แพทย์เผยเหตุผล เก็บอาหารร้อนจัดแช่ตู้เย็น ทำอาหารเป็นพิษได้จริงหรือ?
แพทย์เผยเหตุผล เก็บอาหารร้อนจัดแช่ตู้เย็น ทำอาหารเป็นพิษได้จริงหรือ ย้ำการแช่แข็งไม่ใช่วิธีการทำอาหารให้ปลอดภัยจากแบคทีเรียที่สุด
เมื่ออากาศร้อนขึ้นเรื่อย ๆ หลายครอบครัวก็กังวลว่าจะเก็บรักษาอาหารเหลืออย่างไรไม่ให้เน่าเสีย ซึ่งการเก็บผิดวิธีนอกจากทำให้อาหารบูดแล้ว ยังเสี่ยงเกิดอันตรายต่อสุขภาพอีกด้วย
เมื่อเร็ว ๆ นี้ นพ. เจียง โซ่วซาน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคไตอกมาเล่าอุทาหรณ์ของครอบครัวหนึ่งในไต้หวันเกิดอาการเป็นพิษหลังเก็บหม้อซุปร้อน ๆ ลงในตู้เย็นเพราะกังวลว่าอากาศร้อนจะแพร่พันธุ์ แบคทีเรีย งานนี้ ทำเข้าโรงพยาบาลกันยกครัว
ทางทีมข่าวสดจะมาเฉลยเหตุผลว่า ทำไมถึงไม่ควรใส่อาหารร้อนในตู้เย็น ตามรายงานสามารถวางอาหารร้อนไว้ในตู้เย็นได้ แต่ควรแบ่งอาหารร้อนจำนวนมากลงในภาชนะขนาดเล็ก และใส่ภาชนะก้นตื้นเพื่อให้อาหารเย็นเร็วขึ้น
หากใส่อาหารร้อนจัดปริมาณมากไว้ในตู้เย็น อุณหภูมิของตู้เย็นทั้งหมด จะเพิ่มขึ้นซึ่งอาจใช้เวลานานถึง 12 ชั่วโมง เป็นการยากที่จะลดอุณหภูมิลง แถมเกิดไอน้ำจึงทำให้อาหารอื่น ๆ เสียรสชาติและเน่าเสีย อาจเป็นเหตุให้เกิดอาหารเป็นพิษ
โดยมีการแนะนำว่า อาหารที่เน่าเสียง่ายควรเก็บไว้ในตู้เย็นที่มีอุณหภูมิ 40 องศาหรือต่ำกว่าภายใน 2 ชั่วโมงหลังจากทำอาหาร หากทิ้งอาหารไว้ให้เย็น ไม่ได้ผิดฝา และวางลืมหลังจากผ่านไป 2 ชั่วโมง แนะนำให้ทิ้งเพราะแบคทีเรียสามารถเติบโตอย่างรวดเร็วในอาหารที่วางทิ้งไว้ที่อุณหภูมิห้องนานกว่า 2 ชั่วโมงหาก
หากทิ้งอาหารไว้ในห้องหรือกลางแจ้ง ซึ่งมีอุณหภูมิ 90 องศาฟาเรนไฮต์หรือร้อนกว่านั้น ควรแช่เย็นหรือทิ้งอาหารภายในเวลาเพียง 1 ชั่วโมง ทั้งนี้ แม้ว่าอาหารจะถูกแช่เย็นแล้ว อาหารยังคงไม่ปลอดภัยที่อุณหภูมิตู้เย็น ตามกฎทั่วไป USDA แนะนำให้เก็บอาหารเหลือในตู้เย็นไว้ไม่เกินสามหรือสี่วัน
อีกทั้งอาหารแช่แข็งจะฆ่าแบคทีเรียที่เป็นอันตรายซึ่งอาจก่อให้เกิดความเจ็บป่วยจากอาหารได้ ไม่เป็นความจริง แม้แบคทีเรียสามารถอยู่รอดได้ในอุณหภูมิเยือกแข็ง แต่การแช่แข็งไม่ใช่วิธีการทำอาหารให้ปลอดภัย เมื่ออาหารละลาย แบคทีเรียยังคงอยู่และอาจเริ่มเพิ่มจำนวน การปรุงอาหารให้มีอุณหภูมิที่เหมาะสมเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการฆ่าแบคทีเรียที่เป็นอันตราย
นอกจากนี้ แนะนำว่า ก่อนที่จะใส่อาหารลงในตู้เย็น ประชาชนควรใช้พัดลมเป่าระบายความร้อนเพื่อทำให้อาหารเย็นลงจนกว่าอาหารจะมีความใกล้เคียงกับอุณหภูมิห้อง จากนั้นค่อยนำเข้าตู้เย็น นอกจากนี้ ยังเตือนว่าอาหารที่เก็บไว้ในตู้เย็นควรได้รับการตรวจสอบและทำความสะอาดเป็นประจำ
รวมทั้งของต่าง ๆ ในตู้เย็นไม่ควรแออัดเกินไป เพราะอากาศภายในตู้เย็นต้องหมุนเวียนไปทุกซอกทุกมุมของตู้เย็น หากมีของหรืออาหารจำนวนมากเกินไป จะไม่มีช่องว่างให้อากาศหมุนเวียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ อาจส่งผลให้อาหารสูญเสียความสดอย่างรวดเร็ว
ขอบคุณที่มาจาก Epicurious, The Washington State Department of Health Tvbs
ข่าวที่เกี่ยวข้อง