โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

การเมือง

เปิดประวัติ พลเอกสุจินดา นายกฯคนที่ 19 เจ้าของวลี เสียสัตย์เพื่อชาติ จนนำไปสู่เหตุการณ์พฤษภาทมิฬ

MATICHON ONLINE

อัพเดต 10 มิ.ย. เวลา 08.53 น. • เผยแพร่ 10 มิ.ย. เวลา 01.23 น.

เปิดประวัติ พลเอกสุจินดา นายกฯคนที่ 19 เจ้าของวลี เสียสัตย์เพื่อชาติ จนนำไปสู่เหตุการณ์พฤษภาทมิฬ

เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลัง พล.อ. สุจินดา คราประยูร นายกรัฐมนตรีไทยคนที่ 19 ถึงแก่อสัญกรรม เมื่อวันที่ 10 มิ.ย.สิริอายุรวม 91 ปีนั้น

อ่านข่าว:ด่วน! พล.อ.สุจินดา คราประยูร นายกรัฐมนตรีไทยคนที่ 19 ถึงแก่อสัญกรรม ในวัย 91 ปี

ทั้งนี้พลเอก สุจินดา คราประยูร เกิดเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2476 นั้นเคยเป็นทหารและนักการเมือง โดยตำแหน่งสูงสุดทางการเมืองคือ การเป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 19 ของประเทศไทย นอกจากนี้ยังเคยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ส่วนตำแหน่งสูงสุดทางทหารคือ ผู้บัญชาการทหารบก และผู้บัญชาการทหารสูงสุด หนึ่งในสมาชิกคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ ซึ่งก่อรัฐประหารใน พ.ศ. 2534

ประวัติและชีวิตส่วนตัวของพลเอกสุจินดา เกิดที่ตำบลบ้านช่างหล่อ อำเภอบางกอกน้อย จังหวัดธนบุรี เป็นบุตรคนเล็กของจวง กับสมพงษ์ คราประยูร มีพี่สาวสองคน โดยครอบครัวเป็นข้าราชการกรมรถไฟ สมรสกับคุณหญิงวรรณี คราประยูร (สกุลเดิม หนุนภักดี) มีบุตรด้วยกัน 2 คน ได้แก่พลเอก เจิดวุธ คราประยูร ที่ปรึกษาพิเศษ กองบัญชาการกองทัพไทย และ เนายจนวิทย์ คราประยูร ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ทรู อินเทอร์เน็ต ดาต้า เซ็นเตอร์ จำกัด

ด้านการการศึกษา พลเอกสุจินดาเข้ารับการศึกษาระดับประถมจากโรงเรียนปิยะวิทยา แล้วเข้าศึกษาต่อที่โรงเรียนทวีธาภิเศก หลังจากนั้นเข้าศึกษาต่อในระดับชั้นมัธยมปีที่ 4-5 ที่จังหวัดหนองคาย เนื่องจากเป็นช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 จึงต้องย้ายไปอยู่กับญาติผู้ใหญ่ที่จังหวัดหนองคาย ต่อมาได้กลับเข้ามาศึกษาต่อในกรุงเทพมหานคร จนจบการศึกษาชั้นมัธยมปีที่ 6 ที่โรงเรียนวัดราชบพิธ และเข้าศึกษาต่อที่โรงเรียนอำนวยศิลป์จนจบมัธยมปีที่ 8 สอบเข้าเรียนเตรียมแพทย์ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เรียนได้เพียงปีเดียวก็ไปสอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหาร และเข้าเรียนต่อโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รุ่นที่ 5 มีเพื่อนร่วมรุ่นได้แก่พล.อ. อิสระพงศ์ หนุนภักดี ,พล.อ. ศัลย์ ศรีเพ็ญ,พ.อ. ณรงค์ กิตติขจร

นอกจากนี้ยังได้เข้าอบรมหลักสูตรเวสท์ปอยต์ รุ่นที่ 5 ตามลำดับ ต่อมาได้ศึกษาต่อจนจบหลักสูตรผู้บังคับกองพันทหารปืนใหญ่จากค่ายซิลส์ (Fort Sill’s) รัฐโอคลาโฮม่า ประเทศสหรัฐ สำเร็จหลักสูตรเสนาธิการทหารบกรุ่นที่ 44 เป็นอันดับที่ 1 สำเร็จการศึกษาหลักสูตรเสนาธิการทหารบกสหรัฐจากค่ายลีเวนเวิร์ธ (Fort Leavenworth)

