ออกจากโรงแรมตั้งแต่เช้า รุ่งขึ้นผมไปสนามบินเรียกแกร็บไปกันเอง เพื่อจะมาเคลียร์งานล่วงหน้าที่ไทย โดยเขาไม่เหลียวแล ทำยังไงให้เสียชื่อประเทศคือทำแบบนี้ การละทิ้งหน้าที่ ละทิ้งโอกาส ขาดความรับผิดชอบ ขาดความยั้งคิด ขาดการพัฒนา ทอดทิ้งคน 70 กว่าประเทศ สตาฟ และสื่อมวลชน ใครจะทำงานกับคนแบบนี้ นางงาม ก็รู้สึกว่าได้ว่าที่นี่ไม่น่าจะใช่ เราอึดอัด ลำบากมาก ไม่มีอะไรที่ทำให้รู้สึกว่าจะเป็นความสุขของคนที่มาประกวด ของเราไม่มีปัญหา เราสามารถเสกได้ในพริบตา แต่เขาขี้โกหก ถ้าใครได้ทำงานกับบริษัทนี้ไม่ต้องคุย พิมพ์ให้หมด ส่วนที่เขาบอกว่าเราไปปรับเปลี่ยนงานของเขา ผมไปเปลี่ยนอะไร จะบ้าเหรอ ไวนิลไม่มี รัฐมนตรีไม่มา พยาบาลก็มี 2 คน แต่ไม่รู้เป็นพยาบาลจริงหรือไม่ ที่บอกจะมีตำรวจนำขบวนก็ไม่มี บอกจะมีสตาฟก็ไม่มี ที่จัดไว้ 3 คนต่อคัน และคนดูแลข้าวของ ขนมสักชิ้นก็ไม่ได้กิน ไปขอเขา น้ำก็ไม่ได้กิน อยากกินอะไรต้องซื้อเอง ที่ผ่านมาไม่เคยมีใครทำกับเราแบบนี้
นางงาม กินไข่ข้าว กับถั่วต้ม?
”เรื่องไข่ข้าว ไม่อยากให้พูดเยอะ เพราะเป็นเรื่องวัฒนธรรม เรื่องนั้นเป็นประเด็นรอง แต่ประเด็นหลักคือแขกมาเยือน คนมาช่วยคุณโปรโมต ทำงานมืออาชีพอีกนิด คุณจะไม่มีวันทำเราทุเรศขนาดนี้ น้ำ ขนม ไม่มีเลย ผมซื้อเองหมด พนักงานก็ซื้อเองหมด นางงาม ก็หิว ทุกอย่างเราซื้อเอง แล้วเขาตัดสิทธิ์เราก่อน เรื่องเรือเขาบอกเราแจ้งเขากะทันหัน แต่เราคุยกันเรื่องกำหนดการหมดแล้ว ตั้งแต่ 18 ก.ย. ส่งให้นางงามแต่ละประเทศ เพื่อจัดการแต่งกายแต่ละวัน เราไปประเทศเขาวันที่ 3 ต.ค. ลงเรือวันที่ 5 ต.ค. ทำไมจะเตรียมไม่ทัน
นางงามกัมพูชา ไม่ประกวดต่อ?
นางงามกัมพูชา เชื่อว่าน้องอยากมา แต่ทางโน้นสั่งไม่ให้มา เด็กจะไปสู้อะไรกับผุ้ใหญ่ ผมยังไปสู้เขาไม่ได้ ผมเข้าใจว่าทำไมเขามาไม่ได้ ผมก็ส่งชื่อเขาไปซื้อตั๋วเครื่องบินมาไทยด้วย วันนั้นหมดค่าตั๋วเกือบล้าน แค่เดินทางเที่ยวเดียว มีอะไรก็ซื้อหมด สายการบินไหนว่างก็เอาหมด ตอนกลางคืนจองกันตี 3 เขาก็มา แต่เขาไม่มาตอนเช้า”
นางงาม แต่ละคนรู้สึกอย่างไร?
