โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

เรื่องสั้น

วัตถุโบราณตระกูลหลี่

นิยาย Dek-D

เผยแพร่ 28 พ.ค. 2567 เวลา 15.24 น. • Li XiaoJie / 李小姐
หลี่เหม่ยถิง นอนโคม่าแค่ 1 เดือน แต่ดวงจิตกลับท่องมิติตามดูชีวิตรันทดของผู้หญิงคนหนึ่งนานนับ 10 ปี จะไม่เดือดร้อนเลยหากหญิงสาวคนนั้นดันไม่ใช่ตัวเธอเอง!!!

<h2 style='display: flex; justify-content: center;'>ข้อมูลเบื้องต้น</h2><p style="text-align:center;" class="indent-a">​</p><p style="text-align:center;" class="indent-a"><span style="color:#1886d0;"><strong><u> ฝากกดเข้าชั้น กดหัวใจกันหน่อยนะค้า</u></strong></span></p><p style="text-align:center;" class="indent-a"><strong><u>คำเตือน:</u></strong><span style="color:#ff4e8d;"><strong> </strong></span><span style="color:#000000;"><strong>เรื่องนี้เป็นนิยายที่มีเนื้อหาค่อนข้างยาว น่าจะมีเกิน 100 ตอนนะคะ</strong></span></p><p style="text-align:center;" class="indent-a"><span style="color:#000000;"><strong>เนื้อเรื่องจะค่อยดำเนินไปไม่ได้กระชับฉับไวมาก นางเอกจะเริ่มแก้ไขชะตาชีวิตจากอายุ 17 ปี</strong></span></p><p style="text-align:center;" class="indent-a"><span style="color:#000000;"><strong>เนื้อหาเริ่มจากเด็กนักเรียนจนก้าวเข้าสู่โลกของวัยทำงาน</strong></span></p><p style="text-align:center;" class="indent-a"><span style="color:#ff1212;"><strong><u>ใครไม่ชอบแนวนี้กดปิดได้เลยค่า</u></strong></span></p><p style="text-align:center;" class="indent-a"><strong>………………..</strong></p><p style="text-align:center;" class="indent-a"><span style="color:#ff1212;"><strong><u>แจ้งเรื่อง E-Book จะการติดเหรียญ</u></strong></span></p><p style="text-align:center;" class="indent-a">หลัง บทที่ 10 เป็นต้นไปจะเริ่มทำการติดเหรียญให้อ่านล่วงหน้าและจะมาเปิดให้่อ่านฟรีวันละตอนค่ะ </p><p style="text-align:center;" class="indent-a">ไรต์กำลังปั่น E-Book เล่ม 1</p><p style="text-align:center;" class="indent-a"><strong>………………….</strong></p><p style="text-align:center;" class="indent-a"><img alt="sds" src="https://cdn.readawrite.com/publicassets/768845/images/GufengLi-web_1716838559.jpg">​</p><p style="text-align:center;" class="indent-a"><img src="https://image.dek-d.com/28/0935/0437/134302982"></p><p style="text-align:center;" class="indent-a"><span style="color:#ff4e8d;"><strong><u>ภาพปก ไม่ใช้ AI</u></strong></span></p><p style="text-align:center;" class="indent-a">ภาพ custom โดยใช้ Element สำเร็จรูป Designed โดยครีเอเตอร์ชาวจีน</p><p style="text-align:center;" class="indent-a">ลิขสิทธิ์เป็นของคนดีไซน์, เจ้าของ Element และนักเขียนร่วมกัน</p><p style="text-align:center;" class="indent-a"><strong>……………….</strong></p><p style="text-align:center;" class="indent-a"><span style="color:#8e44ad;"><strong>หลี่เหม่ยถิง</strong></span><span style="color:#28ae60;"><strong> </strong></span><span style="color:#000000;">นอนโคม่าเพราะอุบัติเหตุ 1 เดือน</span></p><p style="text-align:center;" class="indent-a"><span style="color:#000000;">แต่ดวงจิตกลับผ่านชีวิตเรื่องราวโศกนาฎกรรมต่างมิตินานนับ 10 ปี</span></p><p style="text-align:center;" class="indent-a"><span style="color:#ff1212;"><strong>จะไม่อะไรเลย ถ้าหากมันดันไม่ใช่เรื่องราวของตัวเธอเองเนี่ยสิ!</strong></span></p><p style="text-align:center;" class="indent-a"><span style="color:#000000;"><strong>“อย่ามาเรียก</strong></span><strong>ชั้นว่าแม่</strong><span style="color:#000000;"><strong>!! แกไม่ใช่ลูกของชั้น!!”</strong></span></p><p style="text-align:center;" class="indent-a"><span style="color:#000000;"><strong>“แกมันก็แค่มารหัวขน ลูกชู้ที่พ่อแกอุ้มกลับมาให้ฉันเลี้ยงดู” </strong></span></p><p style="text-align:center;" class="indent-a"><span style="color:#000000;">ช็อกไปกับความจริงที่ถูกปิดบังมาทั้งชีวิต</span></p><p style="text-align:center;" class="indent-a"><span style="color:#000000;">คุณแม่ที่ไม่ใช่แม่ น้องสาวที่รักที่ไม่ได้รักเธอ</span></p><p style="text-align:center;" class="indent-a"><span style="color:#000000;"><strong>“จุ๊ ๆ คุณแม่ดูสิคะ สารรูปนเหม่ยถิงดูไม่ได้เลย นี่คงใกล้จะตายเต็มทีทางแพทย์เจ้าของไข้ถึงโทรไปตามให้เรามาดูใจมันนะคะ” </strong></span></p><p style="text-align:center;" class="indent-a"> </p><p style="text-align:center;" class="indent-a"><span style="color:#ff1212;"><strong>หลี่เหม่ยถิง เธอเลิกโง่งมได้แล้ว!!</strong></span></p><p style="text-align:center;" class="indent-a"><span style="color:#000000;"><strong>……………………………….</strong></span></p><p style="text-align:center;" class="indent-a">มาเอาใจช่วยยัยน้อง ที่ต้องเปลี่ยนชะตาชีวิตเลวร้ายในทุกมิติเวลาให้ไปในทางที่ดีขึ้น</p><p style="text-align:center;" class="indent-a">พร้อมไขปริศนาชาติกำเนิดที่ได้รู้มาสด ๆ ร้อน ๆ ของตัวเอง</p><p style="text-align:center;"><span style="color:#ff1212;"><strong><u>Trigger Warning!</u></strong></span></p><p style="text-align:center;">นิยายต่อไปนี้ เป็นนิยายเฉพาะสำหรับผู้ใหญ่ มีเนื้อหาที่เหมาะสมกับ</p><p style="text-align:center;">ผู้ที่มีอายุมากกว่า 18 ปีขึ้นไป เนื้อหามีความรุนแรง มีบทบรรยายเกี่ยวกับ</p><p style="text-align:center;">เพศสัมพันธ์ที่ชัดเจน  มีถ้อยคำหยาบคาย</p><p style="text-align:center;">มีบางฉากบางตอนที่ก้าวร้าวรุนแรง การกระทำผิดต่อกฏหมาย ขัดต่อศีลธรรม</p><p style="text-align:center;">ทางผู้เขียนมิได้มีเจตนาในการส่งเสริมการกระทำผิด หรือมิชอบด้วยกฏหมาย</p><p style="text-align:center;"> โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน</p><p style="text-align:center;">♪♫*•♪</p><p style="text-align:center;">สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบญั ญตัิลิขสิทธิ์พ.ศ. 2537 และ (ฉบับเพิ่มเติม) พ.ศ. 2558</p><p style="text-align:center;">ห้ามคัดลอกหรือดัดแปลงส่วนหนึ่งส่วนใดของหนังสือเล่มนี้ ไปคัดลอก</p><p style="text-align:center;">ทำซ้ำ ดัดแปลง แก้ไข รวมเล่ม สแกน ถ่ายรูป แปลเป็นภาษาอื่น จัดพิมพ์</p><p style="text-align:center;">เพื่อนำออกเผยแพร่โดยมิได้รับการอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรเด็ดขาด</p><p style="text-align:center;" class="indent-a"> </p><p style="text-align:center;" class="indent-a"> </p><p style="text-align:center;" class="indent-a"><br> </p><p style="text-align:center;" class="indent-a">​</p><hr/><h2 style='display: flex; justify-content: center;'>บทนำ ท่องฝันนานนับ 10 ปี ก็แค่ตื่นหนึ่ง</h2><p class="indent-a">ปี 1997</p><p class="indent-a">ณ โรงพยาบาลเอกชน ฝูต้า</p><p class="indent-a"><strong>“อย่ามาเรียกชั้นว่าแม่!! แกไม่ใช่ลูกของชั้น!!”</strong></p><p class="indent-a">“แกมันก็แค่มารหัวขน ลูกชู้ที่พ่อแกอุ้มกลับมาให้ฉันเลี้ยงดู”</p><p class="indent-a">“จุ๊ ๆ คุณแม่ดูสิคะ สารรูปนังเหม่ยถิงดูไม่ได้เลย นี่คงใกล้จะตายเต็มทีทางแพทย์เจ้าของไข้ถึงโทรไปตามให้เรามาดูใจมันนะคะ”</p><p class="indent-a">“ดูสิเสื้อผ้าหน้าผมสารรูปผีไม่ใช่คนไม่เชิงนี่ก็ผลงานชิ้นเอกของฉันทั้งนั้น”</p><p class="indent-a">ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า</p><p class="indent-a">ถ้อยคำเสียดแทง เสียงหัวเราะเย้ยหยันสะใจดังก้องสะท้อนไปมาภายในจิตใต้สำนึกที่หลับไหลของผู้ป่วยอาการโคม่า มีหยาดน้ำสีใสก่อตัวที่หางตา ร่างผอมบางขาวซีดที่นอนแน่นิ่งมากว่า 1 เดือนเกร็งกระตุก</p><p class="indent-a">“คนไข้วิกฤติ เตียง 1 มีการตอบสนอง โทรตามอาจารย์เย่!!!” </p><p class="indent-a">เสียงพูดรัวเร็วเป็นจังหวะทะลุผ่านโสตประสาทของร่างขาวบอบบางที่กำลังอยู่ในสภาวะกึ่งหลับกึ่งตื่น สติและความรับรู้ภายนอกยังไม่กลับมาสมบูรณ์ เพียงรู้สึกได้ลาง ๆ เหมือนเปลือกตาถูกแยกออก มีแสงสว่างจ้าส่องตรงเข้านัยน์ตาดอกท้อจนต้องพยายามกระพริบกั้นแสง ไม่นานสติสัมปชัญญะก็ดับวูบลงอีกครั้ง</p><p class="indent-a"> </p><p class="indent-a"> </p><p class="indent-a">3 วันผ่านไป</p><p class="indent-a">“รุ่นพี่คะ คนไข้ห้องพิเศษ 3 ไม่มีคนทางบ้านมาเฝ้าไข้เลยเหรอคะ? “</p><p class="indent-a">“จุ๊ ๆ อย่าเอ็ดไปนะอาจืดอ นั่นคุณหนูหลี่ลูกสาวคนโตของท่านประธานหลี่” </p><p class="indent-a">“ห๊า! เรื่องจริงเหรอเนี่ย ไม่ใช่ว่าประธานหลี่มีลูกสาวคนเดียวเหรอคะ เท่าที่ฉันเคยเห็นมีแค่คุณหนู<strong>หลี่เหม่ยหลิน</strong>มากับคุณนายหลี่เท่านั้น แล้วคุณนายไม่มาเฝ้าลูกสาวคนโตเลยเหรอ เธอนอนโคม่าเกือบเดือนเลยนะคะพี่” </p><p class="indent-a">“นี่…อย่าพูดไปล่ะ ฉันเห็นคุณนายกับคุณหนูรองเข้าไปเยี่ยมท่านประธานที่ห้องพิเศษ 1 ทุกวัน แต่ไม่แวะมาห้องนี้เลยน่ะสิ” </p><p class="indent-a">“เฮ้อ…น่าสงสาร…ตลอดเดือนมานี้มีเพียงหญิงและชายสูงวัยมาเยี่ยม ฉันยังนึกเลยว่าเป็นปู่ย่าของคนไข้เสียอีกนะคะ” </p><p class="indent-a">“ปู่ย่าอะไรกันล่ะ นั่นแม่นมของเธอกับพ่อบ้านของตระกูลหลี่ เธอเพิ่งมาทำงานที่นี่อาจจะไม่รู้จัก แต่คนในโรงพยาบาลนี้คุ้นหน้าคุ้นตา 2 คนนั้นดี” </p><p class="indent-a">เสียงกระซิบกระซาบด้านนอกบานประตูห้อง ทำให้ <strong>หลี่เหม่ยถิง </strong>ที่กำลังนอนรวบรวมสติอยู่บนเตียงแคบของห้องพักพิเศษในโรงพยาบาลของครอบครัวตัวเองถึงกับชะงักงัน</p><p class="indent-a">‘ครอบครัว’ เธอยังมีสิทธิใช้คำนี้เรียกขานคุณแม่ผู้แสนเช้มงวดและน้องสาวผู้อ่อนหวานอยู่อีกหรือ บุคคลที่เธอคิดมาตลอดช่วงอายุ 17 ปีว่าทั้งสองคือคนในครอบครัวจึงทุ่มเทความรัก พยายามเอาอกเอาใจ ปล่อยผ่านความเมินเฉย ยินยอมให้ทุกอย่างตามที่น้องสาวร้องขอ</p><p class="indent-a">“ลูกเป็นพี่ ต้องรักน้องให้มากมีอะไรก็ต้องคิดถึงน้อง เสียสละให้น้อง” </p><p class="indent-a">นี่คือคำพูดติดปากของผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเป็นคุณแม่ของเธอ คุณแม่มักพูดกรอกหูย้ำเตือนด้วยน้ำเสียงเข้มงวดเรียบเฉย</p><p class="indent-a">“ลูกเป็นลูกสาวคนโตของตระกูล แม่ถึงต้องเข้มงวดกับลูก ถ้าเข้าใจแล้วก็เก็บข้าวของเตรียมไปเรียนโรงเรียนประจำที่ไท่หยวนเสีย” </p><p class="indent-a">เหตุผลที่เด็กหญิงในวัย 7 ขวบได้รับจาก ‘คุณแม่’ หลังจากเดินร้องไห้น้ำตาอาบหน้าไปขอร้องไม่ให้ส่งเธอไปเรียนโรงเรียนประจำอันห่างไกล</p><p class="indent-a">“ลูกเป็นลูกสาวตระกูลหลี่ ต้องรักษาภาพลักษณ์หน้าตาของตระกูลไม่ให้คนนอกมาดูถูกว่าแต่งตัวไม่เหมาะสมเอาได้ แม่ถึงต้องเลือกเสื้อผ้าที่ดูเรียบร้อยมิดชิดให้กับลูก” </p><p class="indent-a">เธอไล่ทบทวนความทรงจำและคำพูดของคุณแม่ที่ผ่านมา หลังจากตัดความรักที่มีต่อผู้เป็นบุพการีออกไป มองสิ่งเหล่านั้นจากมุมมองของคนนอก รอยยิ้มติดเศร้าให้ความรู้สึกกึ่งสมเพชกึ่งเย้ยหยันตัวเองขยับขยายกระจายบนใบหน้า</p><p class="indent-a">จำได้ว่าครั้งนั้นคุณพ่อกลับมาจากงานสัมมนาที่ต่างประเทศ ประกอบกับลูกสาวคนโตปิดเทอมภาคฤดูร้อนกลับมาอยู่บ้าน 3 เดือน คุณพ่อที่งานยุ่งตลอดทั้งปีพอมีเวลาว่างเล็กน้อยจึงคิดพาครอบครัวออกไปเที่ยวเล่น</p><p class="indent-a">ครอบครัวเราพากันมาที่ห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในตัวเมือง น้องสาววัย 6 ขวบค่อนข้างดื้อรั้นและซุกซนคุณพ่อคุณแม่จึงต้องคอยจับจูงไม่ให้พลัดหลง ส่วนตัวเธอมีคนงานคนหนึ่งของบ้านคอยจูงมือเดินตามมาทางด้านหลัง ได้แต่เฝ้ามองมือของพ่อแม่ตัวเองทางด้านหน้าด้วยสีหน้าแววตาเหงาหงอยและโหยหา</p><p class="indent-a">มองคุณแม่ที่กำลังเลือกซื้อชุดกระโปรงพองฟูสีหวานสวยให้น้องสาว เลือกแล้วเลือกอีกอยู่นานจึงตัดสินใจซื้อมาทั้งหมด ส่วนในมือของตัวเองมีชุดสีเทาเข้มแบบแขนยาวเรียบร้อยที่คุณแม่ใช้เวลาหยิบจับไม่ถึง 3 นาทีก็ยื่นส่งให้อย่างไม่ใส่ใจนักอยู่ 1 ชุด</p><p class="indent-a">“คุณแม่คะ หนูขอซื้อชุดนี้ด้วยอีกชุดได้ไหมคะ” เสียงเล็กเบาแกมประหม่าเปล่งถามออกไป ดวงตาจดจ้องเว้าวอน</p><p class="indent-a">คิก คิก ฮ่า ฮ่า</p><p class="indent-a">เสียงหัวเราะขมขื่นหลุดรอดจากลำคอแห้งผาก ยังต้องคิดทบทวนอะไรอีก ภายในบ้านหลังนั้นหากเป็นสิ่งที่เธอร้องขอบุคคลที่ได้ชื่อว่าเป็นคุณแม่ไม่เคยตอบตกลงแม้สักครั้ง มักจะมีเหตุผลกล่าวอ้างร้อยแปดเพื่อปฏิเสธ</p><p class="indent-a">“โง่งม หลี่เหม่ยถิงหนอหลี่เหม่ยถิง เธอมันตัวตลกที่ถูกจับหมุนเล่นอยู่บนฝ่ามือของคนอื่น” </p><p class="indent-a">“ฉันไม่ได้ว่าพี่นะคะ ฉันพูดถึงตัวเองนี่ล่ะ” เสียงหวานราบเรียบพึมพำเหมือนพูดกับตัวเอง แต่สายตากลับปรายจับไปยังเงาร่างโปร่งใสทางขวาของเตียง</p><p class="indent-a">ร่างนั้นเป็นหญิงสาววัยสามสิบท่วงท่าหม่นเศร้า วงหน้ารูปไข่หวานสีเหลืองซีดมีเค้าความงามเป็นเอก หากแต่มีริ้วรอยแห่งการผ่านการใช้ชีวิตที่ไม่ราบรื่นให้เห็นประปราย ถ้าคนภายนอกสามารถมองเห็นคงได้ออกอุทานตื่นตกใจถึงความเหมือนกันของร่างบอบบางบนเตียงคนไข้กับหญิงวัยกลางคนคนนี้</p><p class="indent-a">เงานั้นขยับส่ายหัวเพียงเล็กน้อยพร้อมทั้งแย้มปากยิ้มบาง ขยับริมฝีปากพูดบางอย่างออกมา แม้ไร้เสียงหลี่เหม่ยถิงยังสามารถอ่านริมฝีปากเป็นคำได้ว่า ‘ใช้ชีวิตให้ดี พี่ต้องไปแล้ว’ </p><p class="indent-a">อ่านได้ใจความแล้วทำให้จิตใจที่คิดว่าด้านชาไร้ระลอกคลื่นกลับวูบโหวง ความรู้สึกสูญเสียจุกแน่นอยู่ในอกจนหายใจไม่ออก มือบางผอมแห้งสั่นเทากดขย้ำบนอกซ้าย อ้าปากกอบโกยลมหายใจเข้าปอด</p><p class="indent-a">“พีเหม่ยถิง… ตะ… ต้องไปแล้วเหรอคะ” เสียงสั่นเครือแหบแห้งกว่าจะเค้นคำพูดจนจบประโยคก็เล่นเอาร่างเล็กของสาวน้อยวัย 17 สั่นไหวทั้งตัว</p><p class="indent-a">ดวงตาดอกท้อดำขลับคลอขังด้วยหยาดน้ำสีใส ดวงหน้าหวานรูปไข่มองเหม่ออย่างไร้จุดหมายหวนนึกถึง ‘ความฝัน’ ไม่สิจะเรียกความฝันก็ไม่ถูกนัก เพราะพี่เหม่ยถิงมีตัวตนอยู่ตรงหน้านี่แล้ว</p><p class="indent-a">ความฝันนั้นคือประสบการณ์ชีวิตตลอด 10 ปีของผู้หญิงคนหนึ่งที่ชื่อ ‘หลี่ เหม่ยถิง’ </p><p class="indent-a">ไม่ใช่คนชื่อเหมือน แต่เป็นตัวตนของพวกเธอทั้งสองในต่างห้วงเวลาต่างมิติ พี่เหม่ยถิงจับจูงมือของเธอยามดวงจิตตกอยู่ในภวังค์ว่างเปล่าหลังอุบัติเหตุรถชนที่เกือบคร่าชีวิตของเธอเมื่อหนึ่งเดือนก่อน</p><p class="indent-a">การมาถึงของดวงจิตที่แตกดับไปแล้วจากอีกห้วงมิติเวลา ผลของหยกจักพรรดิสีเลือด พี่เหม่ยถิงมาเพื่อแสดงให้เห็นชะตาชีวิตและจุดจบของพวกเราที่ในแต่ละมิติคงจะไม่แตกต่างกันมาก หากยังไม่ตาสว่างและหลงเชื่อไปกับคำลวงของบุคคลที่เธอเชื่อหมดใจว่าเป็นคนในครอบครัว</p><p class="indent-a">การเดินทางนี้ใช้เวลาร่วม 10 ปี ดวงจิตของเธอได้แต่ติดตามเฝ้ามอง <strong>‘หลี่ เหม่ยถิง’ </strong>อีกคนใช้ชีวิตในแต่วันผ่านไปตามคำสั่งและคำแนะนำอันเข้มงวดของผู้เป็นแม่ ชีวิตถูกตีกรอบทั้งเรื่องการวางตัว เสื้อผ้า การทำงาน หรือแม้แต่การแต่งงานยังไม่มีสิทธิ์เลือก </p><p class="indent-a">ชีวิตทั้งชีวิตเหมือนจะราบรื่น ‘หลี่ เหม่ยถิง’ เกิดมาเป็นทายาทรุ่นสองของตระกูลหลี่ที่มีเครือกิจการโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังในเฉิงตู คุณพ่อเป็นศัลยแพทย์สมองชื่อดังระดับประเทศ มีคุณแม่ที่ได้ชื่อเรื่องคุณธรรม ทำงานสาธารณกุศลมากมาย น้องสาวผู้งดงามอ่อนหวานโด่งดังในวงสังคมชั้นสูง</p><p class="indent-a">แท้จริงสิ่งเหล่านี้เป็นเพียงภาพมายาในฟองสบู่ หลี่เหมยถิงหลังเรียนจบบริหารเข้ามาบริหารงานกิจการโรงพยาบาลฝูต้า เฝ้าต่อสู้กับพวกตาแก่หัวโบราณในโลกธุรกิจที่เชิดชูผู้ชายเป็นใหญ่กดข่มผู้หญิง</p><p class="indent-a">ผ่านชีวิตการทำงานได้ 5 ปี ก็ต้องแต่งงานกับ<strong> </strong>‘<strong>จ้าว อิงสง’ </strong>ตามคำสั่งของผู้เป็นแม่ สามีคนนี้คือจุดเริ่มต้นของความล้มเหลวในชีวิตและประตูสู่ความตายของ ‘หลี่ เหม่ยถิง’ </p><p class="indent-a">จ้าว อิงสง เป็นทายาทคนเล็กของตระกูลจ้าว ตระกูลมีธุรกิจโรงแรมขนาดกลางหลายสิบแห่งครอบคลุมทั่วมณฑลเสฉวน เรียกได้ว่าเป็นการจับคู่ที่ดีหากดูเพียงฐานะทางสังคม </p><p class="indent-a">‘รู้ตัวซะบ้าง เธอมันจืดชืดไร้สเน่ห์ ใครมันจะอยากนอนกอดท่อนไม้’ จ้าว อิงสงโยนคำพูดมักง่ายใส่ภรรยาอย่างหลี่เหม่ยถิง</p><p class="indent-a">‘แต่งงานมา 3 ปี เธอยังไม่ท้องเลย แม่ไก่ที่ออกไข่ไม่ได้แบบเธอจะรอให้อิงสงของฉันไร้ทายาทหรือยังไง พอเด็กคลอดก็รับมาเลี้ยงในชื่อเธอก็ได้ เธอกับอิงสงจะได้มีทายาทมีคนคอยเลี้ยงดูยามแก่เฒ่า’ แม่สามีที่ดูใจดีพูดออกมาเรียบง่าย ไม่มีการกล่าวโทษคนทำผิดอย่างลูกชายตัวเอง</p><p class="indent-a">‘คุณนายเล็กเป็นหมันหรือเปล่า แต่งเข้าตั้งหลายปีไม่ยักกะท้อง คุณชายเล็กเหลวไหลนิดเดียว ดูสิเสี่ยวซานข้างนอกจะคลอดแล้ว’ เสียงพูดแผ่วเบาดังมาจากโถงรับแขกของบ้านตระกูลจ้าว</p><p class="indent-a">คนพูดไม่ตั้งใจ แต่ทำเอาหลี่ เหม่ยถิงสะอึกอึ้ง กำเอกสารทางการแพทย์ในมือจนยับยู่ เอกสารการตรวจร่างกายที่แสดงว่าเธอมีภาวะมีบุตรยาก ดวงหน้าซีดสีผิวค่อนไปทางเหลืองมีรอยยิ้มปลดปลงหมุนตัวเดินออกไป ตั้งใจกลับบ้านตระกูลหลี่</p><p class="indent-a">“ตายจริง…ลูกเป็นหมัน อย่าให้ใครรู้เรื่องนี้ ในเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้วอย่าเพิ่งหย่าเลยมันจะมีผลกระทบกับชื่อเสียงของโรงพยาบาลของเราได้ เชื่อแมคิดเผื่อลูกเสมอ” </p><p class="indent-a">“แต่แม่คะ…หนู หนูทนอยู่บ้านหลังนั้นไม่ไหว” </p><p class="indent-a">“วันนี้ลูกก็นอนที่บ้านสักคืนพรุ่งนี้ค่อยกลับไป ลูกจะยอมให้ผู้หญิงหยำฉ่ามาทำให้พ่ายแพ้ไม่ได้ ลูกมีทะเบียนสมรสนะ เอาตามที่แม่ว่า ตอนนี้ขึ้นห้องของลูกไปก่อน” </p><p class="indent-a">แต่เช้าวันรุ่งขึ้นกลับมีข่าวลือกระจายไปทั่วว่าทายาทคนโตของตระกูลหลี่เป็นหมัน</p><p class="indent-a">“นี่เธอกล้าหลอกลวงตระกูลจ้าวของเรางั้นเหรอ นังแม่ไก่ไข่ไม่ออก นังตัวกาลกิณี คอยดูฉันจะฟ้องแก ไม่ต้องกลับมาเหยียบบ้านของฉันอีกนะ” </p><p class="indent-a">โครม</p><p class="indent-a">ตรู๊ด…</p><p class="indent-a">‘หลี่เหม่ยถิง’ ยกโทรศัพท์แนบหูค้างไว้อย่างมึนงงจับต้นชนปลายไม่ถูก เธอไม่เข้าใจว่าเรื่องแดงออกไปได้ยังไงเพราะคนที่รู้เรื่องมีเพียงเธอและ ‘คุณแม่’ เท่านั้น</p><p class="indent-a">ไม่นานหมายศาลก็ถูกส่งตรงมายังบ้านตระกูลหลี่ เธอถูกฟ้องหย่าเหตุผลเพราะหลอกหลวงให้แต่งงานโดยไม่ยอมบอกว่าเป็นหมัน แทนที่เหยื่ออย่างเธอที่ถูกสามีนอกใจจะยื่นฟ้องกลับกลายเป็นจำเลยสังคมเสียเอง</p><p class="indent-a">ทั้งหมดนี้อยู่ในสายตาของดวงจิตของหลี่เหม่ยถิงและพี่เหม่ยถิง เธอติดตามชีวิตของหลี่เหม่ยถิงคนนี้จากสาวน้อยสู่วัยสาว จนตอนนี้เธอมายืนอยู่ข้างเตียงผู้ป่วยในห้องพักพิเศษของโรงพยาบาลฝูต้า มองดูใบหน้าซูบตอบ ผิวพรรณและนัยน์ตาเหลือง ใต้ตาดำคล้ำจากการนอนไม่หลับเพราะความทรมาน</p><p class="indent-a">หลี่เหม่ยถิงคนนี้เหมือนตะเกียงขาดน้ำมันที่เปลวไฟกำลังจะมอดดับ ลมหายใจผ่านออกมาแต่ละครั้งด้วยความยากลำบาก ‘มะเร็งตับ’ กำลังกัดกินชีวิตของเธอมันถูกส่งผ่านมาจากสามีที่เป็นพาหะของไวรัสตับอักเสบชนิดบี</p><p class="indent-a">ครืด!