ข้อมูลเบื้องต้น
เพลิงมหารัศมีอนัตตา (เพลิงแก่นแท้ปฐมกาล)
เพลิงนิรันดร์ (เพลิงแก่นแท้ปฐมกาล)
เพลิงมหาสุญตา (เพลิงปฐมกาล)
เพลิงอำมฤต (เพลิงปฐมกาล)
อันดับ1
เพลิงจักรพรรดิ (มหาพิภพโต้วหยวน)
เพลิงจักรพรรดิ (มหาพันภพ)
อันดับ2
เพลิงมารอัคนี
อันดับ3
เพลิงเทวีสุริยา
เพลิงมารมหากาฬ (มหาพันภพ)
เพลิงบัวสุริยัน (มหาพิภพโต้วหลิง)
อันดับ4
เพลิงผลาญอนัน
อันดับ5
มหาเพลิงวารี
เพลิงวัฒนะหกวิถี (มหาพิภพโต้วหลิง)
อันดับ6
เพลิงวิญญาณวิหค
เพลิงจิตเวิ้งว้าง (มหาพิภพโต้วหลิง)
อันดับ7
เพลิงนรการต์
เพลิงมหาอำพันเก้าวีรชน (มหาพิภพโต้วหยวน)
อันดับ8
เพลิงทมิฬมหาอำพัน
อันดับ9
เพลิงนวดารา
เพลิงผลาญสามพันดารา (มหาพันภพ)
อันดับ10
เพลิงเหมันต์บัวพิสุทธิ์
อันดับ11
เพลิงทองคำผลาญปฐพี
เพลิงพุทธะธรรม (มหาพิภพโต้วหลิง)
อันดับ12
เพลิงมหาโลกัน
อันดับ13
เพลิงวิญญาณพยัค
อันดับ14
เพลิงวิญญาณเต่าดำ
อันดับ15
เพลิงมหาวิชุ
อันดับ16
เพลิงห้วงมหรรณพ
อันดับ17
เพลิงมหาอัคนีเผาฟ้า
อันดับ18
เพลิงบัวไร้ลักษณ์ (18)/
อันดับ19
เพลิงบัวอุลกมณี
อันดับ20
เพลิงบัวหยินหยาง
อันดับ21
เพลิงบัวมรกต
เพลิงเร้นลับเก้าวายุ (มหาพันภพ)
ที่อยู่ของตัวเอก
มหาพิภพโต้วหยวน
ทวีปโต้วหลัว ภูมิภาคทางเหนือ เมืองเป่ยชาง แคว้นโต้วจื่อ
ระดับพลัง
กำเนิดหยวน (ต้น-กลาง-ปลาย-สูง-สุดขีด)
ผนึกหยวน (ต้น-กลาง-ปลาย-สูง-สุดขีด)
สดับเวหา (ต้น-กลาง-ปลาย-สูง-สุดขีด)
เบิกฟ้า (ต้น-กลาง-ปลาย-สูง-สุดขีด)
สังสารวัฏ (ต้น-กลาง-ปลาย-สูง-สุดขีด)
เป็นตาย (ต้น-กลาง-ปลาย-สูง-สุดขีด)
สลัดคราบปุถุชน (1-9 ดาว) (ต้น-กลาง-ปลาย-สูง-สุดขีด)
เซียนยุทธ์ (1-9 ดาว) (ต้น-กลาง-ปลาย-สูง-สุดขีด)
ยอดเซียนยุทธ์ (1-9 ดาว) (ต้น-กลาง-ปลาย-สูง-สุดขีด)
กึ่งเทพยุทธ์ (1-9 ดาว) (ต้น-กลาง-ปลาย-สูง-สุดขีด)
เทพยุทธ์ (1-9 ดาว) (ต้น-กลาง-ปลาย-สูง-สุดขีด)
กึ่งจ้าวพิภพ (1-9 ดาว) (ต้น-กลาง-ปลาย-สูง-สุดขีด)
จ้าวพิภพ
ระดับรากปราณและกระดูกปราณ
ระดับเงิน
ระดับทอง
ระดับหยก
ระดับฟ้า
ระดับศักดิ์สิทธิ์
ระดับเทวะ
ระดับพระเจ้า
ระดับเคล็ดวิชา/ทักษะยุทธ์
(1-9 ดาว)
สามัญ
ชั้นนิล
ชั้นดิน
ชั้นฟ้า
ระดับของอาวุธ
1-9 ดาว
ราชาศาสตรา
ราชันย์ศาสตรา
โลกา
ศักดิ์สิทธิ์
เทวะ
เทพ
ระดับโอสถ
1-9 ดาว
ระดับดำ (ขั้นต่ำ-ขั้นกลาง-ขั้นสูง-ชั้นเลิศ-ชั้นล้ำเลิศ)
ระดับทอง (ขั้นต่ำ-ขั้นกลาง-ขั้นสูง-ชั้นเลิศ-ชั้นล้ำเลิศ)
ระดับปฐพี (ขั้นต่ำ-ขั้นกลาง-ขั้นสูง-ชั้นเลิศ-ชั้นล้ำเลิศ)
ระดับนภา (ขั้นต่ำ-ขั้นกลาง-ขั้นสูง-ชั้นเลิศ-ชั้นล้ำเลิศ)
ถังหลง (พระเอก)
คิวบิ
ความแค้น
##…ขออนุญาติเปลี่ยนชื่อตัวเอกจากหลงซันเป็น ถังหลง นะครับ
ภายในตระกูลเวินในส่วนใจกลางของตระกูลปรากฎลอนประลองขนาดกว้างขวาง ใจกลางเวทีมีชายหนุ่มสองคนกำลังโรมรันกันอย่างดุเดือดโดยที่รอบสนามมีสมาชิกของตระกูลเวินคอยรับชม
ด้านบนสุดในที่นั่งวีไอพีคือผู้อาวุโสของตระกูลเวิน ด้านข้างของผู้อาวุโสทั้งห้าคนมีชายหนุ่มอายุประมาณสิบเจ็ดปีนั่งอยู่ด้วยท่าทางหยิ่งผยองเยี่ยงผู้ทรงอำนาจ สายตาของเขามองไปยังลานประลองด้วยแววตาที่ใช้มองมดปลวกเพราะหนึ่งในชายหนุ่มที่กำลังต่อสู้กันอยู่มาจากตระกูลเวินสาขาเท่านั้นต่างจากตัวเขาที่เป็นคนของตระกูลหลัก
ตระกูลเวินประกอบด้วยหนึ่งตระกูลหลักและ 211 ตระกูลสาขา พวกเขาคือลูกหลานตระกูลเวินชั้นต่ำต้อยไร้ความสามารถ
ปัง!…
บนลานประลองหมัดของชายหนุ่มทั้งสองคนปะทะกันส่งคลื่นพลังบ้าคลั่งแตกระเบิดออกมาก่อนทั้งสองจะผงะถอยออกจากกัน
“ชิ เป็นแค่คนจากตระกูลสาขาชั้นต่ำแท้ๆ” ชายหนุ่มอายุประมาณสิบปีสบถออกมามองชายหนุ่มเบื้องหน้าด้วยแววตาแค้นเคือง
“ตระกูลสาขาก็เอาชนะเจ้าได้แล้วกัน” เด็กหนุ่มอายุประมาณเจ็ดปียกมือเช็ดคราบเลือดตรงมุมปาก เขามีใบหน้าหล่อเหลาราวกับสลักเสลาขึ้นมาจากหยก เรือนผมสีดำขลับมัดไว้อย่างเรียบร้อยยาวถึงหัวไหล่หนุนส่งให้เขาดูคมคายหล่อเหลาเกินอายุ เขาคนนี้คือตระกูลเวินสาขานามถังหลง
“ปากดี” ชายหนุ่มจากตระกูลหลักตวาดออกมาด้วยความเกรี้ยวกราด เขาที่เป็นคนของตระกูลหลักถูกคนที่มาจากตระกูลสาขากล้าต่อปากต่อคำกับเขานี่จะให้เขายอมได้อย่างไร ตอนนี้เขาไม่สนใจผลแพ้ชนะอีกแล้ว สิ่งที่เขาต้องการมีเพียงอย่างเดียวคือสังหารไอ้เด็กโอหังเบื้องหน้าให้จงได้
แม้การสังหารคนในตระกูลเดียวกันจะผิดกฎของตระกูลแต่เขาเป็นคนของตระกูลหลักและยังเป็นผู้มีพรสวรรค์ส่วนอีกฝ่ายแม้จะมีพรสวรรค์แต่ก็ยังเป็นแค่คนจากตระกูลสาขาต่อให้เขาสังหารไปเหล่าผู้อาวุโสก็จะช่วยให้เขาพ้นโทษเพราะเหล่าผู้อาวุโสเองก็ไม่ชอบคนจากตระกูลสาขาถึงขั้นเกลียดเลยก็ว่าได้
“มาตัดสินกันเถอะ” ถังหลงมองออกว่าอีกฝ่ายกำลังคิดจะทำอะไรจึงเอ่ยปากท้าทาย