“นางงาม บอบช้ำกับการบริการของ HK7 และบริษัทนี้มาก ไม่เกี่ยวกับประเทศ นางงาม บางคนมาถึงไทย ไม่ร้องไห้ก็ซึม ส่วน คอสตาริกา คุณพ่อคุณแม่ตามมาด้วย เขามาเพราะอยากจะดูแลลูก เพราะลูกเป็นซึมเศร้า แต่มาเจอความกดดันแบบนี้ แล้วเหมือนไม่มีใครดูแล อาการเลยแย่ลง แต่เอาน้องมากรุงเทพฯ แล้ว เผื่อน้องไม่ไหว ต้องการหมอ เมื่อสักครู่ก็ให้คุณ เทเรซ่า ไปเช็กแล้ว ก็ให้ถามว่าอยากมาจอยก็ได้ อยากมากินข้าวด้วยกันไหม เหตุผลคือเขารับไม่ได้กับการดูแลจาก HK7 สกลธี กับสามี และพรรคพวก เขาสู้ด้วยความสามารถไม่ได้ก็ปั่น ผมไม่กลัว เพราะคิดว่าผมทำดี ผมยังไม่ได้ออกจากประเทศเลยก็มีคนมาขอซื้อลิขสิทธิ์แล้วต่อแล้ว‘‘ ก่อนจะโทรหาบุคคลดักล่าว ซึ่งก็คือคุณ โสภิน เพื่อตกลงต่อหน้าสื่อถึงการทำงานร่วมกันว่า รอให้การประกวดเสร็จสิ้น ก็ค่อยมาคุยรายละเอียดกันอีกครั้ง พร้อมยังได้เปรยไว้ด้วยว่า ถ้าหากทางกองประกวดอยากจะพา Top10 ไปเที่ยว เสียมเรียบ นครวัด ช่วยพาไปได้ไหม ทางคุณโสภินนั้นก็ตอบตกลงทันที
หลังจากนี้ใจให้ใครเป็นเจ้าภาพต้องคิดหนัก?
”หลังจากนี้จะเลือกใครเป็นเจ้าภาพก็คิดหนัก เที่ยวหน้าจะต้องเก็บมัดจำเพิ่ม เพื่อเป็นตัวประกัน ถ้าไม่ทำตาม เราจะได้เอาเงินไปใช้ ก็ต้องเป็นบทเรียน ส่วนที่ต้องกลับมาที่ไทย คือเสียเงินไม่ว่าเสียหน้าไม่ได้ ชื่อเสียงเราหายาก เงินหาง่ายไม่ต้องกลัว วันที่ 10 ต.ค.นี้ ที่เอ็มสเฟียร์ เราจะแถลงข่าวตอน 6 โมงตรง แล้วจะไปปาร์ตี้กันที่ทวินทาวเวอร์เป็นมื้อค่ำ แล้วจะย้ายไปอยู่พัทยา ตั้งแต่ 11-16 ต.ค. ขอบคุณทุกคน เพราะทุกวิกฤตคือโอกาส ที่พัทยาทุกอย่างฟรีหมด อย่างเรือวันนี้ก็ฟรีหมด หน่วยงานราชการก็ประสานวัดอรุณฯ ให้ ตอนนี้เราได้รับสปอนเซอ์มากขึ้น ขอบคุณทุกคนที่ทำให้วิกฤตผ่านมาได้ ตอนต้นผมยินดีจะแบกค่าใช้จ่ายเอง แต่ทุกคนก็บอกว่าจะจัดการให้ สปอนเซอร์ก็มา จะพานางงามไปดูหมูเด้งด้วย เราหวังว่าทุกคนจะเข้าใจ เรามีหลักฐานทุกอย่างและทุกคำพูด ถือเป็นบทเรียนของเรา จากนี้เป็นต้นไปเราไม่อยากตอบโต้อะไรกับเขา เพราะกลัวจะเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว”