โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

จุรินทร์ สั่งพาณิชย์ติดตามดูแลราคาน้ำมันปาล์ม ล่าสุดตรึงราคานมไม่ให้ขึ้น

ประชาชาติธุรกิจ

อัพเดต 12 ก.ค. 2565 เวลา 03.54 น. • เผยแพร่ 12 ก.ค. 2565 เวลา 03.27 น.
จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์

“จุรินทร์” เข้มสั่งพาณิชย์ติดตามดูแลราคาน้ำมันปาล์ม หลังราคาปาล์มดิบโลกปรับลด จากอินโดนีเซียเร่งส่งออก คาดสัปดาห์นี้ราคาน้ำมันปาล์มขวดลดลง พร้อมตรึงราคานมด้วย “วิน-วิน โมเดล” ให้ทุกฝ่ายอยู่ได้

วันที่ 12 กรกฎาคม 2565 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงราคาน้ำมันปาล์มขวดบริโภค และการขอปรับขึ้นราคานมและแผนการดำเนินงานของกระทรวงพาณิชย์ว่า สำหรับราคาผลปาล์มขึ้นไปสูงมากในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาจากกิโลกรัมละ 2 บาทกว่า ขึ้นเป็น 4-5 บาท/กก. และไปถึง 11-12 บาท/กก. ซึ่งเกษตรกรได้รับประโยชน์สูงมาก แต่ในช่วงปลายเดือนที่แล้วราคาผลปาล์มปรับลดลง เนื่องจากอินโดนีเซียหันมาเร่งรัดการส่งออกอีกครั้งหนึ่ง

ทั้งนี้ มีผลทำให้ราคาในตลาดโลกปรับลดลง มีส่วนในการทำให้ราคาผลปาล์มปรับลดลงมาในช่วงนี้ แต่อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์ยังคงติดตามสถานการณ์ตลอด ขณะที่ราคาน้ำมันปาล์มขวดบริโภคยังทรงอยู่เพราะเป็นสต๊อกเดิมที่รับซื้อในช่วงที่ราคาผลปาล์มสูงมาก สกัดเป็นน้ำมันปาล์มดิบและน้ำมันปาล์มขวดในช่วงต้นทุนที่สูง

แต่ตนสั่งการไปแล้วก่อนหน้านี้ให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เร่งกำกับให้ปรับลดราคาน้ำมันปาล์มขวดบริโภคลงมาให้สอดคล้องกับต้นทุนให้เร็วที่สุด จะมีตัวเลขสต๊อกล่าสุดกลับเข้ามาอีกครั้งหนึ่งจากการสำรวจล่าสุดในวันนี้ จะเห็นตัวเลขว่าสามารถปรับลดราคาได้เมื่อไหร่ คาดว่าเป็นในช่วงสัปดาห์นี้สอดคล้องกับต้นทุนใหม่ที่เกิดขึ้น

“ตนจะพยายามดูแลผลประโยชน์ของทุกฝ่ายให้ดีที่สุดไม่ต้องกังวล ยึดประโยชน์ของส่วนรวมเป็นหลักเหมือนที่ตนพูดว่าเป็น “วิน-วินโมเดล” ดูแลทั้งเกษตรกร ทั้งผู้ประกอบการ ผู้ผลิตและผู้บริโภคให้อยู่ร่วมกันได้ให้เป็นภาระของแต่ละฝ่ายน้อยที่สุด ให้เป็นประโยชน์กับทุกฝ่ายให้ได้มากที่สุด”

ส่วนกรณีผู้ประกอบการนมขอปรับราคาขึ้น เบื้องต้นมีการเสนอขอปรับขึ้นราคานมผงและนมพร้อมดื่มทั้งพาสเจอไรซ์และยูเอชที แต่กระทรวงพาณิชย์ยังไม่อนุญาตให้มีการปรับราคาขึ้นพยายามตรึงไว้ให้นานที่สุด จนกว่าจะอั้นไม่อยู่จริง ๆ เมื่อต้นทุนปรับสูงขึ้นจนผู้ประกอบการไม่สามารถผลิตต่อได้ ไม่เช่นนั้นจะมีปัญหาของขาด ถ้ามีของขาดจะมีความรู้สึกใหม่ตามมาคือ แพงหน่อยดีกว่าไม่มีของกินต้องพยายามดูให้สมดุลที่สุด รักษาประโยชน์ของทุกฝ่ายไว้ให้ได้มากที่สุด ซึ่งได้ทำความเข้าใจกับผู้ประกอบการและต้องดูด้วยเหตุด้วยผลแต่ละกรณี

ทั้งนี้ หากส่วนไหนจำเป็น ต้นทุนสูงขึ้นมาจริง ต้องพิจารณาใช้เป็นกรณีไม่ใช่อนุมัติให้ปรับราคาทั้งหมดโดยไม่ดูว่าอันไหนสูงขึ้นจริงหรือสูงขึ้นไม่จริง หรือเป็นแค่ข้ออ้างว่าสูงขึ้นในภาพรวม ต้องยอมรับว่าขณะนี้ต้นทุนสินค้าสูงขึ้นจริงในภาพรวม ที่เราเห็นก็คือราคาพลังงานที่ปรับสูงขึ้นไม่ว่าจะเป็นค่าน้ำมัน ค่าไฟฟ้า ค่าแก๊สหุงต้ม ทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้นและค่าขนส่งก็สูงขึ้นตามไปด้วย ต้องให้กระทบกับราคาขายปลีกไปยังผู้บริโภคน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ และสำหรับดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคยังดีขึ้นในช่วงระยะหลังนี้

กระทรวงพาณิชย์มีแผนงานในการเดินหน้าตลอดปี 2565 ประกาศตั้งแต่ต้นปีเพราะกระทรวงพาณิชย์ไม่ได้ดูเฉพาะเรื่องราคาสินค้าอุปโภคบริโภคเท่านั้น แต่ดูในเรื่องของราคาพืชผลการเกษตร การดูแลเกษตรกรในเรื่องประกันรายได้เกษตรกร รวมถึงการค้าชายแดน การเร่งรัดการส่งออกซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างยิ่ง การส่งออกเฉพาะ 5-6 เดือนนี้ เพิ่มขึ้นถึง 13% เงินเข้าประเทศไปแล้ว 4 ล้านล้านบาท ถือว่าเยอะมาก จะต้องปรับบางส่วนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย เป็นรายละเอียดที่ต้องเข้าไปดู แต่แผนรวมทำไว้และเดินหน้าอยู่แล้ว

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...