“ดี…ดี… ประเสริฐยิ่ง” คลื่นหยวนม้วนพันรอบแขนชายหนุ่มจากตระกูลหลักก่อนเขาจะเหวี่ยงหมัดออกไป “หมัดสะท้านภพ”
พรึบ!… มือขวาของถังหลงปรากฎเปลวเพลิงสีส้มรุกไหม้สร้างความตื่นตะลึงให้กับทุกคนที่รับชมแม้กระทั่งเหล่าผู้อาวุโสยังยืนขึ้นอย่างลืมตัว
“เป็นไปไม่ได้ เจ้าเด็กนั่นมีอายุแค่เจ็บปีฉะไหนเขาถึงสร้างเพลิงหยวนได้หละ” หนึ่งในผู้อาวุโสอุทานออกมาอย่างไม่อยากเชื่อสายตา
เพลิงหยวนคือการแปรสภาพคลื่นหยวนให้กลายเป็นเปลวไฟซึ่งการจำทำเช่นนั้นได้ผู้ฝึกฝนจำเป็นต้องมีคลื่นหยวนที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมากอย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาบ่มเพาะไม่ต่ำกว่ายี่สิบปี ทว่าตอนนี้เด็กที่มีอายุเจ็ดขวบกำลังสำแดงเพลิงหยวนออกมาต่อหน้าพวกเขา
“หมัดเพลิงปะทุขั้นสาม” ถังหลงชกหมัดออกไปปะทะกับหมัดของเวินชิง
ตูม
คลื่นหยวนและเปลวไฟสาดกระเด็นไปทั่วบริเวณท่ามกลางเสียงระเบิดดังสนั่น
“ฮืม” บนใบหน้าของเวินชิงกำลังจะปรากฎรอยยิ้มแต่ทว่าต้องหยุดชะงักเมื่อพบว่าตอนนี้มีขุมพลังสามลูกจู่โจมเข้ามาในกายของเขา
อ๊าก!… เวินชิงกรีดร้องออกมา เลือดสีแดงสดพ่นออกจากปากร่างกระเด็นออกจากลานประลองพร้อมกับเสียงระเบิดดังตูมส่งออกมาจากในร่างของเขาสามครั้งติด
หมัดเพลิงปะทุขั้นสามคือการส่งคลื่นเพลงเข้าจู่โจมศัตรูสามครั้งติดและทุกครั้งจะเพิ่มพลังทำลายเป็นเท่าตัว
“เขาชนะ”
“พี่ถังหลงชนะ” บนที่นั่งของตระกูลสาขาทางด้านหนึ่งเด็กสาวกระโดดพลางตะโกนออกมาด้วยความดีใจเพราะนี่เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่คนจากตระกูลสาขาเป็นผู้ชนะเลิศการประลองประจำตระกูลเวิน
เฮ….
เสียงโฮร้องด้วยความตื่นเต้นละคนดีใจดังขึ้นจากทางที่นั่งตระกูลเวินสาขาทั้งหมด ไม่เพียงแค่ตระกูลสาขาของถังหลงเท่านั้นที่รู้สึกตื่นเต้น ตระกูลสาขาทั้งหมดล้วนตกอยู่ในอาการดีใจเพราะหลงซันไม่ต่างอันใดกับตัวแทนจากตระกูลสาขาทั้งหมด
“เจ้าเด็กนี่อายุแค่นี้ก็แปลงคลื่นหยวนเป็นเปลวไฟได้แล้ว ในอนาคตมันจะต้องเป็นก้างชิ้นโตในการชิงตำแหน่งประมุขตระกูลของเจ้าเป็นแน่” หัวหน้าผู้อาวุโสหันไปพูดกับชายหนุ่มอายุประมาณสิบเจ็ดปีนามว่าเวินเทียน
“งั้นก็ตัดไฟตั้งแต่ต้นลมเสียสิ” พูดจบเวินเทียนโฉบลงไปบนลานประลองทำให้เสียงเฮที่ดังสนั่นหยุดลงอย่างฉับพลัน สายตานับหมื่นคู่จ้องมองไปยังเวินเทียนด้วยความสนใจ
“นั่นเขาจะทำอะไร?”
“เขาคือเวินเทียน อัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งตระกูลเวิน”
“ใช่ เขาถูกคนในตระกูลหลักเรียกว่าประมุขน้อย” สมาชิกตระกูลสาขาเริ่มวิพากษ์วิจารณ์
“พี่ถังหลง” สาวน้อยมองไปทางพี่ชายของตนด้วยแววตากังวล เช่นเดียวกันกับทุกคนในตระกูลสาขาของถังหลง พวกเขารู้สึกใจคอไม่ดีเอาเสียเลย
แปะ…แปะ…แปะ…. เวินเทียนปรบมือด้วยใบหน้ายิ้มแย้มให้กับถังหลงพลางพูดว่า “พี่ชื่นชมความสามารถของน้องหลงซันยิ่งนัก จะเป็นไรไหมถ้าพี่จะขอแลกเปลี่ยนคำชี้แนะจากน้องหลงซันสักหน่อย”
ฮูว… อนุชนจากตระกูลสาขาส่งเสียงอิจฉาออกมา การที่ได้รับคำชี้แนะจากเวินเทียนถือเป็นสิ่งที่ประเสริฐสำหรับพวกเขา
ถังหลงหรี่ตามองชายหนุ่มตรงหน้า สัญชาตญาณของเขาบอกว่าควรปฏิเสธแต่เขาก็รู้ดีว่าเขาไม่อาจทำแบบนั้นได้เพราะคนตรงหน้าของเขาคือประมุขน้อยตัวตนที่แม้แต่ผู้อาวุโสของตระกูลหลักยังต้องเกรงใจ อำนาจของเวินเทียนเรียกได้ว่าอยู่เหนือผู้นำตระกูลสาขาทั้งหมดด้วยซ้ำด้วยเหตุนี้เขาไม่มีทางปฏิเสธได้เลย
“นับเป็นวาสนาของข้า โปรดชี้แนะด้วย” ถังหลงตอบรับอย่างอับจนหนทาง
เวินเทียนยิ้มออกมา “รับมือ”
“ท่านพ่อ ท่านพี่จะไม่เป็นอะไรใช่ไหมเจ้าคะ” เด็กสาวหันไปถามชายวัยกลางคนข้างกายผู้เป็นบิดาของถังหลง ผู้เป็นหัวหน้าหนึ่งในตระกูลสาขาตระกูลเวิน นามเวินหยู
“วางใจเถอะ เวินเทียนคือประมุขน้อยเขาย่อมมีจิตใจเมตตากับทุกคนในตระกูล” เวินหยูกล่าวออกมาด้วยความมั่นใจ ในสายตาของเขาเวินเทียนคือคนที่จะเป็นประมุขย่อมต้องดูแลเอาใจใส่คนในตระกูล อีกทั้งเขายังชื่นชมความสามารถของเวินเทียนถึงขั้นเลื่อมใสเลยก็ว่าได้
ดูท่าการกลับไปได้อย่างปลอดภัยจะเป็นชัยชนะของข้า
แม้จะมีอายุเจ็ดปีแต่ถังหลงเป็นคนฉลาดและมีไหวพริบเกินตัวเขาจึงมองออกถึงเจตนาแฝงของเวินเทียน
“หมัดเพลิงปะทุขั้นสาม” พรุ้บ…
ถังหลงเคลื่อนไหวไปโผล่ทางด้านหลังเวินเทียนพร้อมกับชกหมัดขวาใส่กลางหลังอีกฝ่าย
“ยังอ่อนอยู่นะ” เวินเทียนแสยะยิ้ม คลื่นหยวนแข็งกร้าวปะทุออกจากในกายร่างหายวับไปในพริบตาทำให้หมัดของถังหลงชกใส่อากาศ
ฉับพลันนั้นเองเวินเทียนปรากฎตัวขึ้นอีกครั้งทางด้านหลังของถังหลงพร้อมกับฟาดฝ่ามืออกสุดพลัง
“ฝ่ามือเทวะ”
ตูม