</p><p class="indent-a">‘คุณ…แม่ หลินหลิน มาเยี่ยมหนูกันเหรอคะ’ เสียงแหบแห้งแต่บ่งบอกความยินดีเต็มเปี่ยมดังแแผ่วเบาจากร่างผอมจนเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก</p><p class="indent-a">กริ๊ก!</p><p class="indent-a">มือขาวของหญิงสาวผู้มาใหม่ปิดประตูห้องทันที แล้วค่อย ๆ ก้าวเดินไม่รีบไม่ร้อนไปยังเตียงอีกด้าน</p><p class="indent-a">“จุ๊ ๆ คุณแม่ดูสิคะ สารรูปนังเหม่ยถิงดูไม่ได้เลย นี่คงใกล้จะตายเต็มทีทางแพทย์เจ้าของไข้ถึงโทรไปตามให้เรามาดูใจมันนะคะ” </p><p class="indent-a">เรียวปากสีชมพูยิ้มอ่อนหวาน แต่คำพูดที่พ่นออกมากลับเสียดแทง น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเกลียดชังขยะแขยง</p><p class="indent-a">“หลินหลิน! น้องพูดอะไร แค่ก ๆ” หลี่เหม่ยถิงไอหอบอย่างหนัก ร่างกระตุกเกร็งเพราะความเจ็บปวด ตกตะลึงจากคำพูดที่คาดไม่ถึงของน้องสาวที่เธอรักนักหนา</p><p class="indent-a">“คุณแม่ พูด แค่ก แค่ก อะ…ไรหน่อยสิคะ” หลี่เหม่ยถิงหันกลับมาพูดกับมารดาด้วยแววตาสับสน แต่สิ่งที่เห็นบนใบหน้าที่ตกแต่งมาอย่างดีของคนเป็นแม่กลับเป็นรอยยิ้มยินดีกว้างขวางจนดวงตาเปล่งประกายความสุข ออร่ารอบตัวแทบจะดูสว่างจนตาพร่ามัว</p><p class="indent-a">ไร้วี่แววของความเป็นห่วงของคนในครอบครัวบนใบหน้านั้น</p><p class="indent-a">“คุณแม่..” </p><p class="indent-a"><strong>“อย่ามาเรียกชั้นว่าแม่!! แกไม่ใช่ลูกของชั้น!!” </strong>เสียงกระซิบเกรี้ยวกราดเยาะหยันกรอกเน้นทีละคำอยู่ข้างหมอน</p><p class="indent-a">ดวงตาดอกท้อเบิกโต ร่างกายเกร็งกระตุก ปากอ้าค้างแบบคนตกใจสุดขีด ในดวงตามีแต่ความสับสนเศร้าโศก ความไม่เข้าใจฉายชัด ขอบตาและหางตาแดงระเรื่อ น้ำตารินรดลงบนแก้มตอบ</p><p class="indent-a">“แกมันก็แค่มารหัวขน ลูกชู้ที่พ่อแกอุ้มกลับมาให้ฉันเลี้ยงดู” </p><p class="indent-a">“มะ มะ ไม่ ไม่ ไม่จริง แม่รักหนู แม่เลี้ยงหนูอย่างดีมาตลอด” </p><p class="indent-a">“ฮ่า ฮ่า ฮ่า แม่คะ ดูนังโง่นี่สิ มันยังพยายามหลอกตัวเอง มีผู้หญิงคนไหนจะรักลูกชู้บ้างฮะ!!! นังหน้าโง่ หนูไปนั่งรอที่โซฟานะคะเสียเวลาเสวนากับมันทำไมก็ไม่รู้” </p><p class="indent-a"><strong>‘ติง หรูอี้’ </strong>หรือคุณนายหลี่ที่คนในสังคมเรียกขาน ลดสายตาลงมองลูกเลี้ยงที่เลี้ยงดูมานานถึง 30 ปีด้วยสายตากดข่ม กวาดมองตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า รอยยิ้มยินดีประกายสุขสมใจไม่อาจปิดบังไว้ได้อีกต่อไป</p><p class="indent-a">ฮ่า ฮ่า ฮ่า</p><p class="indent-a">“ในที่สุด ฮ่า ฮ่า ในที่สุด ดี ดี ดี เหลือเกิน ผ่านมา 30 ปีวันที่ฉันรอคอยก็มาถึงจนได้” เสียงหัวเราะสะใจกึกก้องห้องพักผู้ป่วย หากคนผ่านมาได้ยินคงคิดว่าห้องนี้กำลังมีเรื่องน่ายินดีเกิดขึ้น</p><p class="indent-a">“แกรู้หรือเปล่า ว่าฉันต้องลงมือลงแรงสมองไปกับแกขนาดไหน?” เสียงพึมพำพูดกับตัวเองอย่างไม่หวังคำตอบ </p><p class="indent-a">“ต้องคอยสอนให้แกรู้จักเจียมเนื้อเจียมตัว ไม่เผยอหน้ามาเทียบชั้นลูกสาวที่แท้จริงของฉันได้ ดูสิเสื้อผ้าหน้าผมสารรูปผีไม่ใช่คนไม่เชิงนี่ก็ผลงานชิ้นเอกของฉันทั้งนั้น” </p><p class="indent-a">“ฮึก คุณแม่ หมายความว่าไงคะ” เสียงครางปนสะอื้นเอ่ยถาม</p><p class="indent-a">“แกคิดว่าทั้งเสื้อผ้าไร้รสนิยมยังกับคนแก่ หน้าผมเฉิ่มเชย บุคลิกมืดมนของแกนี่มันเรื่องบังเอิญหรือไง หึ แกมันโง่ว่าง่ายจริง จุ๊ จุ๊ จุ๊ ชั้นพูดอะไรก็เชื่อบอกอะไรก็ทำตาม มันสนุกมากเชียวล่ะ” </p><p class="indent-a">“มันว่าง่าย เลี้ยงเชื่องยิ่งกว่าหมาบ้านเพื่อนหนูอีกค่ะแม่ คิกคิก” </p><p class="indent-a">“จริงจ้ะ หลินหลิน ลูกรัก” </p><p class="indent-a">ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า</p><p class="indent-a">สองแม่ลูกในห้องหัวเราะออกมาไม่สนความรู้สึกคนบนเตียงที่เคยเรียกขานกันเป็นพี่หรือลูกแม้แต่น้อย หัวใจของหลี่เหม่ยถิงแตกสลายไม่เหลือชิ้นดี เจ็บปวดซ้ำซากจากการเฝ้ารอและร้องขอความรักจากแม่</p><p class="indent-a">พรวด! แค่ก แค่ก</p><p class="indent-a">เลือดสีแดงสดพ่นออกมาจากริมฝีปากแห้งแตก ส่วนหนึ่งล่วงผ่านลำคอจนสำลักกระอักกระไอ</p><p class="indent-a">“อ้ออออ ไหน ๆ แกก็ใกล้จะตายแล้ว ฉันจะบอกความจริงให้แกได้รับรู้ไว้ก่อนไปปรโลก เผื่อโลกหน้าจะได้ฉลาดขึ้นมาเสียบ้าง เรื่องที่แกเป็นหมันนั่นก็เพราะสมุนไพรบำรุงที่ฉันให้แกกินตลอด 5 ปีหลังเรียนจบ ส่วนจ้าวอิงสงนั่นฉันก็รู้ว่าเป็นพาหะของไวรัสตับอักเสบบี แต่ไม่คิดว่าแกจะโชคดีขนาดป่วยเป็นมะเร็งทั้งที่โอกาสเป็นก็ไม่ได้มาก ทุกอย่างมันเข้าทางฉันไปเสียหมด” </p><p class="indent-a">“กลับกันเถอะลูกหลินหลิน ที่นี่ไม่มีค่าอะไรให้นึกถึงแล้ว ก็แค่ชีวิตของนังเด็กไร้ค่าไร้ราคากำลังจะตาย เรากลับไปใช้เงินที่มันขยันหามาให้เราถลุงตลอด 7-8 ปีนี่กันดีกว่า” </p><p class="indent-a">“ไปค่ะแม่ หนูเบื่อจะแย่แล้วเราไปชอปปิ้งกันดีกว่า กระเป๋าที่หนูสั่งไว้เข้ามาพอดี ต้องขอบคุณความสามารถของนังสวะนี่ ถึงมันจะโง่แต่มันก็หาเงินเก่งจริง ๆ” หลี่เหม่ยหลินเดินมาเกาะแขนผู้เป็นแม</p><p class="indent-a">ปัง!</p><p class="indent-a">เสียงประตูปิดลงพร้อมความสิ้นหวังกัดกินสติรับรู้ของหลีหมียถิง ม่านตาแตกสลายโลกทั้งใบพังทลาย แขนขาไร้เรี่ยวแรงแม้แต่จะขยับเขยื้อน</p><p class="indent-a">ผ่านไปเนิ่นนาน ตกดึกภายในห้องเงียบสงัดไร้สุ้มเสียงสิ่งมีชีวิตใด ๆ มีเพียงเสียงสัญญาณต่าง ๆ ของอุปกรณ์การแพทย์ในห้อง </p><p class="indent-a">“คุณสองคนมองดูอยู่ตรงนั้นตลอดเลยหรือ” เสียงแผ่วเบาตัดผ่านความเงียบ หลี่เหม่ยถิงจดจ้องไปที่ปลายเท้าซึ่งมีเงาโปร่งแสงสองร่างยืนอยู่</p><p class="indent-a">!!!</p><p class="indent-a">หลี่เหม่ยถิงและพี่เหม่ยถิงไม่คาดคิดว่า หลี่เหม่ยถิงของมิตินี้จะรู้สึกถึงตัวตนของพวกเธอ ไม่เคยมีสัญญาณบอกมาก่อน</p><p class="indent-a">“แปลกใจหรือ? เมื่อก่อนเห็นเป็นเพียงกลุ่มพลังงานเบาบางที่คอยตามมา แต่มาวันนี้ไม่รู้ทำไมเห็นรูปร่างหน้าตาชัดเจน พวกเราเหมือนกันเหลือเกิน” </p><p class="indent-a">…</p><p class="indent-a">ภายในห้องยังคงสงัดเงียบ แม้เงาทั้งสองพยายามขยับปากแต่ไร้ผล เด็กสาวที่ดูอายุน้อยกว่าเหมือนนึกอะไรได้ ชี้นิ้วที่คอเกี่ยวสายสร้อยทองคำขาวห้อยด้วยหยกสีแดงใสมีรอยแตกภายในเนื้อหยกขึ้นมา</p><p class="indent-a">“เป็นเพราะหยกนี้ พวกเธอถึงมาที่นี่ได้?” หยกชิ้นนี้พ่อให้เธอใส่ไว้ไม่ให้ถอดออกตั้งแต่ตอน 5 ขวบ และเพราะเนื้อหยกมีรอยร้าวน้องสาวถึงไม่ได้สนใจจะขอไปเหมือนของอื่น ๆ ที่พ่อมอบมันให้เธอ</p><p class="indent-a">มือสั่นเทารวบรวมแรงทั้งหมดยกเกี่ยวสายสร้อยออกจากเสื้อคนป่วยสีฟ้า หยกแบบเดียวกัน 3 ชิ้นปรากฏสู่ครรลองสายตาของ 1 คนกับอีก 2 ดวงจิต ราวกับมีพลังงานดึงดูดหยกทั้งสามขยับเข้าหากันหลอมรวมเป็นหนึ่ง กระแสพลังงานพุ่งเข้าสู่ร่างของดวงจิตที่ดูอายุน้อยที่สุดด้วยแรงแห่งการอธิษฐานจากจิตใจอันมุ่งมั่น</p><p class="indent-a">‘ขอให้พลังและความสามารถที่มีถ่ายทอดไปสู่บุคคลที่สมควรได้รับ’ </p><p class="indent-a">‘พลังนี้เป็นเพียงสิ่งเดียวที่พี่สามารถมอบให้ถิงเออร์ได้’ </p><p class="indent-a">เสียง 2 เสียงที่เหมือนกันดังกึกก้องในห้วงสำนึกสุดท้าย เป็นการสิ้นสุดการเฝ้ามองอย่างยาวนานนับ 10 ปี พร้อมชีวิตและลมหายใจของผู้ถูกเฝ้ามองได้จบสิ้นลง</p><p class="indent-a">………………</p><p class="indent-a">Writer Talk</p><p class="indent-a">จริงๆ ยัยหนูถิงนางฉลาดน้า เพียงแต่ที่นางมีชีวิตรันทดเพราะโดนนังแม่สารพัดพิษครอบงำ</p><p class="indent-a">แล้วน้องคิดว่ายัยนี่เป็นแม่แท้ๆ น้องเลยทุ่มความรักให้ แต่ตอนนี้น้องรู้แล้ว </p><p class="indent-a">เดี๋ยวเจอเลย!!</p><p class="indent-a"> </p><p class="indent-a"> </p><p class="indent-a"><br> </p><hr/>

