365 วัน ผ่านไปอย่างรวดเร็ว เผลอกะพริบตาแป๊บเดียว ก็เดินทางมาถึงปีใหม่อีกปีแล้ว ทุกคนเป็นยังไงกันบ้าง? สบายดีกันหรือเปล่า? ยังโอเคกันอยู่มั้ย? แต่ถึงแม้จะเจอทั้งเรื่องทุกข์และเรื่องสุขปะปนกันไปตลอดปีนี้ เราก็อยากจะบอกทุกคนว่า…ทุกคนเก่งมากๆ แล้วนะ
และเชื่อว่าการถามไถ่ความรู้สึกตัวเองและทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมาในช่วงสิ้นปีแบบนี้ มันคงเป็นเรื่องธรรมดาที่เหมือนเป็นธรรมเนียมของทุกปี ที่ชวนให้หลายคนเริ่มกลับมาครุ่นคิดว่าอะไรบ้างที่เราทำได้ดีแล้ว อะไรบ้างที่เรายังอยากจะแก้ไขมัน หรืออะไรบ้างที่เราอยากจะทำมันให้ได้ ซึ่งสิ่งหนึ่งที่เป็นชาเลนจ์ของใครหลายคน อาจไม่ใช่เป้าหมายใหญ่ๆ เสมอไป แต่เป็นการโฟกัสเป้าหมายเล็กๆ อย่างการ ‘เปลี่ยนนิสัย’ บางอย่างของตัวเอง เพื่อให้เราเป็นเราในแบบที่อยากเป็นมากขึ้น
สำหรับผู้เขียนเอง นิสัยที่อยากเปลี่ยนมากที่สุด คงเป็นเรื่องความกังวลเรื่องอนาคตมากเกินไป จนทำให้เกิดความเครียดในปัจจุบัน แม้ว่าแท้จริงอนาคตที่เรามองว่าน่ากลัว มันอาจจะไม่น่ากลัวแบบที่เราคิดก็ได้ และถึงแม้ว่ามันจะน่ากลัวจริงๆ เราก็อาจจะเก่งมากพอที่จะผ่านพ้นมันไปได้ นั่นแหละสิ่งที่เราตั้งใจที่จะทำมันให้ได้ในปีหน้า คือการเชื่อมั่นในตัวเอง และให้เครดิตความเก่งของตัวเองมากขึ้น!
ก่อนจะจบปีนี้ เราเลยอยากส่งต่อพลังบวกและความตั้งใจของเพื่อนๆ รอบตัว ที่เราได้พูดคุยถึงความตั้งใจเล็กๆ ของพวกเขาและพวกเธอ ที่อยากจะเป็นคนที่ดีขึ้น ไม่ใช่เพื่อใคร แต่ ‘เพื่อตัวเอง’ ด้วยการกล้าที่จะยอมรับแบบใจๆ ถึงนิสัยที่ตัวเองไม่ชอบในตัวเอง และความเปราะบางหลายอย่างที่ทำให้ไม่ชอบนิสัยเหล่านั้น เพื่อนำไปสู่การแก้ไขชีวิตให้เฮลตี้มากขึ้นในปี 2025
บางคนตั้งใจจะมี Empathy ต่อตัวเองมากขึ้น บางคนอยากเลิกผัดวันประกันพรุ่ง บางคนตั้งใจจะพูดตรงๆ ถึงปัญหาต่างๆ มากขึ้น บางคนตั้งใจจะยึดติดกับ Beauty Standard ให้น้อยลง แล้วกลับมารักร่างกายของตัวเอง บางคนตั้งใจจะลองทำอะไรใหม่ๆ โดยการเดินออกจากเซฟโซน บางคนตั้งใจที่จะเลิกเป็น People Pleaser ที่ยอมคนอื่นทุกอย่าง แล้วกลับมายึดมั่นในความต้องการของตัวเอง หรือบางคนก็พูดอย่างเรียบง่ายว่า “ก็แค่อยากชอบตัวเองมากขึ้น”
เก้า / 27 ปี / Digital Marketing
ปี 2025 ‘เก้า’ จะลองทำอะไรใหม่ๆ และเดินออกจากเซฟโซนของตัวเอง เพราะนิสัยของตัวเองที่เธอแชร์ให้เราฟังว่าไม่ชอบมันมากที่สุดคือ การกลัวที่จะเริ่มต้นใหม่ เพราะขาดความมั่นใจในตัวเอง ซึ่งกำลังฉุดรั้งเธอ ไม่ให้เธอกล้าเริ่มทำอะไรที่อยากทำจริงๆ