ฝ่ามือคลื่นหยวนกระแทกใส่กลางหลังของถังหลงอย่างจัง เด็กหนุ่มกระอักเลือดออกมาคำโต ร่างกลิ้งไถลกับพื้นทว่าขณะที่เขากำลังพยายามจะลุกยืนเวินเทียนก็เข้ามาเตะใส่ตรงซี่โครงจากนั้นชกเข้าใบหน้าก่อนจะเตะใส่ก้านคอ
ปัง..ปัง..ปัง…
“อั๊ก… อั๊ก อั๊ก” ทั่วสนามเงียบสนิทได้ยินเสียงคลื่นพลังระเบิดกับเสียงครวญครางจากความเจ็บปวดของถังหลง
“หยุด.. หยุด..หยดได้แล้ว ไอ้บ้าหยุดตีพี่ถังหลงเดี๋ยวนี้” น้องสาวของถังหลงกรีดร้องออกมาทั้งน้ำตา สาวน้อยตั้งท่าจะกระโดดลงไปในสนามประลอง แม้นางจะมีอายุสามขวบแต่ก็รู้ว่าตอนนี้พี่ชายของนางกำลังเจ็บปวดแสนสาหัส
หมับ!.. บิดารีบยื่นมือออกไปคว้าจับบุตรสาวเพราะการสอดมือเข้าไปในขณะประลองเป็นการผิดกฎ
อั๊ก…อั๊ก ถังหลงเลือดอาบย้อมทั่วร่างหลายคนที่เห็นสภาพของเขาต่างยกมือปิดปาก นี่มันไม่ใช่การแลกเปลี่ยนคำชี้แนะแล้วแต่เป็นการเข่นฆ่ากันมากกว่า แต่พวกเขาพูดอะไรได้หละ พวกเขามันก็แค่ตระกูลสาขา อีกอย่างผู้ที่ลงมือคือเวินเทียน แค่คำพูดของอีกฝ่ายก็มากพอจะลบตระกูลสาขาอย่างพวกเขา
“ยังไม่พูดคำว่ายอมแพ้อีกรึ” เวินเทียนระดมหมัดใส่ถังหลง ตอนนี้เขาเริ่มเดือดดาลขึ้นมาจริงๆแล้ว ไม่ว่าเขาจะอัดไอ้เด็กนี่เท่าไหร่แต่แววตาที่หลงซันใช้มองเขายังเป็นแววตาของพยัคร้ายที่อัดแน่นด้วยความเครียดแค้นไม่มีวี่แววว่าจะยอมจำนนเลยแม้แต่น้อย
“ให้ตายข้าก็ไม่พูด” เขาฝืนพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง
“งั้นก็อย่าอยู่เลย” เวินเทียนยกหมัดขึ้นสุดหล้าหมายทุบศรีษะเด็กหนุ่มให้แหลกเละ
ขวับ!… ทว่าตอนนั้นเองฝ่ามือข้างหนึ่งพลันยื่นมาคว้าจับแขนของเขาเอาไว้ทำให้เวินเทียนหันกลับมาถลึงตามอง
“แกเป็นใคร” เขาชายชราที่ไม่คุ้นหน้า
“แค่ชายชราคนหนึ่งที่ผ่านทางมา นี่ตระกูลเวินผู้สูงส่งรังแกได้แม้กระทั่งเด็กน้อยเลยรึ ส่วนตาแก่อย่างพวกเจ้าก็ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น น่าชื่นชม น่าชื่นชม”
“นี่เป็นเรื่องภายในตระกูลเวินไม่ทราบผู้สูงส่งเป็นใครโปรดอย่าสอดมือ” หัวหน้าผู้อาวุโสกล่าวแม้จะไม่ได้นอบน้อมแต่ก็ไม่สุภาพ
“ฮา..ฮา..ฮา… ข้าก็แค่นักพรตเฒ่าที่เหาะผ่านมา บังเอิญเห็นเรื่องที่มีแต่เดรัจฉานเท่านั้นที่ทำได้จึงรู้สึกทนดูไม่ได้เลยจำต้องเสือก”
“นักพรต!…” ทุกคนที่ได้ยินชื่อนี้ต่างพากันร่างแข็งค้างไม่เว้นแม้กระทั่งหัวหน้าผู้อาวุโสเพราะในทวีปต้าถังมีเพียงคนเดียวที่ถูกเรียกว่านักพรตนั่นก็คือผู้อาวุโสสูงสุดของสำนักใต้หล้าขั้วอำนาจสูงสุดแห่งทวีปต้าถัง
“ข้าน้อยเวินเทียนขออภัยที่ล่วงเกิน” เวินเทียน
ชายชราไม่ได้ใส่ใจกับการกระทำของเวินเทียน เขาโบกมือด้วยท่วงท่านุ่มนวลไปทางร่างถังหลงที่นอนหมดสติจมกองเลือดให้ลอยไปหาบิดาของเด็กหนุ่ม
“เจ้าเองก็เป็นบิดาที่ประเสริฐแท้ ข้าชื่นชมในความอดทนของเจ้ายิ่งนัก ทั้งที่เห็นบุตรชายถูกทุบตีปางตายแต่เจ้าก็ยังอดทนได้ จิตใจชั่งแกร่งดังขุนเขาเช่นนี้หาได้ยากนัก” พูดจบร่างของชายชราก็ลอยสูงขึ้นไปบนฟ้าพร้อมกับพูดทิ้งท้ายไว้ว่า “เคราะห์กรรมนี้สุดท้ายก็ไม่อาจหลีกเลี่ยง ชะตาฟ้ากำหนดไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงได้จริงๆ”
“ท่านผู้อาวุโส นี่มันคืออะไร” บิดาของถังหลงรีบเข้าไปดูอาการบุตรชายพลางเอ่ยถามกับผู้อาวุโส
“ฮึ… บุตรชายเจ้าอ่อนแอเองจะโทษใครได้” หัวหน้าผูัอาวุโสตอบอย่างไม่แยแส คนจากตระกูลหลักที่พ่ายแพ้ให้กับถังหลงต่างยิ้มออกมาด้วยความสะใจ
“แต่ว่า”
“หุบปาก บังอาจต่อปากต่อคำกับข้างั้นรึ” หัวหน้าผู้อาวุโสตะคอกออกมาด้วยความเดือดดาล
“มิได้ขอรับ” เวินหยูรีบสงบปากสงบคำ
ตระกูลสาขามากมายจากหลายมุมเมืองมองไปทางเวินหยูก่อนจะเคลื่อนสายตามองไปยังถังหลงที่นอนหมดสภาพด้วยสายตาเวทนา เมื่อครู่พวกเขายังรู้สึกหึกเหิมและภาคภูมิใจที่คนจากตระกูลสาขาอย่างพวกเขาก็สามารถชนะเลิศในการประลองของตระกูลได้อยู่เลย แต่ยังไม่พ้นวันอัจฉริยะที่สร้างความภาคภูมิใจให้กับพวกเขากลับตายเป็นคนพิการณ์โดยที่บิดาและครอบครัวของเขาไม่สามารถเรียกร้องความเป็นธรรมให้เขาได้เลยแม้แต่น้อย
จริงอยู่ว่าพวกเขาไม่ใช่ตระกูลสาขาที่มาจากครอบครัวเดียวกันแต่พวกเขาก็เป็นตระกูลสาขาเหมือนกันพวกเขาจึงตระหนักดีว่าสิ่งที่เรียกว่าครอบครัวได้เต็มปาก มีเพียงตระกูลสาขาอย่างพวกเขาเท่านั้น นับตั้งแต่อดีตยันปัจจุบันตระกูลหลักปฏิบัติกับพวกเขาไม่ต่างอะไรกับหมูกับหมา ไม่เคยมอบทรัพยากรในการบ่มเพาะให้กับพวกเขา
ในทางกลับกันหากพวกเขาบังเอิญได้รับทรัพยากรล้ำค่าก็จะถูกทางตระกูลหลักเอาไป และเมื่อไม่มีทรัพยากรในการบ่มเพาะที่เพียงพอทำให้ศิษย์ในตระกูลของพวกเขามีพลังฝีมือที่ตกต่ำต่างชั้นกับศิษย์ตระกูลหลัก
ภายในห้องโถงของตระกูลเวินมีผู้อาวุโสเจ็ดคนนั่งอยู่ด้วยท่าทางเคร่งเครียดโดยที่เหนือสุดคือหัวหน้าผู้อาวุโสนามว่าเวินเฉวียนเขาเป็นปู่แท้ๆของเวินเทียน
