ราคากาแฟในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงปลายปี 2564 จนถึงปัจจุบัน จากวิกฤตสภาพอากาศที่แปรปรวนอย่างหนัก ส่งผลให้แหล่งผลิตกาแฟรายใหญ่ของโลกอย่างบราซิล และเวียดนามได้รับความเสียหาย ปริมาณผลผลิตเมล็ดกาแฟลดลง โดยเฉพาะบราซิล ผู้ผลิตกาแฟพันธุ์อาราบิก้ารายใหญ่สุดของโลก คาดว่าผลผลิตกาแฟในปีนี้อาจลดลงราวร้อยละ 11 (YoY) และอาจมีสต๊อกลดลงต่ำสุดในรอบ 23 ปี ในขณะที่เวียดนามผู้ผลิตกาแฟพันธุ์โรบัสต้ารายใหญ่สุดของโลก ก็เผชิญภาวะน้ำท่วมจากพายุโซนร้อนอย่างรุนแรง กดดันผลผลิตและปริมาณสต๊อกกาแฟที่ลดลงกว่าครึ่งหนึ่งด้วย จากปัญหา Supply Shock ที่เกิดขึ้นนี้ ทำให้ราคากาแฟในตลาดโลกพุ่งขึ้น โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2565 ราคากาแฟอาราบิก้า เฉลี่ยเพิ่มขึ้นร้อยละ 42.3 (YoY) และราคากาแฟโรบัสต้าเฉลี่ยเพิ่มขึ้นร้อยละ 27.3 (YoY) ซึ่งนับเป็นราคาเฉลี่ยที่พุ่งสูงสุดในรอบ 11 ปี
สำหรับประเทศไทย ที่มีการนำเข้าเมล็ดกาแฟเป็นหลัก เนื่องจากผลผลิตไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้ในประเทศ หรือผลิตได้เพียงร้อยละ 25 ของความต้องการใช้ โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2565 ไทยมีปริมาณการนำเข้ากาแฟ เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.3 (YoY) และต้องเผชิญราคากาแฟนำเข้าที่สูงขึ้นราวร้อยละ 30.6 (YoY) ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่าปี 2565 มูลค่าการนำเข้ากาแฟของไทยจะอยู่ที่ 163 ล้านดอลลาร์ฯ หรือขยายตัวประมาณร้อยละ 27 จากปีก่อน และยังคาดว่า ผลผลิตกาแฟโลกอาจอยู่ในระดับต่ำต่อเนื่องราว 3 ปีจากนี้ จนกว่าผลผลิตกาแฟรอบใหม่ของบราซิลจะออกสู่ตลาดในราวปี 2568 ซึ่งเป็นปัจจัยดันราคากาแฟโลกให้ทรงตัวในระดับสูง ผลที่ตามมา คือ ผู้ประกอบการแปรรูปและร้านกาแฟจะเผชิญต้นทุนเมล็ดกาแฟที่ยังยืนสูง และเมื่อรวมกับต้นทุนอื่นๆ จะกระทบมายังผู้บริโภคที่อาจต้องจ่ายราคากาแฟต่อแก้วที่สูงขึ้น ขณะที่เกษตรกรที่ผลิตกาแฟคงได้รับอานิสงส์จากราคาขายที่ดีในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2565 ต่อเนื่องถึงไตรมาสแรกของปี 2566 จากผลผลิตกาแฟโลกที่ยังตึงตัว แต่ในระยะข้างหน้า ผู้ผลิตกาแฟไทยควรยกระดับการผลิตไปยังกาแฟคุณภาพมากขึ้น เพื่อลดผลกระทบจากความผันผวนของราคาตลาดโลก สำหรับโอกาสการส่งออกกาแฟไทย ยังน้อยมากและนับว่ามีความท้าทายต่อการแข่งขัน เนื่องจากต้นทุนที่สูงและผลผลิตต่อไร่ที่ต่ำโดยเฉพาะเมื่อเทียบกับเวียดนาม
Clickชมคลิป ราคากาแฟพุ่ง…ในรอบ 11 ปี ดันมูลค่านำเข้ากาแฟไทย ปี 65 ขยายตัวสูง
ความเห็น 0