“นิสัยที่เราไม่ชอบในตัวเองคือ นิสัยกลัวการเริ่มต้นใหม่ เพราะเราคิดว่าสิ่งที่ทำอยู่มันคือเซฟโซน เราคงเหมาะกับสิ่งที่ทำอยู่แล้ว ซึ่งมันทำให้เราไม่ได้เปิดรับอะไรใหม่ๆ เข้ามาในชีวิตเลย ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะเราไม่มีความมั่นใจ และกลัวความผิดพลาด กังวลว่าถ้างานออกมาจะถูกใจใครมั้ย เขาจะชอบเราหรือเปล่า ทำให้หลายครั้งเราลังเลที่จะลงมือทำอะไรสักอย่าง หรือทำมันได้ช้าลง”
“ปี 2025 เราอยากลองทำอะไรใหม่ๆ อยากมีประสบการณ์ในเรื่องที่ยังไม่เคยได้ทำ เพื่อให้เราไม่เบื่อหน่ายกับการใช้ชีวิตมากเกินไป แต่ก็ยังคงรับผิดชอบในหน้าที่ของตัวเองได้ดีด้วย เราอยากมีความมั่นใจในสิ่งที่ตัวเองทำมากขึ้น ก้าวข้ามความกลัวของตัวเอง และอยากให้กำลังใจตัวเองว่า ‘สิ่งที่เราทำมันดี มันโอเค ไม่ต้องกังวล’ ถ้ามันผิด ก็แค่ยอมรับผิด และแก้ไข นั่นแหละจะทำให้เราเข้มแข็งขึ้น เพราะถ้าเรากลัวการเริ่มต้น มันจะทำให้เราหยุดอยู่กับที่ ไม่ว่าจะเรื่องการทำงาน หรือการเข้าสังคมอื่นๆ เช่นกัน”
ตั้ว / 27 ปี / Creative Content
ปี 2025 ‘ตั้ว’ จะคิดมากให้น้อยลง และเลิกยึดติดกับ Beauty Standard เพราะกลัวว่าคนอื่นจะคิดอย่างไรกับตัวเอง เพราะนั่นคือนิสัยของตัวเองที่เธอแชร์ให้เราฟังว่าเธอไม่ชอบมันเลย
“นิสัยที่เราไม่ชอบในตัวเองคือ เป็นคนคิดมาก บางทีเราคิดเยอะเกินไป คิดไปก่อนล่วงหน้า แล้วสุดท้าย เราเองที่เก็บมันมาทุกข์ มานอยด์ พอเครียดเยอะก็ยิ่งกินเยอะ แล้วอาจเริ่มไม่ส่งผลดีต่อสุขภาพเท่าไหร่”
“ปี 2025 เราเลยอยากเห็นตัวเองเป็นคนคิดมากน้อยลง และยึดติดกับ Beauty Standard ให้น้อยลงกว่าเดิม รักร่างกายตัวเองให้มากกว่านี้ ให้ความสำคัญกับฟังก์ชันร่างกายและสุขภาพมากกว่าสิ่งที่อยู่ภายนอก เพราะก่อนหน้านี้ เราเคยนอยด์จนไม่อยากแต่งตัว ไม่อยากออกไปไหน บางวันหน้าตาเราดูไม่ละมุนเลย งั้นฉันไม่ออกไปเจอใครดีกว่า อย่างน้อยๆ เราเลยตั้งใจว่า หลังจากนี้จะพยายามมีความสุขกับชีวิตในทุกๆ วันให้เพิ่มขึ้นสัก 20% และแคร์อะไรพวกนี้ให้น้อยลง บางวันถ้าเจอคนมาบูลลี่ก็จะพยายามไม่แคร์ ในเมื่อเรามีคนที่พร้อมซัพพอร์ตเราอยู่รายล้อมขนาดนี้”
ป่าน / 31 ปี / Creative
ปี 2025 ‘ป่าน’ จะพยายามสื่อสารอย่างตรงไปตรงมากับคนรอบข้างมากขึ้น โดยเฉพาะคนที่ทำงาน เพราะการไม่กล้าสื่อสารตรงๆ เป็นนิสัยที่เธอมองว่าในระยะยาวมันอาจไม่เวิร์กต่อทั้งตัวเธอเองและคนรอบข้าง
“บางครั้งเราก็มองว่าเรามี empathy มากเกินไปจนไม่กล้า feedback เพื่อนร่วมงานในทีมตรงๆ ได้ เพราะเราเป็นคนที่เชื่อว่า การที่คนๆ นึงจะเก่งขึ้น จะโตขึ้น มันไม่จำเป็นต้องด่า หรือกดดันจนเครียด แต่พอเราคิดแบบนั้น เราเองก็ต้องมานั่งเหนื่อย หรือเครียดในการหาวิธีคุยกับเขา จนเขาอาจจะไม่ได้รับรู้สิ่งที่ควรแก้ไขหรือปรับปรุงได้แบบ 100%”
“ปี 2025 เราเลยอยากพูดให้ตรงมากขึ้น แต่ยังอยู่ภายใต้การพูดคุยแบบ positive ถนอมน้ำใจคนฟังให้ได้มากที่สุด เพื่อให้กำลังใจ และ empower คนฟังได้ด้วย”
ยุ่น / 37 ปี / ช่างภาพ
ปี 2025 ‘ยุ่น’ จะพยายามคิดก่อนพูด เพื่อประคองความสัมพันธ์ของเขาและแฟนให้ยั่งยืนมากขึ้น เพราะการเลือกใช้คำพูดคำพูดบางคำมันอาจส่งผลต่อใจอีกฝ่ายได้มากเลยทีเดียว
“เราเป็นคนผัดวันประกันพรุ่งกับเรื่องเล็กๆ ไม่ยอมแก้มันสักที ซึ่งเรามาทบทวนดูแล้ว ก็คิดว่า ถ้าไม่แก้เลย มันคงไม่ดีในระยะยาว เช่น เราเป็นคนใช้คำพูดไม่ค่อยเป็นกับคนใกล้ตัว แล้วเผลอทำให้เขารู้สึกไม่ดี แม้เจตนาของเราจะไม่ได้อยากให้เขารู้สึกแย่ก็ตาม แต่เราก็พยายามจะแก้มันให้ได้ ถ้ายังแก้ไม่ได้ ก็จะพยายามพูดให้น้อยลงไว้ก่อน คิดเยอะๆ ไว้ก่อน อย่างแฟนเรา เราก็ไม่อยากให้เวลาเขาเหนื่อยๆ กลับมาบ้าน มาแชร์เรื่องราวให้เราฟัง แทนที่จะได้ผ่อนคลาย แต่กลายมาเป็นตึงๆ กันแทน”
“ถึงอย่างนั้น เราก็มองว่ามันใช่เรื่องร้ายแรงอะไร มันเป็นปกติของชีวิตคู่ที่จะมีปัญหากันบ้าง ก็พยายามแก้กันไปครับ”
บลู / 27 / ธุรกิจส่วนตัว
ปี 2025 ‘บลู’ จะพยายามแก้นิสัยที่ไม่ค่อยชอบของตัวเอง นั่นคือ การใช้ชีวิตแบบที่ไม่กำหนดเป้าหมายของตัวเอง จนทำอะไรไม่เสร็จสักอย่างเลย
“ปี 2024 เราไม่กำหนดเป้าหมายอะไรให้ตัวเองเลย ซึ่งมันทำให้บางอย่างที่อยากจะทำ มันทำไม่เสร็จสักที หรือไม่เป็นไปตามที่เราตั้งเป้าหมายไว้ ล่องลอย หลุดโฟกัส และทำมันได้ไม่เต็มที่ ปี 2025 เราเลยอยากแก้นิสัยนี้ โดยการมีเป้าหมายชดเจนมากขึ้น ทำ planner จริงจังขึ้น เพื่อให้ตัวเองรู้ว่า มีอะไรที่เราต้องทำบ้าง และอยากลงมือทำมันเลยดูสักตั้ง เพราะจริงๆ เราก็อยากเห็นตัวเองในมุมที่ทำเป้าหมายได้สำเร็จเหมือนกัน แม้เป้าหมายนั้นมันจะเป็นเรื่องเล็กๆ ก็ตาม”
“เราอยากอ่านหนังสือที่ซื้อให้จบสักเล่ม อย่างน้อยเดือนละเล่ม อยากปรับการตื่นนอนให้เป็นเวลา นอนเร็วขึ้น ตื่นเช้าขึ้น และดื่มน้ำให้ได้วันละ 8 แก้วต่อวัน!”
