โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

บทความพิเศษ : ‘ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์’ เรียนรู้คุก (จบ) บทสรุปของคุก

มติชนสุดสัปดาห์

เผยแพร่ 27 ส.ค. 2560 เวลา 06.27 น.

สังคมคุก อยู่ให้เป็น เย็นให้พอ รอให้ได้

ไม่มีใครอยากติดคุก แต่เมื่อคุณถูกศาลตัดสินต้องโทษทัณฑ์จำคุก คุณจะทำอย่างไรให้อยู่รอด?

เมื่อคุณไม่สบายจะได้รับยาพาราเพียง 2 เม็ด

เมื่อคุณหิวหลังจากขึ้นเรือนนอนตั้งแต่บ่าย 3 โมง ถึง 6 โมงเช้า จะอยู่ได้อย่างไรด้วยน้ำเพียง 1 ขวด?

คุณจะใช้ชีวิตอยู่กับนักโทษคดีปล้น ฆ่า ข่มขืน ฉ้อโกง เป็นเวลานานนับปีได้อย่างไร?

เมื่อจิตใจคุณเรียกร้องหาอิสรภาพ แต่ตัวคุณต้องอยู่ในกรงขังคุณจะทำอย่างไร?

เมื่อคุณถูกจำกัดอิสรภาพทั้งที่ลูกเมียอยู่ภายนอกจะทำอย่างไร?

 

ทุกสิ่งทุกอย่างประดังถาโถมเข้ามาในสมองนับตั้งแต่วันที่ก้าวย่างเข้าคุก

จิตใจคุณต้องแข็งแกร่ง

ชีวิตจะต้องเดินต่อไปแม้ว่าจะอยู่ภายในลูกกรง เพราะยังมีคนในครอบครัวของคุณเฝ้ารอให้ออกมา

คุณไม่ได้อยู่เพียงลำพัง ไม่ได้ทนทุกข์ทรมานอยู่เพียงคนเดียว

พ่อ แม่ ลูก ครอบครัวของคุณก็ต้องเดือดร้อนทุกข์ทรมานไปด้วย

แต่เพราะการกระทำผิดเพียงครั้งเดียว พลาดพลั้งเพียงครั้งเดียว อาจทำให้ติดคุกนาน 10-20 ปี หรือตลอดชีวิต

คุกจะกลายเป็นบ้านหลังใหม่ที่ไม่ว่าคุณจะชอบหรือไม่ชอบก็ไม่มีทางเลือก

การอยู่คุกให้เป็นไม่ได้หมายความว่าจะต้องเก่งกาจ

แต่จำเป็นจะต้องเอาตัวรอดภายใต้สถานการณ์บีบคั้นในสังคมคุกที่เต็มไปด้วยการดิ้นรนเอาตัวรอด

ที่นี่นักโทษทุกคนแสดงสันดานดิบ เต็มไปด้วยความกดดันและไม่มีใครกลัวใคร ช่วงเวลาปรับตัวจึงเป็นช่วงสำคัญที่สุดของนักโทษใหม่ที่เพิ่งเข้าคุกเป็นครั้งแรก ในคุกมีคำสอนไว้ว่า

“อยู่คุกต้องอยู่ให้เป็น ต้องเย็นให้พอ และต้องรอให้ได้”

ไม่มีประโยชน์ที่จะร้อนรน ยิ่งดิ้นรนมากจิตใจยิ่งไม่สงบและอาจต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลกับการถูกหลอก

ดาวโจรทั้งหลายพร้อมที่จะหาประโยชน์ในขณะเฝ้ามองคุณที่กำลังอยู่ในภาวะตกต่ำ

ดังนั้น คุณจึงเหมือนตกอยู่กลางทะเลที่ไม่มีใครช่วยได้ยกเว้นตัวเอง

ไม่มีเพื่อน ไม่มีญาติมิตร ไม่มีผู้ใหญ่ หรือแม้แต่เงินที่คุณมีก็ไม่สามารถช่วยให้คุณประกันตัวได้

หลายคนร้อนรน เร่งญาติ เร่งทนาย หาวิถีทางที่จะให้ได้ประกันตัว

สิ่งเหล่านี้ยิ่งทำให้คุณหงุดหงิดและพาลทำให้ตัดสินใจผิดพลาดหลายสิ่งหลายอย่าง

เมื่อจิตใจตกต่ำก็ส่งผลถึงร่างกายที่อ่อนแอลง โรคภัยไข้เจ็บในคุกมันรุนแรง

แม้ว่าเรือนจำจะมีส่วนพยาบาล แต่ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะได้ออกไปพบหมอ เพราะนักโทษเป็นพันๆ คนกับกฎระเบียบหยุมหยิมมากมาย