ตอนที่ 1 พลังพิเศษเพิ่มพูน (1)

1 เดือนต่อมา

ณ โรงพยาบาลเอกชน ฝูต้า

“คุณหนูใหญ่ ไม่ลองทบทวนเรื่องกลับไปพักที่บ้านสักอาทิตย์อีกรอบหรือครับ” คำเรียกขานพาให้มือที่กำลังสาละวนเปิดดูข้อความในโทรศัพท์มือถือชะงักไปชั่ววินาที

“ลุงหย่งอันคะ อีก 2 อาทิตย์ก็ถึงวันเปิดเทอมแล้ว หนูยังไม่ได้ทำรายงานกับการบ้านเลยค่ะ ไปพักที่โรงเรียนน่าจะทำงานได้สะดวกกว่า”

ฝูหย่งอัน มองคุณหนูน้อยที่ตนกับภรรยาช่วยกันดูแลมาตั้งแต่ยังเป็นทารกตัวแดงด้วยสายตาอึดอัดและสงสารเห็นใจ คนในบ้านหลี่มีใครไม่รู้บ้างว่าคุณหนูใหญ่รักครอบครัวขนาดไหน ปิดเทอมแต่ละครั้งก็ตั้งตารอที่จะได้กลับบ้าน

ครืด!

ประตูทางด้านหลังเปิดออก เสียงทรงพลังของหญิงวัยกลางคนดังมาก่อนเจ้าตัว

“ตาแก่ ยืนนิ่งอยู่ทำไมไม่ช่วยคุณหนูเก็บของฮ๊า หลบไปไม่ต้องแล้วเดี๋ยวฉันทำเอง” ร่างท้วมกระฉับกระเฉงของ หวงหนิวอี หันไปขึงตาใส่พ่อบ้านตระกูลหลี่สามีของตนอย่างไม่พอใจ

“คุณหนูเหม่ยถิง เดี๋ยวป้าเก็บให้เองค่ะ ไปไป นั่งพักก่อน ลุกขึ้นมาทำไมคะเนี่ย วันนี้ออกจากโรงพยาบาลได้แล้วก็จริง แต่ร่างกายยังผ่ายผอมขนาดนี้เดี๋ยวเกิดเป็นลมขึ้นมาจะทำยังไงคะ”

เสียงอ่อนโยนแตกต่างกับเสียงคำรามก่อนหน้าเป็นคนละคน ไล่ต้อนหลี่เหม่ยถิงไปนั่งยังโซฟาในห้องพัก แล้วเดินกุลีกุจอรีบไปเก็บข้าวของบนเตียงใส่กระเป๋าเดินทาง

หลี่เหม่ยถิงยกยิ้มบางเบาอย่างอ่อนใจ ใช้สายตาหลังแว่นสายตากรอบหนามองออร่าสีเขียวเรืองจากตัวของผู้สูงวัยกว่าทั้งคู่ด้วยสายตาอบอุ่น