ส่วนการทำงานราชการทหาร นั้น พลเอกสุจินดา เริ่มเข้ารับราชการทหารตั้งแต่ปี พ.ศ. 2496 ได้รับพระราชทานยศ “ว่าที่ร้อยตรี ” เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2501 ดำรงตำแหน่งผู้บังคับกองร้อย กองพันทหารปืนใหญ่ที่ 21 และก้าวหน้าในหน้าที่ราชการ เช่น อาจารย์โรงเรียนเสนาธิการทหารบก เจ้ากรมยุทธการทหารบก
ผู้ช่วยเสนาธิการทหารบก ฝ่ายยุทธการ รองเสนาธิการทหารบก ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก รองผู้บัญชาการทหารบก

และวันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2533 ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก จนเมื่อถึงวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2534 จึงได้ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุดอีกตำแหน่งหนึ่ง ต่อจากพล.อ. สุนทร คงสมพงษ์ ที่เกษียณอายุราชการ เป็นต้น

ส่วนในเรื่องการทำงานทางการเมืองนั้น ถือได้ว่าพลเอกสุจินดา ต้องบันทึกในประวัติศาสตร์การเมืองไทย ก็ว่าได้ เพราะในช่วงที่ดำรงตำแหน่งทางการเมืองคือนายกรัฐมนตรีนั้น ได้เกิดการนองเลือดครั้งใหญ่ เกิดขึ้น ซึ่งมีการสูญเสียชีวิตของนักประชาธิปไตยเป็นจำนวนมาก โดยเชื่อว่านักเคลื่อนไหวทางการเมือง คงไม่มีวันลือมเหตุการณ์ดังกล่าว นั่นก็คือ พฤษภาทมิฬ

เนื่องจากพลเอกสุจินดาเป็นบุคคลสำคัญในคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) ที่เข้ายึดอำนาจการปกครองจาก พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ เมื่อวันเสาร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ 2534 จนกระทั่งหลังการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2535 พรรคการเมือง 5 พรรค คือ พรรคสามัคคีธรรม พรรคชาติไทย พรรคกิจสังคม พรรคประชากรไทย และพรรคราษฎร ร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลและสนับสนุนให้ พลเอกสุจินดา เป็นนายกรัฐมนตรี ก่อนหน้านั้น พรรคร่วม 5 พรรคประกาศสนับสนุนนายณรงค์ วงศ์วรรณ หัวหน้าพรรคสามัคคีธรรม ซึ่งมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมากที่สุด แต่โฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐแถลง ข่าวว่า นายณรงค์ วงศ์วรรณ ติดบัญชีดำ ถูกห้ามเข้าสหรัฐอเมริกา เนื่องจากพัวพันกับขบวนการค้าสารเสพติด

โดยพลเอกสุจินดา ได้รับรับพระบรมราชโองการให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 19 ของประเทศไทยเมื่อวันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2535 เมื่อเข้าดำรงตำแหน่งกล่าวว่า “เสียสัตย์เพื่อชาติ” ทั้งที่เคยพูดว่าจะไม่รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

นอกจากนี้ พลเอกสุจินดาได้แต่งตั้งพลเอกอิสระพงศ์ หนุนภักดี เลขาธิการ รสช. ซึ่งเป็นพี่ชายของภรรยาตน ให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย จึงถูกคัดค้านจากกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองหลายกลุ่ม ร้อยตรี ฉลาด วรฉัตร อดอาหารประท้วง และพลตรีจำลอง ศรีเมือง เป็นผู้นำการชุมนุมของประชาชนเพื่อเรียกร้องให้พลเอกสุจินดา ลาออกเนื่องจากเป็นการสืบทอดอำนาจเผด็จการ รสช.

จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ไม่สงบภายในประเทศ หรือพฤษภาทมิฬ ขึ้นระหว่างวันที่ 17-20 พฤษภาคม พ.ศ. 2535 พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในวันที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2535 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเชิญสุจินดาและจำลอง เข้าพบและดำรับให้หันหน้าเข้าหากันเพื่อแก้ปัญหา หลังจากนั้น พลเอกสุจินดา จึงลาออกจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2535 เพื่อให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นไปโดยอิสระและเพื่อแสดงความรับผิดชอบทางการเมือง

โดยนายมีชัย ฤชุพันธุ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้รักษาการแทนนายกรัฐมนตรี จนกระทั่งมีการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ในวันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2535 คณะรัฐมนตรีคณะที่ 48 ของรัฐบาลสุจินดาจึงพ้นจากตำแหน่งไปตามวาระ

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : เปิดประวัติ พลเอกสุจินดา นายกฯคนที่ 19 เจ้าของวลี เสียสัตย์เพื่อชาติ จนนำไปสู่เหตุการณ์พฤษภาทมิฬ

ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.matichon.co.th

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...