หลายคนกลายเป็นบ้าภายในคุก

หลายคนสูญเสียครอบครัว

หลายคนธุรกิจล่มสลาย ซ้ำเมียคู่ทุกข์คู่ยากมาเดินจากไป บ้านแตกสาแหรกขาด

วันนี้อาจไม่ใช่วันของคุณเมื่อคุณกลายเป็นผู้แพ้ แต่คุณต้องเก็บเขี้ยวเล็บ ยอมกลืนเลือด รอวันที่ฟ้าเปิด ไม่สามารถเร่งรัดหรือหาวิธีใดๆ ให้ออกจากคุกได้อย่างรวดเร็ว

ยกเว้นทำตามระเบียบ ไม่ว่าการเลื่อนชั้น การอบรม หลีกเลี่ยงไม่ให้โดนโทษทางวินัย

 

ผมเคยเห็นนักโทษคดีฆ่าอันโด่งดังในอดีต ติดคุกอยู่ร่วม 17 ปี เหตุเพราะสู้คดีไม่ยอมรับสารภาพ กว่าจะถึงฎีกาก็ผ่านอภัยโทษไปหลายครั้งโดยที่ไม่ได้สิทธิ์เนื่องจากศาลยังไม่ตัดสินคดีเป็นที่สิ้นสุด ทำให้ไม่ได้รับการพิจารณาอภัยโทษ

การอยู่คุกเกือบ 20 ปีทำให้แกต้องออกไปในลักษณะนั่งรถเข็น พิกลพิการ เป็นอัมพฤกษ์ ไม่พูดไม่จา

การหายไปจากโลกภายนอกทำให้แกกลายเป็นส่วนเกินของสังคม และทนทรมานยิ่งกว่าตอนอยู่ในคุกเสียอีก

ในขณะที่บางคนติดคุกนานเกินไปจนไม่เหลือญาติพี่น้องลูกเมียที่จะจดจำเขาได้

การใช้ชีวิตในสังคมอิสรภาพจึงกลับทำให้เขาอึดอัด ทนไม่ไหว จนตัดสินใจฆ่าตัวตาย

ในขณะที่สังคมประณามนักโทษที่ออกมาก่อคดีซ้ำหลังจากปล่อยตัวออกมา หรือแม้ไม่มีความไว้วางใจทุกครั้งที่มีการปล่อยตัวนักโทษออกมาในปริมาณมากๆ พวกเขาเหล่านั้นเคยเป็นส่วนหนึ่งของสังคมที่ดี มีอนาคตสดใส แต่กลับกลายเป็นผู้พ่ายแพ้ติดคุกติดตะราง เมื่อพ้นโทษกลับออกไปสู่สังคมภายนอกก็ไม่สามารถหางานทำได้

ไม่มีใครให้โอกาสกับความผิดพลาดในอดีต

ประเทศไทยมีนักโทษอยู่มากกว่า 300,000 คน (พ.ศ.2559) ปัญหานักโทษล้นคุกเป็นปัญหาใหญ่ งบประมาณกว่าหมื่นล้านสูญเสียให้กับการดูแลนักโทษ

กรมราชทัณฑ์พยายามใช้นโยบายอบรมสั่งสอนเหล่านักโทษให้เป็นคนดีเพื่อกลับคืนสู่สังคม

แน่นอนว่ามีนักโทษจำนวนมากที่พ้นโทษออกไปแล้วไม่กลับมาติดคุกอีก

คนต่างๆ เหล่านั้นสามารถกลับตัวกลับใจลืมเรื่องราวในอดีต พ้นจากวิบากกรรมกลับไปทำหน้าที่ของตัวเอง แต่ก็ยังมีส่วนหนึ่งที่กลับไปก่อเหตุกระทำความผิดซ้ำ

เมื่อพวกเขาได้รับโทษทัณฑ์และชดใช้ความผิดก็ควรได้รับโอกาส เพราะผมเชื่อมั่นว่านักโทษทั้งหมดไม่ใช่คนเลว

พวกเขาแค่ผิดพลาดเช่นเดียวกันกับทุกชีวิตที่เคยผิดพลาด

หากมีสิ่งมหัศจรรย์ที่สามารถแสดงให้เห็นได้ว่าหากกระทำผิดแล้วจะต้องทรมานเพียงใดภายในคุกอย่างที่ผมได้เขียนในหนังสือเล่มนี้ พวกเขาคงกลับตัวกลับใจไม่กระทำความผิด