หลังจากฟื้นคืนสติเมื่อหนึ่งเดือนก่อน หลี่เหม่ยถิงค้นพบว่าความสามารถพิเศษของเจ้าตัวดูจะทรงพลังมากขึ้น ตั้งแต่เล็กเด็กสาวมักจะมองเห็นมวลพลังงานเปล่งออกมาจากสิ่งของและผู้คน เพียงแต่เมื่อก่อนจะเห็นเป็นเพียงมวลอากาศคล้ายหมอกขาว แต่มาตอนนี้เห็นสีที่แตกต่างชัดเจน หากเข้าไปใกล้ในระยะที่สัมผัสได้ความรู้สึกของเจ้าของจะถูกส่งผ่านมายังตัวเธอได้อีกด้วย

ออร่าของผู้คนหากมีความรู้สึกดีหรือมีมิตรไมตรีจะเป็นสีเขียวเข้มอ่อนตามความล้ำลึกของความรู้สึก หากคนที่มุ่งร้ายหรือไม่เป็นมิตรจะมีสีแดง สำหรับคนที่ผ่านไปมาไม่มีความรู้สึกใดให้แก่กันออร่าจะเป็นสีใสรอบตัวเสมือนน้ำขังในอ่างแก้ว

นอกจากออร่าของคนยังเห็นถึงความเจ็บป่วยที่ผิดแผกของร่างกายเป็นสีเหลืองอมส้ม อย่างในโรงพยาบาลนี้เธอเดินไปเจอคนที่เป็นโรคหัวใจก็จะมีออร่าสีเหลืองแสดงความผิดปกติบริเวณหน้าอก เพียงแต่ไม่สามารถบอกได้ว่าป่วยเป็นอะไรเท่านั้น

ความสามารถที่เพิ่มขึ้นนี้ได้รับช่วงต่อจากพี่เหม่ยถิงทั้งสองก่อนดวงจิตของเธอจะถูกดึงกลับมาห้วงเวลาและมิติต้นกำเนิด

“หวังว่าพี่ทั้งสองจะได้ไปเกิดใหม่มีชะตาชีวิตที่ดีกว่าเดิม ไม่ต้องห่วง ฉันจะใช้ชีวิตให้ดี ไม่ให้โศกนาฏกรรมของพวกพี่เกิดขึ้นกับฉันได้แน่”

“คุณหนูคะแวะไปบอกลาคุณผู้ชายก่อนเถอะนะคะ ทางนี้เดี๋ยวป้าจัดการให้เอง” ป้าหนิวอีหันมาพูดก่อนที่จะเดินวนสำรวจความเรียบร้อยเผื่อหลงลืมอะไรไว้ในห้องพักพิเศษนี้

เฮ้อ!

ถอนหายใจยืดยาวแล้วสูดลมเข้าปอดเฮือกใหญ่ แม้อยากจะหลีกเลี่ยงเพียงใด แต่ที่สุดแล้วก็คงหนีความจริงไม่พ้น สู้เผชิญหน้าให้มันจบ ๆ ไปดีกว่า

“คุณ…แม่กับน้องรองอยู่กับคุณพ่อหรือเปล่าคะ” หลี่เหม่ยถิงเอ่ยถามลอย ๆ เหมือนไม่ได้ตั้งใจมากนัก คำเรียกขานคนเป็นแม่แผ่วเบา

“อยู่ครับ คุณนายกับคุณหนูรองมาพร้อมเหล่า[1]

หลิวเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนครับคุณหนูใหญ่”

“อืม…ขอบคุณค่ะ เดี๋ยวหนูกลับมาแล้วเราออกเดินทางทันทีเลยแล้วกันนะคะ”

ขาเรียวยาวก้าวออกเดินออกจากห้องไม่ถึง 20 เมตร ก็ถึงห้องพิเศษที่คุณพ่อหลี่ซีซวนกำลังเข้าพักรักษาตัวนานกว่า 3เดือนอยู่

“คิก คิก หนูกำลังจะเปิดเทอมแล้วนะคะ ต่อไปก็มาอยู่กับคุณพ่อทั้งวันไม่ได้แล้ว คิดถึงคุณพ่อแย่เลยค่ะ” เสียงหวานดุจนกขมิ้นของหลี่เหม่ยหลินเอ่ยอ้อนดังมาจากในห้อง

“หลินเออร์ อ้อนพ่อจะขออะไรอีกใช่ไหมเราน่ะ ใช้เงินให้มันเพลา ๆ หน่อย คุณก็อย่าตามใจลูกรองให้มากนักดูอย่างถิงเออร์สิรู้จักใช้เงินไม่ฟุ่มเฟือยฟุ้งเฟ้อ” เสียงทุ้มแหบเอ่ยตำหนิภรรยาที่ยืนอยู่ข้างเตียง

“ค่ะ…เดี๋ยวกลับไปฉันจะอบรมลูกของเราให้ดี” ตงหรูอี้ขบฟันลงด้านในกระพุ้งแก้ม มือกำสายกระเป๋าแน่นขึ้นจนเล็บมือจิกลงด้านในอุ้งมือ

หึ…ไม่ว่าลูกของฉันทำอะไร ไม่มีทางสู้ลูกนังแพศยาในสายตาคุณได้เลยรึไง ดวงตาคมเฉี่ยวหรุบต่ำปกปิดแววตาขึ้งโกรธไว้มิดชิด

“คุณพ่ออย่าตำหนิคุณแม่เลยค่ะ หลินเออร์ไม่ได้จะขออะไรจริง ๆ นะคะ เพราะพี่ใหญ่กำลังจะกลับไปเรียนแล้ว โรงเรียนหนูก็กำลังจะเปิดเทอม หนูก็แค่รู้นึกเหงาน่ะค่ะ” หลี่เหม่ยหลินก้มหน้าลงต่ำ แพขนตากระพือถี่เหมือนพยายามระงับหยาดน้ำทางหางตา ไหล่ลู่ห่อตัวดูน่าสงสารทำให้หลี่ซีซวนใจอ่อนยวบลง เอื้อมมือออกไปตบลงบนหลังมือลูกสาวคนเล็กปลอบใจ

“เอาเถอะ พวกลูกก็โตแล้วทำอะไรก็ต้องรู้จักคิดให้รอบคอบ เงินทองนั้นหายาก แม้บ้านเราจะมีเหลือใช้แต่ถ้าไม่รู้จักหาให้เพิ่มพูนมันจะมีวันหมดได้”

“คุณพ่อคะ” หลี่เหม่ยถิงร้องเรียกออกไปพร้อมก้าวขาเข้าไปในห้อง หลังจากคิดว่าชมดูฉากละครครอบครัวสุขสันต์ของสองแม่ลูกมาพอควรแล้ว

พอได้ลอบสังเกตดูกิริยาท่าทางของน้องสาวร่วมบิดาแต่ที่ตอนนี้รู้แล้วว่าไม่ได้ร่วมมารดาอย่างหลี่เหม่ยหลินโดยตัดความรักของพี่สาวที่เคยบดบังสายตาออก ต้องลอบอุทานในใจ ‘นี่มันนังดอกบัวขาว3ที่มีกลิ่นชาเขียว4

“อ้าว ถิงเออร์มาหาพ่อแล้วเหรอลูก ทำไมไม่มาเยี่ยมพ่อบ้างเลย” คุณพ่อพูดเหมือนไม่รู้ว่าหลี่เหม่ยถิงประสบอุบัติเหตุ เธอจึงหันไปมองน้องสาวและคุณแม่ ใช้สายตาสื่อความไม่เข้าใจไถ่ถาม

“ลูกใหญ่รายงานและการบ้านเยอะน่ะค่ะคุณ ไหนจะงานของสภานักเรียนที่บรรดาอาจารย์มอบหมายมาให้ ฉันเลยให้ลูกจัดการงานอยู่ที่บ้าน” คุณแม่ทำท่าลุกลี้ลุกลนพูดเหมือนออกตัวแทนหลี่เหม่ยถิง คงไม่อยากให้คุณพ่อกังวลเรื่องนอนโคม่า

หากเป็นเมื่อก่อนเธอคงคิดเช่นนั้นและคงอดดีใจไม่ได้ แต่ลองพิจารณาให้ดีมันเหมือนกับคุณแม่คนดีกำลังบอกว่าขนาดพ่อป่วยหลี่เหม่ยถิงยังไม่สนใจจะมาเยี่ยม แต่มัวสนใจแต่เรื่องของตัวเอง

บราโว! นี่มันยอดเยี่ยมจริง ๆ ดอกบัวขาวรุ่นใหญ่ ได้เปิดหูเปิดตาเรียนรู้เข้าให้แล้ว

“ถึงหนูไม่ได้มาเยี่ยม แต่หนูก็ฝากน้องรองกับคุณแม่มาดูแลคุณพ่อตลอดนะคะ ปลาหลีฮื้อผัดเปรี้ยวหวานของโปรดของคุณพ่อหนูก็ฝากป้าหนิวอีทำมาให้ ใช่ไหมคะคุณแม่” หลี่เหม่ยถิงพูดปดหน้าตายชนิดหนังตาไม่กระตุกปากไม่เบ้ ลมหายใจยังลื่นไหล เน้นคำว่าแม่ในลำคอหนัก ๆ

ฮึ! คิดว่าเล่นงิ้วเป็นกันแค่สองคนแม่ลูกรึไง อย่างน้อยอายุดวงจิตของเธอรวมเวลาที่ท่องมิติก็เท่ากับอายุ 30 ปีแล้ว

รอยยิ้มแข็งค้างบนใบหน้าของติงหรูอี้กับหลี่เหม่ยหลินเกือบทำเธอหลุดเสียงหัวเราะออกมา สองแม่ลูกมองหน้ากันด้วยความคาดไม่ถึง

“นี่นังงะ…โอ๊ย”

ยังคงเป็นขิงแก่ที่เผ็ดร้อนกว่า ก่อนหลี่เหม่ยหลินจะหลุดคำพูดไม่น่าฟัง มือขวาของติงหรูอี้ก็หยิกเข้าที่เอวด้านหลังจนสาวน้อยวัย 15 ปีหลุดอุทานออกมาด้วยความเจ็บ

‘นี่คงคิดจะเรียกเธอว่านังโง่สินะ แสดงว่าน้องสาวที่รักคนนี้รู้ดีมาตั้งนานแล้วว่าเธอไม่ใช่ลูกของติงหรูอี้’

“ใช่แล้วค่ะคุณ ลูกใหญ่คอยให้แม่นมหวงทำของโปรดมาให้คุณอยู่ตลอด ส่วนลูกรองก็เป็นห่วงคุณมากเลยพยายามเรียนรู้วิธีทำน้ำแกงไก่ตุ๋นโสมมาบำรุงร่างกายคุณพ่อ ลองชิมดูสิคะ” มือเรียวขาวผ่องดันเอวคอดเล็กในชุดกระโปรงแขนพองสีแดงสดใสทันสมัยไปด้านหน้า

“คุณพ่อลองชิมดูสิคะ หลินเออร์เคี่ยวอยู่หน้าเตานานเลยนะคะกว่าจะพอกินได้น่ะค่ะ ถึงไม่อร่อยแต่คุณพ่อต้องชมว่าอร่อยนะคะ คิกคิก…พี่ใหญ่ก็ลองชิมดูสิคะ”

หลี่เหม่ยถิงที่เลือกจุดยืนเยื้องไปทางปลายเท้าของเตียง เพราะอยากมองเห็นทุกคนได้โดยไม่ต้องกวาดสายตา เห็นทั้งการแลกเปลี่ยนสายตาของแม่ลูก น้องสาวที่ขึงตาแข็งแต่ปากกลับพูดจาอ่อนหวานเรียกเธอไปกินน้ำแกง พูดจบก็กลอกตาเบะปากแล้วกลับมาพยายามตีหน้าใสซื่อ

ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเธอที่ไม่เคยเห็น ไม่สิก็เห็นแต่ไม่เคยนำมาใส่ใจเพราะไม่อยากคิดเล็กคิดน้อยกับน้องสาว พอม่านหมอกที่บังตาเปิดออกทุกอย่างมันดูชัดเจน

หลี่เหม่ยหลินนั้นยังเด็กจึงเก็บอาการหลบซ่อนไม่ได้ดีเท่าติงหรูอี้ รายหลังนี้ทำความหนักใจให้เธอไม่น้อยเพราะตอนนี้เธอยังเด็กยังหักกับอีกฝ่ายไม่ได้ เป็นเธอที่จะเสียเปรียบเอง

‘คงต้องทำตัวเชื่องเชื่อเหมือนเดิมไปก่อน’ แค่คิดก็หน่ายใจปนขยะแขยงแล้ว

‘หึ อยากได้พี่สาวที่รัก ลูกสาวที่เชื่อฟังนักใช่ไหม หวังว่าในอนาคตจะรับความรักสุดซึ้งจากเธอไหวก็แล้วกัน’ รอยยิ้มแสยะยกขึ้นเพียงเสี้ยววินาที ส่วนแววตาแค้นเคืองภายใต้กรอบแว่นสายตาสีดำหนาแถมยังมีผมหน้าม้ายาวบดบังดวงตาคู่สวยยิ่งไม่มีใครมองเห็น

ความจริงหากจากนี้ต่อไปสองแม่ลูกนี่จะไม่มาวุ่นวายคิดร้ายกับเธอ หลี่เหม่ยถิงคงจะยอมปล่อยให้เรื่องราวที่ผ่านไปแล้วผ่านเลยไป เพราะถึงอย่างไรก็ถือว่ามีบุญคุณเลี้ยงดูอุ้มชูกันมา

แต่ถ้ายังคิดร้ายกันไม่หยุดก็อย่าหาว่าเธออกตัญญู!

………………………………..

เชิงอรรถ

  • ^ เหล่า - เป็นคำเรียกแสดงความสนิทสนมของผู้ที่ถูกเอ่ยถึง

========

Writer Talk

ฝากคอมเม้นต์เป็นกำลังใจให้กันหน่อยนะค้า

ตอนที่ 2 ความบังเอิญตัวเป็น ๆ

“คุณหนูใหญ่ครับถึงสนามบินแล้ว”

เสียงลุงหย่งอันเรียกหลังจากลงไปเปิดประตูรถให้ หลี่เหม่ยถิงที่กำลังเช็กข้อความในโทรศัพท์ตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาล ก้มดูนาฬิกาข้อมือ คำนวณระยะเวลาเช็กอินคิดว่าจะเดินไปซื้อชาร้อนดื่มสักแก้ว

“ลุงหย่งอันกับอาฉีกลับกันได้เลยนะคะ”

“เรียบร้อยแล้วครับคุณหนูใหญ่” เสียงเข้มตอบมาจากทางด้านหลังของพ่อบ้านของตระกูล ร่างสูงอุดมไปด้วยมัดกล้ามที่แทบจะปริออกมาจากชุดสูทสากลสีดำเดินมายืนข้างลุงหย่งอัน

ฉีฟ่านเป็นบอดี้การ์ดของคุณพ่อมานานหลายปี ชายร่างใหญ่หน้าเหลี่ยม คิ้วและปากหนา ตาคมปีกจมูกบานออก หูด้านขวามีรอยแหว่งจากรอยแผลสมัยที่ยังคงอยู่ในกองทัพ โดยรวมภาพลักษณ์ดูดุดันแตกต่างชัดเจนกับคนเป็นพ่อบ้านชนิดคนละขั้ว

ลุงหย่งอันผอมเพรียว ยืนเหยียดหลังตรงในชุดสูท 5 ชิ้นดูน่าอึดอัดท่ามกลางอากาศอบอ้าวในช่วงฤดูร้อน แก้มตอบเข้าทำให้โหนกแก้มดูสูง หางตาตกแต่มีประกายฉลาดเฉลียว สองคนนี้คนหนึ่งดูเป็นคนใช้เรี่ยวแรงในการทำงาน อีกคนดูทรงภูมิท่วงท่าคล้ายบัณฑิตไม่มีแม้แรงจะมัดไก่

ทำให้คิดถึงรูปร่างอวบท้วมใบหน้ากลมมน หน้าผากกว้างแต่เรียวปากบางของป้าหนิวอี หากจับทั้งสามยืนรวมกันคงเกิดเป็นทัศนียภาพที่น่าดูไม่น้อย

ถ้าป้าหนิวอีมาด้วย หญิงวัยกลางคนผู้ซึ่งสูงเพียงไหล่ของลุงหย่งอันคงยืนชี้นิ้วสั่งงานไม่หยุดปากใส่ชายทั้งสอง สองคนนี้คงหัวหมุนขาแทบขวิด นึกถึงภาพจำในครั้งเก่าก่อนทำให้บรรยากาศรอบตัวของหลี่เหม่ยถิงคลายความหนักอึ้งลงได้บ้าง มีรอยยิ้มผ่อนคลายปรากฏเล็ก ๆ ตรงมุมปาก

ในบ้านหลังนั้นยังมีคนที่รักและหวังดีกับเธออีกหลายคน

นึกถึงคุณพ่อที่นอนป่วยอยู่ในโรงพยาบาล หลี่เหม่ยถิงรู้สึกผิดปะปนไปกับความเจ็บปวด เธอรู้ว่าเวลาของคุณพ่อเหลืออยู่ไม่ถึง 2 ปี ตอนตื่นจากการหลับใหลตัวเธอทั้งสับสน หวาดกลัว ความอ่อนแอไร้กำลังกัดกินจิตใจทำให้อยากหลีกหนีและถอยห่างจากสถานการณ์ตรงหน้าไปก่อน

เธอถึงรีบหนีกลับไปโรงเรียน

เพราะบ้านไม่ใช่ที่สำหรับเธออีกต่อไป

‘หลี่เหม่ยถิง เธอจะอ่อนแอไม่ได้’

ยังมีเวลาก่อนที่ถึงคราวที่จะต้องแตกหักกับติงหรูอี้และหลี่เหม่ยหลิน เธอต้องคิดหาทางตั้งหลักให้ตัวเอง ต้องวางแผนอนาคตล่วงหน้า เธอมีข้อได้เปรียบตรงที่รู้ความจริงแล้ว จะไม่ยอมให้ถูกเอาเปรียบหรือมีใครมากดข่มเธอได้อีก

ปีกแห่งอิสรภาพที่ถูกพันธนาการไว้ เธอจะพังโซ่ตรวนให้พินาศเอง!

ปึก!

“โอ๊ะ! ขอโทษค่ะ คุณเป็นอะไรหรือเปล่าคะ ขอโทษจริง ๆ ค่ะ”

ตัวของหลี่เหม่ยถิงเซไปตามแรงกระแทก ดีที่จับกระเป๋าเดินทางใบเล็กตั้งหลักได้ทันจึงไม่ล้มคะมำลงไป อีกทั้งคนชนก็แสดงความรับผิดชอบรับผิดทันที จึงไม่ติดใจเอาความกัน

แรงกระแทกนี้ทำให้เธอรับรู้สถานการณ์ผิดแปลกรอบตัวหลังจากจมอยู่กับความคิดตัวเองปิดกั้นการรับรู้ภายนอกทั้งหมด

“คนกลุ่มนั้นดูเท่มากเลย ผู้ชายตรงกลางนั่นเป็นคนใหญ่คนโตจากไหนกันนะ มีบอดี้การ์ดล้อมหน้าล้อมหลังเลยถ้าได้แฟนแบบนี้คงสบายไปทั้งชาติ”

“นี่อย่าเพ้อเจ้อไปหน่อยเลย เป็นไงล่ะถึงขั้นเดินไปชนคนอื่นสุ่มสี่สุ่มห้า”

“กรี๊ด!ผู้ชายคนนั้นดูหล่อมากขนาดใส่แว่นดำนะ ถ้าถอดออกมาจะหล่อขนาดไหน”

“โห น่ากลัวว่ะ มาเฟียหรือเปล่านั่น”

สารพัดเสียงพูดคุยกระซิบกระซาบรอบตัว ทั้งสายตาที่มีทั้งแอบมองและมองกันแบบโจ่งแจ้งในทิศทางเดียวกัน ทำเอาหลี่เหม่ยถิงเอี้ยวคอมองตามกระแสมวลชนไปยังทางเข้าเกตช่องทางพิเศษระดับ VVIP กับเขาด้วย

สายตาของหลี่เหม่ยถิงประสบเข้ากับกลุ่มมนุษย์ชุดสูทดำตัวใหญ่ยักษ์ยืนกั้นพื้นที่เป็นช่องทางให้ชายคนหนึ่งที่กำลังจะเดินผ่านเข้าเกตไปแล้ว

เห็นเพียงใบหูและหน้าค่อนมาทางด้านหลัง รูปร่างสูงสง่าในชุดสูททางการสีเทาเข้มจนเกือบดำ ช่วงขายาวก้าวอย่างมั่นคงไปด้านหน้า ไหล่กว้างผึ่งผายบุคลิกสง่างาม

มวลออร่าจากร่างสูงหนาแน่นทรงพลังมาก!!

“เฮ้อ!น่าเสียดาย ทั้งที่ดูทรงพลังและเปี่ยมอำนาจขนาดนั้นแท้ ๆ ชีวิตคนนี่มันไม่แน่นอนจริง ๆ” ดวงหน้าภายใต้กรอบแว่นส่ายไปมา ถอนหายใจกับตัวเอง

ออร่าที่ทรงพลังขนาดนั้น ดันมีตำหนิเป็นจุดเหลืองอมส้มเด่นชัด!!!

สีของออร่าเหลืองอมส้มแสดงถึงความเจ็บป่วย ชายคนนั้นโดดเด่นจนติดอยู่ในใจของเธอตลอดเที่ยวบินไปไท่หยวนเลยทีเดียว ด้วยคิดว่าหากมีโอกาสผ่านมาเจอกันเธอจะยอมทำใจเดินเข้าไปเอ่ยปากเตือนเขา แม้จะถูกมองแปลก ๆ หรือไม่ไว้ใจก็ตาม

ในใจของหลี่เหม่ยถิงรู้ดีว่าความบังเอิญขนาดนั้นคงไม่มีในโลก จึงนั่งคิดเสียดายทอดถอนใจไปกับเรื่องนี้ตั้ง 2-3 วันหลังจากกลับมาถึงโรงเรียนไท่หรงฮุ่ยเหวิน

แล้วร่างโชกเลือดที่นอนหมดสติแทบเท้าเธอนี่มันอะไร!?!?

ความจริงที่บังเอิญมากระแทกหน้าเล่นเอาเธอมึนงง ตอนนั้นแม้จะไม่เห็นหน้า แต่ออร่าของชายคนนั้นมีเอกลักษณ์ให้จดจำ แถมออร่าสีเหลืองส้มยังออกมาจากจุดเดียวกันตรงช่องท้องอีก รับรองคนเดียวกันไม่ผิดตัวแน่

เอาไงดี?