“ท่านหัวหน้าผู้อาวุโส เจ้าเด็กนั่นข้าเกรงว่ามันจา” รองหัวหน้าผู้อาวุโสนามเวินจีพูดขึ้นด้วยใบหน้าเคร่งขรึม
เวินเฉวียนเองก็มีสีหน้ามืดคลึ้มบนใบหน้าของเขาปรากฎริ้วรอยแห่งความตรึงเครียดในแววตาฉายแววครุ่นคิด
“เจ้าเด็กนั่น พวกเจ้าคิดว่ายังไง” เขาหันไปถามผู้อาวุโสทั้งเจ็ดคนเพื่อขอความคิดเห็น
“ด้วยระดับกำเนิดหยวนชั้นสุดขีดของเจ้าเด็กนั่นไม่มีทางที่จะแปรคลื่นหยวนให้กลายเป็นเปลวเพลิงหยวนได้เลย” รองหัวหน้าผู้อาวุโสกล่าวขึ้น
การบ่มเพาะในมหาพิภพโต้วหยวนมีการแบ่งระดับเรียงจากต่ำไปสูงได้ดังนี้
กำเนิดหยวน (ต้น-กลาง-ปลาย-สูง-สุดขีด)
ผนึกหยวน (ต้น-กลาง-ปลาย-สูง-สุดขีด)
สดับเวหา (ต้น-กลาง-ปลาย-สูง-สุดขีด)
เบิกฟ้า (ต้น-กลาง-ปลาย-สูง-สุดขีด)
สังสารวัต (ต้น-กลาง-ปลาย-สูง-สุดขีด)
เป็นตาย (ต้น-กลาง-ปลาย-สูง-สุดขีด)
สลัดคาบปุถุชน (ต้น-กลาง-ปลาย-สูง-สุดขีด)
เซียน (ต้น-กลาง-ปลาย-สูง-สุดขีด)
ยอดเซียนยุทธ์ (ต้น-กลาง-ปลาย-สูง-สุดขีด)
กึ่งเทพยุทธ์ (ต้น-กลาง-ปลาย-สูง-สุดขีด)
เทพยุทธ์ (ต้น-กลาง-ปลาย-สูง-สุดขีด)
กึ่งจ้าวพิภพ (ต้น-กลาง-ปลาย-สูง-สุดขีด)
จ้าวพิภพ
การที่ผู้ฝึกปราณจะสามารถประสานเข้ากับพลังธาตุในกายและแปรสภาพคลื่นหยวนให้กลายเป็น ดิน น้ำ ลม ไฟ สายฟ้า ความมืด แสง ไม้ เงิน ทอง มีเพียงคนผู้นั้นบรรลุระดับผนึกหยวน
ระดับผนึกหยวนการที่มันถูกเรียกเช่นนั้นเป็นเพราะเมื่อเข้าสู่ขอบเขตนี้จะสามารถประสานคลื่นหยวนเข้ากับธาตุในกายได้ทำให้คลื่นหยวนที่ใช้ออกมามีคุณสมบัติตามธาตุที่คนผู้นั้นถือครอง
“ข้าเองก็คิดเช่นนั้น เจ้าเด็กที่ชื่อเวินหลงซันนั่นอยู่แค่ระดับกำเนิดหยวยขั้นสุดขีดเท่านั้นแต่กลับแปรสภาพคลื่นหยวนเป็นเปลวไฟได้นี่มันอยู่เหนือกฎเกณฑ์” ผู้อาวุโสอีกคนเสนอความคิด ต้องทราบนะว่าขนาดเวินเทียนที่ถูกขนานนามว่าเป็นอัจฉริยะของตระกูลเวินในรอบร้อยปีตอนที่อยู่ระดับกำเนิดหยวนก็ยังแปรสภาพคลื่นหยวนไม่ได้เลย
“เช่นนั้นก็หมายความว่าเจ้าเด็กนั่นมีรากปราณและกระดูกปราณระดับเทวะ” เวินเฉวียนกล่าวออกมาด้วยความเข้มงวด กระดูกปราณและรากปราณแบ่งเป็นทั้งหมดเจ็ดระดับไล่จากต่ำไปสูงได้ดังนี้
ระดับเงิน
ระดับทอง
ระดับหยก
ระดับฟ้า
ระดับศักดิ์สิทธิ์
ระดับเทวะ
ระดับพระเจ้า (มีเพียงในตำนาน)
รากปราณและกระดูกปราณยิ่งมีระดับสูงมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งทำให้คนผู้นั้นบ่มเพาะได้รวกเร็วปานนั้น โดยเฉพาะกระดูกปราณและรากปราณระดับศักดิ์สิทธิ์จะทำให้ผู้ถือครองใช้ความสามารถของระดับการบ่มเพาะที่อยู่เหนือกว่าตัวเองหนึ่งขั้นได้
ส่วนกระดูกปราณและรากปราณระดับเทวะจะทำให้ผู้ถือครองใช้ความสามารถของระดับที่อยู่เหนือกว่าระดับของตัวเองขึ้นไปสองขั้นได้และยังมีความสามารถเฉพาะตัว
ในกานประลองพวกเขาสังเกตุว่ามีจังหวะหนึ่งว่าหลงซันเผลอเท้าลอยขึ้นจากพื้นนานกว่าสิบวินาทีซึ่งนั่นมันคือการเหาะเหินเดินอากาศ การที่หลงซันอยู่ระดับกำเนิดหยวนสามารถทำให้ตัวเองเท้าลอยจากพื้นนานเป็นสิบวินาทีได้มีเพียงแค่การเหาะเหินเดินอากาศซึ่งเป็นความสามารถของระดับสดับเวหาเท่านั้น
ระดับสดับเวหาเมื่อผู้บ่มเพาะบรรลุถึงระดับนี้ก็จะทำให้พวกเขาเหาะเหินเดินอากาศได้อย่างอิสระการที่หลงซันที่อยู่ระดับกำเนิดหยวนจะใช้ความสามารถของระดับสดับเวหาได้พวกเขาคิดได้เพียงอย่างเดียวนั่นคือหลงซันมีกระดูกปราณและรากปราณระดับเทวะ
รากปราณและกระดูกปราณระดับเทวะแม้แต่ในพงศาวดารของมหาพิภพโต้วหยวนก็เคยปรากฎแค่เพียงสองคนเท่านั้นและทั้งสองคนก็เป็นตัวตนที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของมหาพิภพซึ่งอยู่ในระดับกึ่งจ้าวพิภพ
“การที่รากปราณและกระดูกปราณระดับเทวะในมหาพิภพนี่เป็นครั้งที่สามที่มันปรากฎ แต่การที่ไปอยู่ในมือของคนจากขยะตระกูลสาขาถือเป็นสิ่งผิดบาป” รองหัวหน้าผู้อาวุโสพูดออกมาด้วยความเสียดายโดยไม่ปกปิดความอิจฉาริษยา
“หัวหน้าผู้อาวุโส ข้าคิดว่ากระดูกปราณและรากปราณมันต้องเป็นของเวินเทียนผู้เป็นอัจฉริยะของตระกูลถึงจะถูก” ผู้อาวุโสอีกคนพูดขึ้น
“แต่ถ้าท่านประมุขรู้ข้าเกรงว่า” ผู้อาวุโสอีกคนกล่าวออกมาด้วยท่าทางหวั่นเกรงเพราะถ้าไม่ใช่ท่านประมุขเก็บตัวทะลวงระดับพลังพวกเขาคบไม่มีอำนาจในตระกูลมากมายขนาดนี้ มิหนำซ้ำการกระทำของเวินเทียนในวันนี้อาจจะถูกลงโทษเสียด้วยซ้ำ
“รู้แล้วอย่างไร เจ้าเด็กนั่นมันฝึกยุทธ์ไม่ได้แล้วการที่ปล่อยรากปราณและกระดูกปราณระดับเทวะไว้ในกายมันจะไม่ทำให้ตระกูลเวินสูญเสียครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์หรอกรึ”