มีน / 28 ปี / พนักงานบริษัท
ปี 2025 ‘มีน’ ตั้งใจว่าจะพยายามเดินออกจากโลกของตัวเอง และเปิดโอกาสให้ตัวเองได้เข้าสังคมสำรวจเรื่องอื่นๆ รอบตัวบ้าง เพราะที่ผ่านมา เธอเป็นคนไม่ชอบออกไปเปิดหูเปิดตาเสียเท่าไหร่ ซึ่งเธอบอกว่านิสัยนี้ ทำให้เธอพลาดโอกาสหลายๆ อย่างในชีวิตไป
“นิสัยที่ไม่ค่อยชอบของเราคือ เป็นคนหวงพื้นที่ หวงเอเนอร์จี้ตัวเองมากๆ ถ้ารู้ว่ามีกิจกรรมอะไรสักอย่างที่ต้องใช้พลังเยอะๆ เช่น ต้องไปอีเวนต์ที่เจอคนมากๆ ไปในที่ที่เราต้องต่อคิวนานๆ ต้องไปทำความรู้จักใครใหม่ นอกเหนือจากการทำงาน หรือต้องทำกิจกรรมอะไรที่มันผิดแปลกไปจากเวลาชีวิตที่เรากำหนดไว้ เราจะไม่ทำมันเลย ซึ่งบางครั้งมันทำให้เราเสียโอกาสในการเจอคน พลาดที่จะมีสังคมกับคนอื่น หรือได้รับประสบการณ์ใหม่ๆ พอสังคมเราน้อยลง พอนึกได้อีกที เอ้า! เหลือเราคนเดียวนี่นา เพื่อนไปไหนกันหมด ผู้ชงผู้ชายก็ไม่มี เพราะขี้เกลียดคุยกับเขา แต่ก็มาบ่นเหงาเอง งงมากนะ (หัวเราะ)”
“ปี 2025 เราเลยพยายามออกจากโลกของตัวเองไปเรียนรู้เรื่องอื่นๆ รอบตัว เข้าสังคมมากขึ้น ให้มันมีสีสันในชีวิตเพิ่มขึ้นบ้าง แต่คงไม่ถึงขนาดต้องเป็น best version ขนาดนั้น เพราะเอาจริง เราก็ไม่รู้ว่าแค่ไหนมันคือดีที่สุด แค่อยากใช้ชีวิตให้มีสีสันมากขึ้นก็พอแล้วค่ะ ไม่วนลูปแบบ ทำงาน กลับห้อง กินข้าว อ่านหนังสือ คือต้องเดินออกจากนิยายเดินป่าหาขุมทรัพย์ไปเจอคนบ้างก่อน”
ตั้ง / 27 ปี / Graphic Designer
ปี 2025 ‘ตั้ง’ จะแก้นิสัยการเป็น People Pleaser แบบสุดโต่ง ของตัวเอง เพราะที่ผ่านมาเขาห่วงแต่ความรู้สึกของคนอื่น จนลืมนึกไปว่า ตัวเองก็มีความรู้สึก และสามารถตัดสินใจในการเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ตัวเองได้
“นิสัยที่ไม่ชอบของตัวเองคือการเป็น People Pleaser แบบสุดโต่ง สุดในที่นี้หมายถึงเราใช้ชีวิตแบบเอาใจคนอื่นมากจนเกินไป ชอบคิดว่าเขาจะคิดยังไงกับเรา เขาจะชอบเรามั้ย การที่เราทำแบบนี้มันจะไปทำร้ายความรู้สึกเขามั้ย บางครั้งหนักจนถึงขนาดที่ในเรื่องที่เราไม่ใช่ฝ่ายผิดอะไร แต่อีกคนรู้สึกแย่ เราก็จะเปลี่ยนมันมาเป็นความผิดของเราเอง เพราะเรามองว่าการที่เรามารู้สึกเองมันคงง่ายกว่าการที่ให้คนอื่นรู้สึกไม่ดี ทำให้บางครั้ง เราก็พยายามจะช่วยคนอื่นทั้งที่ตัวเองก็แทบจะไม่ไหวแล้วเหมือนกัน”