เพราะมันไม่คุ้มเลยกับการเสียเวลานานนับสิบปีในกำแพงแคบๆ ที่ไร้อิสรภาพ

อิสรภาพเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ คุณไม่มีกินหรือกินน้อยลง แต่มีอิสรภาพที่จะเดินไปไหนก็ได้ แต่การติดคุกคือสิ่งที่ตกต่ำที่สุดของมนุษย์

ดังนั้น การอยู่ให้เป็น เย็นให้พอ รอให้ได้ จึงเป็นสิ่งที่นักโทษทุกคนต้องท่องเป็นคาถาประจำใจ

แม้ว่าผมจะติดคุกอยู่ไม่นาน แต่เนื่องจากผมได้อยู่ที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์จึงได้มีโอกาสสัมผัสพบเห็นนักโทษจำนวนมากจากเรือนจำต่างๆ ทั้งคลองเปรม บางขวาง หรือนักโทษจากเรือนจำทั่วประเทศที่เจ็บป่วย

บางคนป่วยหนักใกล้ตาย หรือแม้กระทั่งตายแล้วผมก็มีหน้าที่เก็บศพนักโทษเหล่านั้น

และทุกๆ ครั้งที่ผมมองไปยังใบหน้าที่ไร้วิญญาณ พวกเขาลืมตาโพลงเหมือนกำลังบอกว่าเขาตายในขณะที่มีโซ่พันธนาการ

การป่วยไข้ในขณะติดคุกถือเป็นความตกต่ำถึงขีดสุด แม้ว่าโรงพยาบาลจะพยายามดูแลให้การรักษาอย่างเต็มที่

แต่ด้วยงบประมาณที่จำกัดและอุปกรณ์เครื่องไม้เครื่องมือที่ไม่เพียงพอ ทำให้นักโทษหลายคนต้องเสียชีวิต

จนถึงวันที่เขียนหนังสือเล่มนี้ผมได้เก็บศพไปแล้ว 40 ศพ ในระยะเวลา 4 เดือน

ผมหวังว่าในอนาคตสังคมไทยคงหาทางออกในการแก้ไขปัญหานักโทษล้นคุก ต้นทางของกระบวนการยุติธรรมจะดำเนินการอย่างตรงไปตรงมาไม่จับแพะมาติดคุก ไม่ยัดเยียดข้อหา เพราะนักโทษจำนวนมากเป็นคนจน และยอมรับสารภาพผิดเพราะไม่มีปัญญาที่จะต่อสู้ให้เป็นภาระ

ช่วงเวลาที่ผมถูกจำคุกจึงเป็นช่วงเวลาที่ได้มีโอกาสพบเห็นชีวิตของนักโทษที่หลากหลายในชะตากรรมเดียวกัน ผมจึงเก็บเกี่ยวมาเป็นประสบการณ์เขียนให้ท่านทั้งหลายได้อ่าน

เช่นเดียวกับผมที่เคยมีสถานะเป็นเจ้าของสถานบริการเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์กว่า 6 แห่ง อยู่ในวงการกลางค่ำกลางคืน ล้อมรอบไปด้วยสุรา นารี และผมก็ได้ขายธุรกิจเหล่านั้นก้าวเข้าไปอยู่ในสภาผู้แทนราษฎรอันทรงเกียรติ จึงได้ล่วงรู้ถึงกลโกงทุจริตคอร์รัปชั่นในวงการข้าราชการ

จนกระทั่งได้ติดคุกติดตะรางเปลี่ยนสถานะมาเป็น “นักโทษเด็ดขาดชาย ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์”

อย่าคาดเดากับชีวิตในอนาคตของผมอีกเลย แม้แต่ตัวผมยังคาดเดาไม่ถูก เพราะเขาบอกว่า “ไม่ตาย ก็ติดคุก”

เมื่อผมติดคุกแล้วต่อไปคงจะตาย เหมือนกับทุกคนที่ต้องตาย

แต่ก่อนตายนั้นผมได้มีโอกาสได้พูด ได้เขียน ได้เล่าความจริงจากประสบการณ์ต่างๆ อย่างตรงไปตรงมา

ส่วนท่านทั้งหลายนั้นจงเลือกเอา ว่าจะฟังเรื่องจริงจากคนติดคุกอย่างผมหรือเปล่า?

ตามหาอ่านหนังสือ”เหลี่ยมคุก” ได้วันนี้ทุกร้านหนังสือชั้นนำหรือ ติดต่อ ที่(คลิก) 

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...