“ถูกแล้ว ด้วยพรสวรรค์ของเวินเทียนถ้าได้รากปราณและกระดูกปราณระดับเทวะมาด้วยพรสวรรค์ของเวินเทียนเขาจะต้องไปถึงระดับกึ่งจ้าวพิภพหรือระดับจ้าวพิภพได้แน่และตระกูลเวินของเราจะยืนอยู่บนจุดสูงสุดของโลกก็ไม่ใช่ความฝัน”
“ใช่ เดิมทีพวกตระกูลสาขาก็แค่ขยะของตระกูลเราจะทำอะไรกับขยะก็ได้ ดีไม่ดีถ้าท่านประมุขทราบว่าเวินเทียนได้รับรากปราณและกระดูกปราณระดับเทวะมีแต่จะมอบรางวัลให้พวกเราเสียด้วยซ้ำ”
“ดี ส่งคนไปชิงรากปราณและกระดูกปราณของเจ้าเด็กนั่นมา” เวินเฉวียนสั่งออกมาด้วยความเฉียบขาดเขาเองก็ต้องการให้เวินเทียนได้รับรากปราณและกระดูกปราณระดับเทวะใจแทบขาดเพราะรากปราณและกระดูกปราณของเวินเทียนอยู่ระดับหยกซึ่งในมวลมนุษย์ก็นับว่าหายากมากๆเป็นตัวตนระดับโคตรสมบัติของตระกูลเลยก็ว่าได้ แต่ถ้าเทียบกับรากปราณและกระดูกปราณระดับเทวะถือว่าไม่มีค่าให้เอ่ยถึงเลย
“ทราบ”
แคว้นโต้วหลัวตระกูเวินสาขา ยามราตรีดึกดื่นเงียบสงัดดวงจันทรากลมโตเด่นสง่ากลางท้องนภา ภายในห้องที่ตกแต่งอย่างดีสมฐานะบนเตียงนอนมีร่างชายหนุ่มวัยเจ็ดขวบกำลังนอนอยู่บนเตียงทั่วเรือนกายของเขาเต็มไปด้วยบาดแผลแสนสาหัส แม้จะหลับอยู่แต่บนใบหน้าของเขาก็ยังสะท้อนความเจ็บปวดที่เกินจะทานทนซึ่งเขาคนนี้ไม่ใช่ใครอื่นหากแต่เป็นหนุ่มน้อยถังหลง
ตระกูลเวินสาขาคืนนี้อบอวลไปด้วยความเศร้าสลดไม่มีใครเลยสักคนที่ยินดีกับตำแหน่งผู้ชนะเลิศอันดับหนึ่งของการประลองประจำตระกูล เพราะวันนี้มันทำให้อัจฉริยะของพวกเขากลายเป็นคนพิการณ์ จุดตันเถียนถูกทำลาย เส้นลมปราณทั่วร่างฉีกขาดทำให้เขาไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์อีกต่อไป
ฟรุบ…ฟรุบ…ฟรุบ ภายในเรือนพักอาศัยของตระกูลเวินสาขามีเงาสีดำสามสายกำลังเคลื่อนไหววูบวาบดุจภูติผีร้าย
พรุบ เงาดำทั้งสามปรากฎตัวขึ้นอีกครั้งด้านข้างเตียงนอนของเด็กหนุ่มก่อนหนึ่งในนั้นจะใช้คลื่นหยวนผนึกการเคลื่อนไหวและปิดปากของเขาส่วนชายอีกคนทำการดึงรากปราณและกระดูกปราณออกจากร่างของถังหลง
“อ๊าก” ร่างของถังหลงสั่นกระตุกแข็งเกร็งพร้อมกับส่งเสียงกรีดร้องโหยหวนออกมาด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัสเวลาเดียวกันดวงแสงสองดวงก็ถูกกระชากออกจากในร่างของเขา
ครื่น…
เสียงฝีเท้าของคนจำนวนมากดังขึ้นจากทางด้านนอกห้องด้วยจังหวะรีบเร่งแต่เมื่อพวกเขาเปิดประตูเข้ามาในห้องก็เป็นจังหวะเดียวกันกับเงาคนทั้งสามได้หายไปจากห้อง
พรึบ
ถังหลงผวาลุกขึ้นจากเตียงนอนด้วยสภาพเหงื่อโทรมกาย
“ฝันถึงเรื่องนั้นอีกแล้วรึ” เขาเอามือกุขมับ แม้ว่าเวลาจะผ่านมาแล้วสิบปีเขาก็ยังนอนหลับฝันถึงเหตุการโหดร้ายนั้นทุกคืนวันวันยิ่งตอกย้ำความชอกช้ำและความอัปยศของเขา
ถังหลงหยิบสร้อยคอขึ้นมาดูด้วยความรู้สึกคนึงหา “ท่านแม่ ท่านอยู่ที่ใดเหตุใดถึงต้องจากพวกเราไปด้วย” หยาดน้ำตาของเขาไหลผ่านแก้มหยดลงบนจี้ห้อยคอซึ่งบนนั่นสลักรูปเตาหลมอโอสถคล้ายรูปเปลวไฟเอาไว้ พร้อมกับตัวอักษรที่เขาอ่านไม่ออกเหมือนกับว่ามันไม่ใช่ตัวหนักสือของพิภพนี้
ถังหลงย้อนนึกถึงอดีต ครั้งที่มารดาของเขาอยู่ไม่ว่าผู้ใดที่กลั่นแกล้งเขามารดาของเขาจะสังหารพวกมันอย่างไร้ปราณีโดยไม่สนใจว่าคนเหล่านั้นจะมีภูมิหลังอย่างไร และยังเป็นผู้ที่สอนวิถีโอสถให้กับเขาและยังได้มอบเปลวไฟแก่นแท้ให้เขาหนึ่งชนิด
แต่ตอนที่เขาสี่ขวบมารดาของเขาก็มีความจำเป็นต้องจากพวกเขาไป วันนั้นเขายังจำใบหน้าขมขื่นฝืนทนราวกับหัวใจแตกสลายเป็นเสี่ยงๆของมารดาได้ดี
##…ขออนุญาติเปลี่ยนชื่อตัวเอกจากหลงซันเป็น ถังหลง นะครับ
ข้ามได้เลย
ตื่นรู้ รู้แจ้ง เห็นแจ้ง นิพพาน สุญตะ อณิมิตะ ปรมัต ปรมาตมันต์ ในแต่ระดับยังแบ่งเป็นต้น กลาง สูง
สำนักบุปผา สำนักสัประยุทธ์ สำนักเหนือยุทธ์ สำนักจ้าวเมฆา สำนักบรรพกาล
ภูมิภาคทางเหนือ
มหาพิภพโต้วหยวน ทวีปโต้วหลัวแคว้นโต้วจื่อ อาณาจักรเป่ยชาง
“หลงซัน ระดับ สังสารสัฏขั้นสุดขีด
พลังชีวิต 56,000 จุด
พลังจิตวิญญาณ เลเวล 7
พลังจิตนุภาพ ระดับ สุญตะขั้น กลาง
สายฟ้า เที่ยบเท่าเพลิงเที่ยงแท้ระดับขั้น 3 ดาว
เคล็ดวิชา - อัคคีพุทธะ เลเวล 1
ทักษยุทธ์ - หมัดเพลิงปะทุขั้นสอง (ระดับ 3/10)
- หกหัตถ์ศิลาดับภพ (ระดับ 1/10)
- ก้าวอัสนีบาต ระดับนิล มี 3 ขั้น
- ปีกอัสนี ระดับ 6 ดาว
สิ่งที่มีในครอบครอง
-เพลิงสายโลหิต
-ของวิเศษฟ้าดินเพลิงแก่นแท้ - เพลิงบัวมรกต (อันดับ 21)
เพลิงบัวไร้ลักษณ์ (18)
เพลิงทองคำผลาญปฐพี (11)
เพลิงห้วงมหรรณพ (16)
-กระจกสังสารวัฏ (4)
-กระบี่ดำ
-หม้อผนึกหยวน (8)
-กริชฉีกมิติ ใช้ได้ 1 ครั้ง
-หุ่นเชิด ระดับเป็นตายขั้นสุดขีด
-ถุงมือระเบิดดารา ระดับราชาศาสตรา คุณสมบัติเมื่อโจมตีมีโอกาส4/10 ที่จะผลักศัตรูออกไปด้วยความรวดเร็ว 20,000 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อีกทั้งทิ้งตราประทับเอาไว้เป็นระยะเวลา 1 นาที ภายในระยะเวลาจะทำให้ผลักและดึงเป้าหมายได้ตามปราถนา