โรงเรียนมัธยมของเธอค่อนข้างเข้มงวด แถมยังเป็นโรงเรียนหญิงล้วน สภาพคนบาดเจ็บจากการถูกทำร้ายค่อนข้างชัดเจนแบบนี้ เกิดทำให้เป็นเรื่องขึ้นมาเผลอ ๆ ยังไม่ทันจะพาไปรักษาพ่อหนุ่มนี่คงจะโดนตามเก็บเสียก่อน

“ห้องเก็บของเก่าตึกด้านหลังโรงยิมน่าจะพอซ่อนไว้ได้ล่ะนะ”

“ยังหายใจอยู่ใช่ไหมเนี่ย ตรวจดูหน่อยดีกว่า ถ้าตายก็ทิ้งไว้นี่ล่ะจะได้ไม่วุ่นวาย”

บ่นพึมพำพร้อมยู่ปากไปพลาง มือเรียวเล็กยื่นออกไปหวังตรวจชีพจร ลำตัวด้านบนจึงค้อมต่ำทำให้คอเสื้อหย่อนลง สร้อยพร้อมจี้หยกสีแดงจึงหลุดออกมาด้านนอก

หมับ!

โอ๊ย!

มือแข็งแรงดุจคีมเหล็กคว้าหมับเข้าที่ข้อมือบอบบาง ออกแรงบีบจนเด็กสาวร้องอุทานออกมา ดวงตาสีดำมืดครึ้มดุจรัตติกาลเผยอเปิดขึ้น

สายตาแข็งกร้าวไม่ผ่อนปรน ทำเอาหลี่เหม่ยถิงร่างกายแข็งค้าง ความเหน็บหนาวคืบคลานขึ้นมาตามกระดูกสันหลัง กัดฟันข่มความกลัวชายตรงหน้า ถลึงตาจ้องตรงเข้าไปนัยน์ตาเรียวชี้ปลายอย่างไม่ยอมแพ้

“ปล่อย!!คุณน้าทำกับคนที่มีบุญคุณช่วยชีวิตแบบนี้เหรอ ฮึ! ทำคุณบูชาโทษ!”

เสียงต่อว่าหลุดออกจากริมฝีปากสีชมพูอวบอิ่ม สายตาแข็ง ๆ แทนที่จะอ่อนลงกลับจ้องเขม็ง แถมเธอเห็นนะว่าเส้นเลือดตรงขมับเขายังเต้นตุบขึ้นมา

‘เอ้า โกรธเธอเฉยเลย’

หลี่เหม่ยถิงที่โดยปกติแล้วเป็นคนที่เก็บอาการค่อนข้างเก่ง ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าตอนนี้ใบหน้าเรียวเล็กที่ถูกบดบังจากผมเผ้าและแว่นตายับยู่ส่อความไม่พอใจจนเด่นหรา

“อะไรเนี่ย…ถ้าช่วยแล้วเจ็บตัว น้าก็นอนแห้งตายอยู่ที่นี่ต่อไปเถอะค่ะ”

โอ๊ะ…เรียกน้าแล้วดูเหมือนจะไม่พอใจแฮะ

“คุณ…น้าคะ” เสียงเล็กเรียกแหย่หยั่งเชิง

“ผมอายุ 25 ยังไม่แก่” เสียงแหบทุ้มต่ำเซ็กซี่กระซิบออกมาแผ่วเบาจากริมฝีปากบาง เสียงมีเสน่ห์ปัดผ่านใบหูดุจขนนกลูบไล้ พาเอาหัวใจสาวน้อยที่ไม่เคยใกล้ชิดกับเพศตรงข้ามเต้นตุบ ใบหูมีสีแดงขึ้นลามจากหลังคอ

“เอ้อ…อะแฮ่ม คุณปล่อยมือก่อนค่ะ จะพาไปห้องเก็บของ ขืนยังอยู่กันตรงนี้คงไม่ดีแน่ คนที่ตามล่าคุณอาจจะมาเจอได้” หลี่เหม่ยถิงยื่นข้อเสนอที่ควรคำนึงถึงตอนนี้ออกไป พยายามจัดการอารมณ์เตลิดเมื่อครู่ให้สงบ

“อืม”

ชายหนุ่มลังเลอยู่เพียงอึดใจก่อนพยักหน้าตกลง คิดว่าเขาคงประเมินแล้วว่าทำแบบนั้นคงดีที่สุด

ดวงตาดอกท้อหวานหลังกรอบแว่นกวาดมองรอบตัว ที่มองไปทางไหนก็มีแต่ต้นไม้ใบหญ้า แน่ล่ะนี่มันภูเขาด้านหลังโรงเรียน แถมทางที่เธอเดินมายังออกนอกเส้นทางเดินปกติของนักเรียนในโรงเรียน มันเป็นเส้นทางเดินอ้อมกองหินใหญ่ไปอีกฟากของทางเดินป่า เดินไม่ไกลมากจะมีน้ำตกกับแอ่งน้ำขนาดกลาง รอบบริเวณมีพรรณไม้ดอกไม้ป่านานาชนิดขึ้นสวยงาม

ร่างสูงสง่าใช้มือยันตัวขึ้นกับต้นไม้ ท่าทางโอนเอนดูอ่อนแรงแต่พยายามทรงตัวขึ้น

“ฉันช่วยค่ะ” หลี่เหม่ยถิงอาสาเข้าไปช่วยประคอง ถึงตัวเธอจะเล็กกว่าแต่ก็ค่อนข้างแข็งแรงเพราะออกกำลังกายสม่ำเสมอ

“ขอบคุณครับ ขอโทษด้วยเรื่องข้อมือของคุณ”

คำเอ่ยขอบคุณและขอโทษทำสาวน้อยค่อนข้างแปลกใจแต่ก็รู้สึกดีขึ้น คิดว่านิสัยของคนคนนี้ไม่ได้แย่เลยทีเดียว ขณะเดินประคองกันไปเธอแอบลอบมองสำรวจคนด้านข้างอย่างพิจารณา

หน้าตาหล่อเหลาดุจดังลูกรักของพระเจ้า

ดวงหน้าหล่อมีสันกรามคมชัด จมูกโด่งตรงเป็นสัน ดวงตาหงส์คมกริบ ปลายหางตายกขึ้นเล็กน้อยล้อมกรอบด้วยแพขนตายาวจนผู้หญิงส่วนใหญ่ต้องอิจฉา เรียวปากบางได้รูปทรง เสียอย่างเดียวใบหน้าไร้อารมณ์นิ่งขึงจนดูดุจัดไม่น่าเข้าใกล้

“เลือดหยุดไหลหรือยังคะคือฉันไม่มียาห้ามเลือดเลยในหอพัก มีแต่พวกยาที่ใช้รักษาอาการบาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้น คิดว่าคุณคงไม่อยากให้เรียกรถพยาบาล”

“อืม…ฉลาด”

ตึก

หัวใจเต้นผิดจังหวะกับคำชมแสนสั้นแต่น้ำเสียงหนักแน่น

หลังจากนั้นก็ไม่มีเสียงพูดคุยระหว่างคนทั้งสอง มีเพียงเสียงย่ำเท้ากับเสียงหายใจที่ดังชัดเจนในยามค่ำคืน

“คุณ…นั่งหลบตรงนี้ก่อน เดี๋ยวฉันขอไปดูลาดเลาตรงทางเข้าก่อน”

เสียงกระซิบแผ่วเบาไม่ทันจะพูดจบก็มีเสียงตะโกนแทรกขึ้นมาเสียก่อน

“ใครอยู่ตรงนั้น? ออกมาเดี๋ยวนี้!”

เฮ้ย!!

จู่ ๆ หลี่เหม่ยถิงก็ยื่นหน้าถลำออกไปจากหลังต้นไม้ ทำเอาเจ้าของเสียงขึงขังตกใจจนแทบจะหงายหลัง

หน้าขาวซีดในป่าตอนกลางคืน มันสยองน้อยเสียเมื่อไหร่

“ประธานนักเรียนหลี่นี่เอง ลุงตกใจหมด”

ถงกวงต๋า พนักงานรักษาความปลอดภัยกะดึกของโรงเรียนคุ้นหน้าคุ้นตากันดีกับประธานนักเรียน เพราะเด็กสาวมักจะออกตรวจตรารอบบริเวณทางออกด้านหลังเป็นประจำทุกสัปดาห์ ตั้งแต่ขึ้นแท่นเป็นประธานนักเรียนเมื่อ 2 ปีก่อน

“ฉันเองค่ะลุงถง ขออภัยที่ทำให้ตกใจนะคะ พอดีทำของตกกำลังมองหาน่ะค่ะ “

หลี่เหม่ยถิงแก้ตัวออกไปด้วยมาดนิ่งขรึมทรงภูมิ ดูน่าเชื่อถือเหมือนที่เคยเป็นมาตลอด เธอเป็นนักเรียนที่ได้ชื่อเป็นสารานุกรมกฎระเบียบเคลื่อนที่ ไม่เคยแหกกฎ เที่ยงตรง ทรงธรรมมากที่สุด

สำหรับทำให้คนภายนอกดูน่ะนะ

“โอ้! อะไรหายหรือครับให้ลุงช่วยหาไหม อ้อ…ใช่ …ขอบคุณสำหรับคำแนะนำคราวก่อนมากเลยครับ ต้ายาร์หลานสาวลุงเรียนดีขึ้นจริง ๆ”

ลุงถงทำท่าเดินมาคิดอยากจะช่วยหาของอย่างกระตือรือร้น จนหลี่เหม่ยถิงต้องยกมือห้ามแทบไม่ทัน

“หาเจอแล้วค่ะ ว่าแต่ทางฝั่งตะวันตกวันนี้ฉันได้ข่าววงในมาว่าจะมีนักเรียนลักลอบออกไปเที่ยวกลางคืนกัน ลุงถงกำชับลุงเหมาตรวจตราให้รอบคอบหน่อยนะคะ”

“จริงหรือครับไม่ได้การ ลุงไปช่วยเหล่าเหมาดูเสียหน่อยดีกว่า ขอบคุณมากนะครับประธานหลี่”

ลุงถงแทบจะรีบวิ่งออกไปจากจุดนั้นแล้วเร่งขึ้นรถกอล์ฟ เพื่อไปตรวจพื้นที่อีกฟากหนึ่งของโรงเรียน หลี่เหม่ยถิงยืนดูจนแน่ใจว่าไม่มีใครรอบบริเวณ ก็หมุนตัวกลับไปหาคนที่ซ่อนหลังต้นไม้

“หน้าไม่แดง”

คำพูดไม่มีที่มาที่ไป พูดออกมาด้วยสายตาเปล่งประกายแปลกประหลาด มันดูมีประกายพราวล้อเลียนชอบกล

“คะ?”