-หม้อผนึก 3 ชั่วยาม มีผลผนึกคลื่นหยวน
เสี่ยวหลิง หมาป่าเพลิงเหมันต์ ระดับ เบิกฟ้าขั้นปลาย
เวินหยาง (ปู่) หัวหน้าผู้อาวุโส
เวินหยู(พ่อ) ระดับ สังสารวัฏ ขั้นต้น
เวินเซียว(น้องสาว) ระดับผนึกหยวนขั้นสุดขีด
อู่เซียน นักปรุงโอสถระดับ 6 ระดับเป็นตายขั้นสุดขีด
ตระกูลเวิน
เวินเทียน อายุ27 ระดับ เบิกฟ้า ขั้นปลาย กระดูกปราณ/รากปราณ ระดับหยก เพลิงมนุษย์ระดับ 4 ดาว วิถีสรรพสิ่ง
วิชา อัคคีสองฟ้า
นครเวินแข็งแกร่ง
เวินเฉวียน ปู่ของเวินเทียน ระดับเบิกฟ้าขั้นสูง
เวินจี ระดับ สดับเวหาขั้นกลาง
เวินเย่
สำนักบุปผา
ไป๋หยุน (19) ระดับ เบิกฟ้าขั้นสุดขีด
สำนักบรรพกาล
ชูเหยา ระดับ สังสารวัฏขั้นปลาย
วาวา ระดับ สังสารวัฏขั้นกลาง
เสี่ยวหยุน ระดับ สังสารวัฏขั้นปลาย
__
สำนักเหนือยุทธ์
เทียนเมิง ระดับ สังสารวัฏขั้นสูง
ชวนฉือ ระดับ สังสารวัฏขั้นสูง
หลินจ้าน ระดับ สังสารวัฏขั้นปลาย
__
สำนักสัประยุทธ์
เฟยชุน ระดับ สังสารวัฏขั้นสูง
__
สำนักจ้าวเมฆา
ซวนไห่ ระดับ สังสารวัฏ ขั้นปลาย
ตระกูลซุยสาขาหลัก
ซุยตง ระดับ เบิกฟ้าขั้นปลาย
ซุยต้าวอ ระดับ สดับเวหาขั้นสูง
ตระกูลซุย
ซุยมู่ ระดับ สดับเวหาขั้นกลาง
ซุยหนาน บรรชน ระดับ สดับเวหาขั้นสูง
ซุยชวน บรรพชนสูงสุด ระดับสดับเวหาขั้นสุดขีด
ซุยหงส์ นักปรุงโอสถ
ซุยจ้าน ระดับ ผนึกหยวนขั้นกลาง
ตระกูลฉินสาขาหลัก
ฉินเถิง ระดับ เบิกฟ้าขั้นต้น
ตระกูลฉิน
ฉินชวี้ ประมุข ระดับสดับเวหาขั้นปลาย
ฉินจี (หัวหน้าผู้อาวุโส)
ฉินหลัน
ฉินเฟิง ระดับ ผนึกหยวนขั้นสุดขีด
ฉินต้า
ตระกูลหมิงสาขาหลัก
หมิงตี้ ระดับ สังสารวัฏขั้นปลาย วิถีไร้เทียมทาน
ตระกูลหมิง
หมิงไห่ บรรพชน ระดับสดับเวหาขั้นสุดขีด นักปรุงโอสถระดับ 3
หมิงหลัว ประมุข ระดับ สดับเวลาขั้นกลาง
หมิงหยุน ระดับ ผนึกหยวนขั้นปลาย
โถงโอสถแคว้นโต้วจื่อ
เจิงหวิน ประมุข ระดับเบิกฟ้า ขั้นปลาย
เฟิงเชวี่ย รองประมุข ระดับเบิกฟ้าขั้นต้น
ต้าคง ผู้อาวุโส ระดับเบิกฟ้าขั้นต้น
วังมหาพันภพ สาขาโต้วหยวน
เทียนตี้ ประมุข
เทียนอู่ บุตรชาย
เทียนฮ่าว บุตรชาย
เผ่าคุนเผิง สมบัติประจำเผ่า จารึกสถิตเผิง ระดับเทวะ
ซูลู่ ระดับ สดับเวหาขั้นต้น
ซูเฉวียน ระดับ สดับเวหาขั้นสุดขีด
ชายชรา ซูหาน ระดับสดับเวหาขั้นต้น
เผ่าอินทรีคนองนภา
จิ่วจิ้ง ระดับ สังสารวัฏขั้นสูง
เผ่าเหยี่ยวโลหิต
เฟยอี้ ระดับ สังสารวัฏขั้นสุดขีด
นักยุทธ์ คุรุยุทธ์ มหาคุรุยุทธ์ กษัตริย์ จักรพรรดิ์ บรรพบุรุษ วีรชน เซียนยุทธ์ ยอดเซียนยุทธ์ เซียนศักดิ์สิทธิ์ เซียนเทวะ สลัดคาบเซียน กึ่งเทพยุทธ์ เทพยุทธ์ เทพยุทธ์พันภพ มหาเทพพันภพ เหนือมหาเทพพันภพ ธรรมเนียบมหาพันภพ หนึ่งในมหาพันภพ”
เรือมิติ ราชา ราชันย์ จอมราชันย์
สังสารวัฏ (ต้น-กลาง-ปลาย-สูง-สุดขีด) แม่ทัพ
เป็นตาย (ต้น-กลาง-ปลาย-สูง-สุดขีด) ผู้บัญชาการ
สลัดคาบปุถุชน (ต้น-กลาง-ปลาย-สูง-สุดขีด) นายพล
เซียน (ต้น-กลาง-ปลาย-สูง-สุดขีด) จอมพล
ยอดเซียนยุทธ์ (ต้น-กลาง-ปลาย-สูง-สุดขีด) จอมพลสูงสุด
กึ่งเทพยุทธ์ (ต้น-กลาง-ปลาย-สูง-สุดขีด)
เทพยุทธ์ (ต้น-กลาง-ปลาย-สูง-สุดขีด)
กึ่งจ้าวพิภพ (ต้น-กลาง-ปลาย-สูง-สุดขีด)
จ้าวพิภพ
หนึ่งวงแหวน ขั้นต่ำ
สองวงแหวน ขั้นกลาง
สามวงแหวน ขั้นสูง
สี่วงแหวน ขั้นสูงสุด
ห้าวงแหวน ขั้นสมบูรณ์
หกวงแหวน ขั้นล้ำเลิศ
เปลี่ยนโชคชะตา
ถังหลงจมอยู่ในห้วงคะนึงพักใหญ่ก่อนจะถอนสติออกมาจากนั้นทำการอาบน้ำแต่งตัว วันนี้เขาตั้งใจจะขึ้นไปเก็บสมุนไพรบนยอดเขาประจำตระกูล
“ผ่านมาสิบปีแล้วสินะ” เขายืนมองเงาสะท้อนของตัวเองในกระจก ตอนนี้เขามีอายุสิบเจ็ดปีแล้วดังนั้นเวินเทียนก็น่าจะมีอายุยี่สิบเจ็ดปีไม่รู้ว่าสิบปีมานี้พลังฝีมือของมันจะพัฒนาไปถึงไหน แต่เขามั่นใจด้วยทรัพยากรณ์ของตระกูลหลักเวินเทียนคงเป็นคนเดียวที่ได้เสพสุขเพราะมันถูกวางให้เป็นประมุขคนถัดไป
“อีกสามปีก็จะถึงการประลองประจำตระกูล แต่ข้า” ถังหลงกำหมัดแน่นในดวงตามีความแค้นเคืองเต้นระริก เขาอยากจะทำให้เวินเทียนตกอยู่ในสภาพเช่นเดียวกับเขามั่ง
นับตั้งแต่เขากลายเป็นคนพิการณ์ไม่สามารถบ่มเพาะได้แม้ว่าคนในตระกูลจะไม่มีใครเลยที่ดูถูกเขาแต่ทว่าคนภายนอกกลับมองเขาเป็นแค่ขยะของตระกูล โดยเฉพาะตระกูลซุย ตระกูลฉิน ตระกูลหมิง ทุกครั้งที่คนจากสามตระกูลนี้พบเจอเขามักจะดูแคลนกลั่นแกล้งสารพัด
ที่นี่คือมหาพิภพโต้วหยวนและที่เขาอยู่ในปัจจุบันคือทวีปโต้วหลัวแคว้นโต้วจื่อ ภายในแคว้นโต้วจื่อนอกจากตระกูลจ้าวครองแคว้นแล้วตระกูล ซุย ตระกูลฉิน ตระกูลหมิงและตระกูลเวินถือเป็นขั้วอำนาจสูงสุดของแคว้นพวกเขาถูกเรียกว่าห้ามหาอำนาจโต้วจื่อ แต่แน่นว่าทั้งสี่ตระกูลเป็นเพียงตระกูลสาขาเท่านั้นซึ่งตระกูลหลักของทั้งสี่ตั้งอยู่ที่เมืองเป่ยชางซึ่งเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของภูมิภาคทางเหนือ
ภายในทวีปโต้วหลัวประกอบด้วยสี่ภูมิภาค ในแต่ละภูมิภาคล้วนมีเมืองหลวงของตนเอง และยังแบ่งเป็นแคว้นน้อยใหญ่อีกนับไม่ถ้วน แต่ทว่าผู้ที่กุมอำนาจสูงสุดของทวีปโต้วหลัวแห่งนี้ก็คือห้าสำนักซึ่งถูกเรียกว่าห้าสำนักแห่งโต้วหลัว
แต่ถึงอย่างไรก็ดีในแต่ละแค้วนก็ยังมีตระกูลยิ่งใหญ่เทียบเท่าตระกูลเวินอีกมากมายกระทั่งแข็งแกร่งกว่าเพราะถึงอย่างไรแคว้นโต้วจื่อก็เป็นเพียงจุดเล็กๆบนแผนที่โลกเท่านั้น
พรึบ… ถัวหลงกระดิกนิ้วชี้เปลวไฟสีเขียวอ่อนพลันลุกไหม้ขึ้นบนปลายนิ้วของเขาและทันทีที่เปลวไฟนี้ปรากฎอุณหภูมิในห้องพลันพุ่งสูงขึ้นอย่างฉับพลัน นี่คือเพลิงแก่นแท้ที่มารดาของเขามอบให้มันมีชื่อว่าเพลิงบัวมรกต
“เมื่อห้าปีก่อนข้าบังเอิญได้พบสมุนไพรระดับสวรรค์ หลังจากกินมันเข้าไปก็ทำให้เส้นลมปราณที่ฉีกขาดกลับมาหายดีเป็นปกติ จึงทำให้สามารถใช้พลังจิตวิญญาณในกานเรียกและควบคุมเพลิงบัวมรกตในกายได้อย่างอิสระ”
แต่เพราะจุดตันเถียนของเขาถูกทำลายทำให้ไม่สามารถกักเก็บลมปราณได้ถ้าหากเพลิงบัวมรกตถูกใช้จนหมดก็ต้องรอไปหลายเดือนที่มันจะฟื้นฟูกลับมา แต่ถ้าหากเขามีจุดตันเถียนก็จะสามารถใช้ลมปราณเป็นเชื้อเพลิงให้มัน กล่าวได้ว่าขอแค่ลมปราณไม่หมดเขาก็สามารถใช้เพลิงบัวมรกตได้ไม่จำกัด
“นั่นคงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้” ถังหลงตกอยู่ในอาการหอเหี่ยว แม้ว่าเขาจะมีพลังจิตวิญญาณมหาศาลเกินคนปกติแต่เพราะไม่มีลมปราณทำให้สำแดงประสิทธิภาพของเพลิงแก่นแท้อย่างเพลิงบัวมรกตออกมาไม่ได้เพราะขาดเชื้อเพลิงอย่างลมปราณ
มิหนำซ้ำเพราะไม่มีจุดตันเถียนทำให้การบ่มเพาะของเขาอยู่แค่ระดับกำเนิดหยวนขั้นต้นเท่านั้นและไม่สามารถเลื่อนระดับไปมากกว่านี้ได้อีก
“ถ้ามีสมุนไพรที่ทำให้รักษาจุดตันเถียนได้ก็คงดี” เขาพูดออกมาอย่างไร้ความหวัง สวรรค์เคยทำให้เขาค้นพบกับสมุนไพรรักษาเส้นลมปราณแล้วครั้งหนึ่งคงไม่ใจดีถึงขนาดทำให้เขาค้นพบสมุนไพรที่มีคุณสมบัติรักษาจุดตันเถียนอีกครั้ง
ชายหนุ่มเดินออกจากคฤหาสน์ของตระกูลด้วยใบหน้ารื่นรมณ์โดยที่เก็บซ่อนความข่มขื่นเอาไว้ภายในส่วนลึกของจิตใจเพื่อไม่ให้ใครเห็น
“นายน้อยจะไปเก็บสมุนไพรบนยอดเขาหรือขอรับ” ตามทางคฤหาสน์คนรับใช้และศิษย์ในตระกูลเมื่อเห็นถังหลงพวกเขาจะหยุดทักท้ายด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
สำหรับศิษย์ทุกคนพวกเขาทุกคนล้วนนับถือถังหลงจากก้นบึ้งของหัวใจ แม้ว่าชายหนุ่มจะไร้จุดตันเถียนทำให้ไม่มีลมปราณเขาจึงใช้คลื่นหยวนไม่ได้ แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังเป็นนักปรุงยาระดับสามดาวสิ่งนี้นับเป็นเรื่องมหัศจรรย์ของตระกูลอย่างแท้จริง
ซึ่งตามหลักฟ้าดินผู้ที่ไม่สามารถบ่มเพาะได้จะไม่มีทางเป็นนักปรุงยาได้เช่นกันแต่ทว่าถังหลงกลับต่างออกไปและทุกคนรู้ว่าเขาพยายามเป็นอย่างมาก
“อาหลง เจ้าจะไปยอดเขาอีกแล้วรึ” หญิงสาวอายุประมาณยี่สิบกว่าปีเดินมาขวางทางหลงซัน นางมีใบหน้างดงามราวกับสลักเสลาขึ้นมาจากหยกแม้แต่เทพธิดายังต้องชิดซ้าย
“พี่หญิงมีอะไรหรือป่าว” ถังหลงถามด้วยรอยยิ้ม
“วันนี้อากาศไม่ค่อยดีฟ้าดินพิโรธน่าจะเกิดพายุ ข้าว่าเจ้าไม่ควรไปยอดเขาในเวลานี้” หญิงสาวเตือนด้วยความห่วงใย
“พี่หญิงวางใจเถอะ ข้าจะรีบไปรีบกลับ” เขาตอบอย่างดึงดัน พี่หญิงของเขามีนามว่าอู่เซียน นางไม่ใช่คนของตระกูลเวินแต่เป็นคนที่มารดาของเขาเคยช่วยชีวิตนางไว้เมื่อครั้งที่นางยังเยาวัยน์ ทำให้นับตั้งแต่วันนั้นนางจึงติดตามมารดาของเขามาถึงวันที่มารดาของเขาแต่งงานกับบิดาของเขานางก็ได้อาศัยอยู่ที่ตระกูลเวินจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของตระกูล มิหนำซ้ำนางยังเป็นนักปรุงโอสถระดับห้าดาวเทียบเท่ากับหัวหน้าสมาคมโอสถแห่งแคว้นโต้วจื่อแต่เรื่องนี้ไม่มีผู้ใดล่วงรู้นอกจากตระกูลเวินสาขาแห่งนี้
“เช่นนั้นเจ้าต้องระวังตัวถ้าเกิดอะไรขึ้นให้รีบกลับมาทันที” อู่เซียนกำชับ เขารู้นิสัยของถังหลงดีว่าเป็นคนหัวรั้นขนาดไหน หากสิ่งใดที่เขาตัดสินใจไปแล้วต่อให้เอาช้างมาฉุดก็รั้งเขาไม่อยู่
“อืม” เขายิ้มให้อีกฝ่ายก่อนจะตะบึงหน้าตั้งออกไปจากคฤหาสน์
“ท่านลุง” หลังจากถังหลงจากไปชายวัยกลางคนก็เดินเข้ามาหาอู่เซียนโดยที่สายตาของเขามองแผ่นหลังของเด็กหนุ่มด้วยความโศกเศร้า
“ถ้าเขายิ้มให้ให้ข้าแบบนั้นบ้าง ไม่สิ ถ้าเขาเรียกข้าว่าพ่ออีกสักครั้งชีวิตนี้ข้าคงไม่ขออะไรอีก” เวินหยูกล่าวออกมาด้วยท่าทางที่แสดงออกว่ากำลังสมเพชตัวเอง