“พูดเหลวไหลได้ลื่นไหล หน้าไม่แดง”

แปร๊ดดด

เท่านั้นล่ะ หลังรู้ความหมายหน้าขาวขึ้นสีชมพูระเรื่อจากความอับอายทันที

หึหึหึ

เสียงหัวเราะในลำคอดังมาให้ได้ยินพาเอาคนอับอายกลายเป็นโมโหขึ้นมาแทน ปากน้อยนั่นยื่นขมุบขมิบเหมือนกำลังก่นด่าแบบไม่ออกเสียง

“ไม่ใช่เพราะคุณหรือไง ถึงต้องโกหกน่ะ”

ไร้เสียงตอบกลับจากร่างสูง มีเพียงปรายตามองมา พร้อมเลิกคิ้วขึ้น หน้าตาท่าทางแสดงว่าไม่เชื่อถือสักนิด

หลี่เหม่ยถิงแม้ออกท่าทางฮึดฮัดขัดใจ แต่ไม่ได้ขยับตัวรุนแรงเพราะเกรงจะไปสะเทือนแผลตรงสีข้างของคนที่กำลังประคองตัวเดิน คนตัวโตก็คงจะสังเกตเห็น รอยยิ้มบางเบาหาได้ยากบนหน้าหล่อคมถึงผุดขึ้นบนเรียวปาก

“คุณก็พักที่นี่ก่อนละกัน คืนนี้คงไม่มีใครกล้าทำประเจิดประเจ้อบุกรุกเข้ามาในโรงเรียนยามวิกาลหรอก รอนี่นะคะ เดี๋ยวฉันกลับไปหยิบผ้าพันแผลกับพวกยาแก้ปวดแก้อักเสบมาให้กินประทังไปก่อน”

คล้อยหลังสาวน้อยที่รีบพูดรีบเดินแกมวิ่งออกไป สายตาดุจัดไร้อารมณ์ก็กวาดตามองรอบห้องเก็บของมืดมิดรอบหนึ่ง สำรวจทางเข้าออก จุดซ่อนตัวคร่าว ๆ ป้องกันเหตุไม่คาดฝัน

ใช่ว่าที่ตามเด็กสาวมาเพราะไว้ใจเธอ แต่การมาที่โรงเรียนนี้นับว่าเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด เพราะพวกที่ลอบกัดเขาคงไม่บ้าบุกเข้ามาในพื้นที่ที่จะก่อให้เกิดปัญหากระทบกระทั่งหลายขั้วอำนาจ

นักเรียนในโรงเรียนนี้ ส่วนใหญ่มีเบื้องหลังที่มาไม่ธรรมดาทั้งนั้น

‘ต้องหาวิธีส่งข่าวถึงพวกหยุนชิง’

ตึก ตึก ตึก

เสียงฝีเท้าด้านนอกฟังดูแล้วกำลังมุ่งตรงมาทางห้องเก็บของแห่งนี้ ชายหนุ่มเคลื่อนตัวไปหลบด้านหลังกองของที่วางสุมกันอย่างไร้ระเบียบมีทั้งม้าขวางสำหรับกระโดด บันไดโลหะที่บิดเบี้ยว เบาะรองออกกำลังกายเก่า ๆมีช่องว่างให้มองลอดไปเห็นประตูทางเข้าในระดับสายตาพอดี

ครืดดดด

สายตาคมปราบดุจนักล่าจดจ้องมองเห็นร่างของสาวน้อยที่พาเขามาเดินหันรีหันขวางเข้ามา ในมือหอบข้าวของพะรุงพะรังดูท่าจะหนักเกินตัว

“คุณ…คุณ ฉันเอาของมาให้” เสียงเล็กหวานกระซิบฝ่าความมืด ชายตัวใหญ่จึงเคลื่อนตัวจากที่ซ่อนออกมาโดยไร้เสียงขยับไหว เขากลับมานั่งตรงบริเวณที่นั่งพักก่อนหน้า

“นี่แซนด์วิช คุณกินประทังความหิวแล้วกินยาพวกนี้ ฉันมีแต่พวกยาแก้ปวดลดไข้ ยาแก้อักเสบกล้ามเนื้อไม่รู้ช่วยได้ไหมนะคะ นี่น้ำเกลือเอามาล้างแผล นี่ผ้าห่ม ถึงจะเป็นหน้าร้อนแต่ตกดึกห้องนี้ก็ยังหนาวมากอยู่ดี ยาทากันยุงกันแมลงคุณไม่แพ้สารอะไรใช่ไหม…”

หัวกลม ๆก้มบ้างเงยบ้างเดี๋ยวเอียงไปทางซ้ายขยับไปทางขวา เหมือนสัตว์ตัวเล็กกระโดดไปมา อืม…ใช่แล้วตาโตหวานเชื่อมหลังแว่นหนาที่ใส่ปิดบังหน้านั่นเหมือนกระต่ายตัวน้อย

ชายหนุ่มขยับยกขาไขว้ห้างด้วยความเคยชิน ทำให้กระทบกับแผลจนเผลอสูดปาก

“คุณ!ขยับทำไมน่ะเดี๋ยวแผลก็แย่ลงหรอก มาเดี๋ยวฉันช่วยล้างแผลให้ดีกว่า”

พรึ่บ

ก้านนิ้วเรียวผอมแตะลงบนแผงอกหนาออกแรงผลักเล็กน้อย เขาไม่ได้ขืนแรงต้านลำตัวส่วนบนจึงเอนพิงเบาะที่กองสุมด้านหลัง

แป๊ะ แป๊ะ

เสียงปลดกระดุมไล่จากบนลงล่างทีละเม็ดตัดผ่านความเงียบ ปล่อยให้เด็กน้อยทำตามใจตัวแบบนี้ต่อไปท่าจะไม่ดีเสียแล้ว

“เด็กน้อย หยุดก่อน” มือใหญ่แตะเพียงบางเบาบนหลังมา

“หือ?” แว่นสายตาเลื่อนต่ำตกลงบนปลายจมูกโด่งเล็ก ทำให้มองเห็นสายตาที่ช้อนขึ้นมองมาด้วยใบหน้าฉงน เธอเอียงคอเล็กน้อยด้วยความฉงน

“เธอ…ไม่ได้กำลังยั่วยวนฉันอยู่ใช่หรือเปล่า”

ท่าทางล่อแหลมของเราสองคนคงไม่ทำให้เธอรู้ตัว แต่เขาที่เป็นผู้ใหญ่กว่าเธอความคิดมันก็ไปได้อีกทาง ดูจากสภาพภายนอกของเราตอนนี้เขาเหมือนกำลังถูกเธอกระทำอนาจารอยู่ชัด ๆ

ลำตัวบนกึ่งเอนนอน ตัวเสื้อเชิ้ตด้านหน้าแบะอ้าออกจนเกือบถึงขอบกางเกง ชายเสื้อหลุดรุ่ย ด้านบนมีสาวน้อยหน้าตามุ่งมั่นจะปลดชุดเขาออกค้อมตัวเข้าหา ลำตัวแทบจะคร่อมทับเขาอยู่รอมร่อ

“จะบ้าเหรอ!!! คิดอะไรของคุณ”

กระต่ายน้อยคงตื่นตกใจ กระโจนแผล่วไปด้านหลังแทบจะวิ่งหนีเตลิดออกด้านนอก แต่ความที่เป็นเด็กมีน้ำใจถึงหยุดชะงักแล้วเอียงตัวขยับปลายเท้าเข้ามาทางนี้ทีละนิด

เฮ้อ…เด็กใสซื่อขนาดนี้ ชักจะน่าเป็นห่วงอนาคต

‘ปวดหัวแทนพ่อแม่เลยจริง ๆ’

“แค่ถลกชายเสื้อขึ้นก็พอครับ ไม่ต้องถอดออกหมด แผลผมอยู่ทางสีข้างค่อนไปทางหลังถ้าให้ทำเองคงไม่ถนัด คงต้องรบกวนของแรงเธอสักหน่อย”

พูดเป็นงานเป็นการขึ้นมา ทำให้เด็กสาวตรงหน้าดูจะหายใจได้คล่องขึ้น ขาเล็กในชุดกางเกงวอร์มสีเข้มเดินมาหยุดลงตรงหน้าแต่ไม่ได้ขยับเข้ามาแบบบุ่มบ่าม

เอาเถอะเด็กสาวก็คงหน้าบางเพราะโดนเขาหยอก ชายหนุ่มจึงขยับเบี่ยงตัวให้ด้านที่มีแผลหันไปทางเธอ อำนวยความสะดวกโดยการยกเสื้อขึ้นให้เองเสร็จสรรพ ค้างอยู่ท่านั้นจนเธอทำแผลและเก็บอุปกรณ์เรียบร้อย

“คุณพักผ่อนไปนะคะ ฉันขอตัวไปทำธุระก่อน เอ่อ…อันนี้คือซิมการ์ดใหม่ยังไม่ได้เปิดใช้งาน ฉันลงทะเบียนไว้นานแล้วถ้าคุณไม่สะดวกใช้เบอร์ตัวเองติดต่อคนของคุณ ลองใช้เบอร์นี้ส่งข้อความไปก็ได้ค่ะ ในซิมมีเงินเติมไว้ 20 หยวน”

คราวนี้สาวน้อยทำเขาอึ้งจริง ๆ ในความคิดรอบคอบรอบด้านและฉลาดเฉลียว โทรศัพท์ของเขาแบตหมดจริงเสียด้วย แต่จะให้เขาขอยืมของเธอแล้วเสี่ยงเปิดเผยตัวคนที่ช่วยเหลือแล้วนำภัยมาให้ เขาก็ไม่คิดจะทำ ซิมใหม่อันนี้นับได้ว่าเป็นถ่านหินกลางหิมะโดยแท้”

“ขอบคุณครับ”

“ไม่เป็นไรค่ะ จริง ๆ คือมีอีกเรื่องหนึ่ง คุณอาจจะคิดว่ามันฟังดูแปลก ๆ แต่ฉันคิดว่าคุณลองไปตรวจร่างกายแถวช่วงท้องดูหน่อยนะคะ อาจจะพบความผิดปกติบางอย่างที่ร้ายแรงซ่อนอยู่”

หลี่เหม่ยถิงเลียปากด้านในด้วยความประหม่า นับว่าเป็นการเปิดเผยความสามารถพิเศษที่เธอเก็บไว้กับตัวไม่เคยบอกใครออกไป แต่ไม่รู้ว่าทำไม เพียงแค่คิดว่าอีกไม่นานคนคนนี้อาจจะตายไปทั้งแบบนี้หากไม่ได้เตือนเขา มันทำให้เธอไม่สบายใจจนปล่อยผ่านไม่ได้

ชายคนนี้มองหน้าฉันอย่างแปลกใจจริง ๆ แล้วคราวนี้ แต่เขาไม่ได้พูดว่าไม่เชื่อหรือปฏิเสธ เพียงแค่ส่งยิ้มบางเบามาให้

“ไปก่อนนะคะ ขอให้คุณโชคดีกลับไปได้อย่างปลอดภัยค่ะ”

“ขอบคุณมากครับ หากมีโอกาสไว้ผมจะตอบแทนคุณ”

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เรื่องเล็กน้อยเพียงแค่ยกฝ่ามือเท่านั้น” มือเล็กโบกปัดไปมาปฏิเสธความดีความชอบ หันหลังก้าวเดินออกไปจากห้องเก็บของ

“เด็กน้อย…ผมอยากเตือนอะไรสักหน่อย คราวหน้าอย่าทำแบบนี้อีกหากคนที่คุณช่วยมาเป็นคนไม่ดี ตัวคุณจะเดือดร้อนเอาได้”

‘ไม่ใช่เด็กสักหน่อย อายุห่างกันแค่ 8 ปี’ เสียงบ่นอุบอิบได้ยินชัดภายในห้องเงียบสงัดนี้

“เข้าใจแล้วค่ะ… คุณน้า

……………

Writer Talk:

อุ๊ย เขาเป็นใครหนอออ

ยัยน้องถิงก็แสบใช่ได้เลยนะลูกสาว

อ่านต่อนิยายเรื่องนี้

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...