นับตั้งแต่เหตุการณ์ประลองประจำตระกูลเมื่อสิบปีก่อนบุตรชายของเขาก็ไม่เคยเรียกเขาว่าท่านพ่ออีกเลย นั่นยังรวมถึงบุตรสาวของเขาอีกคนที่นางไม่แม้แต่จะคุยกับเขา ซึ่งเขาก็เข้าใจได้เพราะตอนนั้นทั้งที่เห็นบุตรชายถูกคนอื่นทุบตีปางตายต่อหน้าแต่เขากลับทำเพียงยืนดูเพราะกลัวอิทธิพลของตระกูลหลัก
“ข้ามันเป็นบิดาที่ไม่ได้เรื่อง” เขาพูดความในใจออกมา สิบปีมานี้เขาสำนึกตัวเองตลอดว่าตนเป็นบิดาที่น่าผิดหวังและล้มเหลวในฐานะบิดา บิดาที่ดีหากเห็บบุตรถูกทุบตีปางตายต่อให้ต้องตัวตายก็ไม่ลังเลที่จะเอาชีวิตเข้าแลกเพื่อช่วยเหลือบุตร
“ท่านลุงอย่าโทษตัวเองเลยเจ้าค่ะ ข้าเชื่อว่าอีกไม่นานพวกเขาจะเข้าใจว่าทุกการกระทำของท่านลุงจะส่งผลต่อตระกูลสาขาของแห่งนี้ทั้งหมด” อู่เซียนเอ่ยปลอบ นางก็เข้าใจความผิดหวังของสองพี่น้องหลงซันและเวินเซียวเซียวที่มีต่อบิดา แต่เวลาเดียวกันนางก็เข้าใจเวินหยูเพราะเขาเป็นประมุขตระกูลสาขาแห่งนี้มีคนในครอบครัวให้ดูแลหลายร้อยชีวิตและทุกการกระทำของเขาจะส่งผลต่อทุกคน ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถทำอะไรตามอำเภอใจได้
“ขอบใจเจ้ามาก จริงสิ ข้าได้ข่าวมาว่าทางตระกูลฉินได้เชิญนักปรุงโอสถระดับสี่มาได้แล้วงั้นรึ” เวินหยูถามด้วยน้ำเสียงกังวล ตระกูลเวินสาขาของเขามีธุรกิจหลักก็คือการค้าขายโอสถและสมุนไพรเรียกได้ว่าประชาชนในแคว้นโต้วจื่อเจ็ดในสิบส่วนล้วนซื้อโอสถจากร้านโอสถของตระกูลเวินทั้งสิ้น
แต่ตลอดหลายปีมานี้ทางตระกูลฉินได้จัดตั้งธุรกิจค้าขายโอสถขึ้นมาแข่งขันกับทางตระกูลเวิน โดยที่ตอนแรกทางตระกูลฉินมีโอสถที่ขายระดับสูงสุดที่โอสถระดับสามดาวต่างจากทางตระกูลเวินที่มีโอสถระดับสี่ดาวขาย ทำให้ทางตระกูลฉินเสาะหานักปรุงโอสถระดับสี่เพื่อเชิญมาปรุงโอสถขายแข่งกับทางตระกูลเวิน
“เจ้าค่ะ ข้ายังได้ยินมาว่าอีกสี่วันข้างหน้าพวกเขาจะนำโอสถระดับสี่ดาวออกมาวางขายในราคาลดถูกลงครึ่งหนึ่ง”
“ฮึ… คงใช้วิธีลดราคามาดึงลูกค้าของทางเราสินะ ข้าหละอยากรู้นักว่าพวกมันจะขายครึ่งราคาไปได้นานแค่ไหน” เวินหยูยิ้มเย๊าะ การปรุงโอสถเม็ดหนึ่งจำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมากเพราะสมุนไพรแต่ละชนิดมีราคาค่อนข้างสูง
หากขายโอสถในราคาต้นทุนสำหรับพ่อค้าก็เท่ากับขาดทุนเพราะเสียแรงฟรีมิหนำซ้ำนักปรุงโอสถระดับสี่ของตระกูลฉินก็เป็นแบบเชิญมาไม่ใช่คนในตระกูลทำให้ต้องจ่ายค่าเหนื่อยให้กับอีกฝ่าย และแน่นอนว่าค่าตัวของนักปรุงโอสถระดับสี่นั้นแพงแสนแพงบางตระกูลทำงานไปร้อยปีก็ยังมีสมบัติไม่พอที่จะจ้างพวกเขาเลยด้วยซ้ำ
แต่ทางตระกูลเวินนั้นมียอดเขาซึ่งมีสมุนไพรมากมายหลายชนิดเป็นของตนเองทำให้ช่วยแบ่งเบาภาระด้านต้นทุน มิหนำซ้ำโอสถระดับสี่อู่เซียนก็เป็นคนหลอมสร้างอีกทั้งยังมีหลงซันที่คอยหลอมโอสถระดับสามทำให้ต้นทุนที่ตระกูลเวินต้องแบกรับมีน้อยมาก
และเพราะทำธุระกิจค้าขายโอสถมานานเวินหยูจึงเข้าใจได้ดีว่าถ้าขายโอสถครึ่งราคาจำนวนมากโดยไม่ได้กำไรเลยในเวลาไม่นานธุรกิจมีแต่จะล้ม
ครื่น… บนท้องฟ้าปรากฎเมฆดำทมิฬปกคลุมพร้อมกับเสียงฟ้าคนองคลื่นลมกรรโชก
ถังหลงกระโดดข้ามกำแพงฤหาสน์ก่อนจะออกวิ่งไปยังภูเขาทางด้านหลังตระกูลด้วยความคล่องแคล่ว แม้ว่าเขาจะบ่มเพาะไม่ได้เนื่องจากไม่มีจุดตันเถียนแต่ สิบปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยขาดตกบกพร่องในการฝึกฝนทักษะต่อสู้เลยแม้แต่วันเดียว ทำให้ร่างกายของเขาค่อนข้างแข็งแกร่งและคล่องแคล่ว หลังจากฝึกฝนด้านการต่อสู้แล้วในแต่ละวันเขายังใช้เวลาทีเหลือหมดไปกับการศึกษาเรื่องสมุนไพร โอสถ และการปรุงพิษ รวมถึงพงศาวดารของมหาพิภพ
ในโลกแห่งการบ่มเพาะการที่คนผู่หนึ่งบ่มเพาะไม่ได้ก็แทบไม่ต่างอันใดกับมูลสัตว์ เขาที่บ่มเพาะไม่ได้จึงต้องอาศัยสิ่งอื่นมาสร้างคุณค่าให้ตัวเองเพราะเขาไม่ต้องการเป็นแค่ขยะ
ชายหนุ่มมาถึงภูเขาของตระกูลเขากวาดตามองรอบด้านเมื่อไม่พบสัตว์อสูรจึงเริ่มออกเก็บสมุนไพร
ฉัวะ!… ขณะกำลังเดินเก็บสมุนไพรเท้าของเขาเหยียบลงบนแผ่นศิลาเก่าแก่ทำให้ถูกเหลี่ยมของมันบาดเท้าส่งผลให้เลือดสีแดงสดหยดลงบนแผ่นศิลา
ถังหลงไม่ได้ใส่ใจอะไรเขาเดินผ่านไปอย่างไม่สนใจแต่ทว่าฝีเท้าของเขาต้องหยุดชะงักอย่างฉับพลันเนื่องจากทางด้านของเขาแผ่นศิลาขนาดสองฝ่ามือกำลังสาดแสงสีแดงเลือดและลอยสูงขึ้นจากพื้นโดยที่ปลดปล่อยกลิ่ยอายดึกดำบรรพ์อันน่าพิศวงออกมา
ถังหลงหันหลังกลับมาด้วยความรวดเร็วเป็นจังหวะเดียวกันกับแผ่นศิลาพุ่งหายเข้าไปตรงหว่างคิ้วของเขา
พรุ้บ… ร่างของถังหลงหงายหลังนอนลงไปบนพื้นจากนั้นเขากรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดตรงหว่างคิ้วสาดแสงสีแดงเลือดเจิดจรัสบาดตา
ความเห็น 0