“การมีนิสัยแบบนี้ เรามองว่ามันเหมือนมะเร็งในความคิด เมื่อไหร่ที่เราอ่อนแอ่มันจะกลับมาหาเราเสมอ มันทำให้เราไม่รู้ว่าเราชอบทำอะไร จุดยืนของเราอยู่ตรงไหน สิ่งที่เรารักจริงๆ คืออะไร ในช่วงเวลาหนึ่งเราอาจจะรู้สึกมีความสุขที่ได้ทำตามใจคนอื่น แต่ท้ายที่สุดมันก็จะกลับมาทำร้ายเราเองอยู่ดี เพราะคุณค่าของเรามันไปผูกอยู่กับคนรอบตัว การที่เราไม่ได้ฟังเสียงตัวเอง มันทำให้เรากลายเป็นคนที่เจ็บที่สุด เสียใจที่สุด ไม่เด็ดขาดก็ลำบากตัวเองไป และในวันหนึ่งที่เราไม่สามารถทำตัวให้คนอื่นรักหรือทำให้คนอื่นรู้สึกดีได้ ตัวเราเองก็จะเจ็บที่สุดอีกอยู่ดี ท้ายที่สุดก็จะไม่มีใครเข้าใจเราเลยแม้แต่ตัวเราเองเพราะเราไม่เคยรักตัวเองเลยแม้แต่วันเดียว”
“มีครั้งหนึ่งเราโดนเพื่อนในกลุ่มเขียนโพสต์อิทด่าทุกวัน ด้วยคำพูดที่หยาบคายและใจร้ายกับเรามากๆ เขาก็มาสารภาพกับเราตรงๆ ว่าเขาทำ เราก็โทษตัวเองอีกและพยายามทำความเข้าใจเหตุผลของเขา เพราะเราแค่รู้สึกว่าเราอยากจะรักษาเขาไว้ในชีวิต แม้เขาจะไม่รักหรือแคร์เราเลยก็ตาม”
“ปี 2025 เราเลยอยากแก้นิสัยที่พยายามทำตัวเองให้เป็นที่รักของคนอื่นอยู่ตลอดเวลา เพราะเมื่อไหร่ที่เรารักและเข้าใจตัวเองโดยแท้จริง เราจะไม่คาดหวังความรักจากใครเลย เราอยากเห็นตัวเองเป็นคนที่รักตัวเองมากขึ้น คาดหวังการยอมรับจากคนอื่นให้น้อยลง ชื่นชมตัวเองบ่อยๆ เข้าใจความสุขและความต้องการของตัวเอง เป็นตัวเองในเวอร์ชั่นใหม่ที่ไม่ใช่คนใจร้ายและไม่เห็นอกเห็นใจคนอื่น แต่เป็นคนที่เอาตัวเองมาเป็นที่หนึ่ง อาจจะลองมองตัวเองเป็นไอดอลคนหนึ่ง ที่มีตัวเราเป็นแฟนคลับของตัวเองที่รักไอดอลคนนี้มากที่สุดดู”
ปุ้ย / 34 ปี / ล่ามภาษาญี่ปุ่น
ปี 2025 ‘ปุ้ย’ อยากรู้สึกตอบตัวเองให้มากกว่านี้
“นิสัยที่เราไม่ชอบในตัวเอง คือการที่เรา ‘ไม่ชอบ’ ตัวเอง ปี 2025 เราเลยอยากทำให้ตัวเอง รู้สึกชอบตัวเองมากกว่านี้ และเมื่อเราชอบตัวเองมากขึ้น เราคิดว่า คนข้างๆ อาจมีความสุขเพิ่มขึ้นไปด้วย เพราะความสุขของเราคือการเห็นคนที่รักมีความสุข”
แล้วคุณล่ะ อยากเปลี่ยนนิสัยอะไรของตัวเองกันบ้าง? มาแชร์ให้ฟังกันได้นะ
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง
- “ปีหน้า ตั้งใจจะชอบตัวเองมากขึ้น!” ปณิธานปีใหม่ของผู้คนที่กล้ายอมรับถึงนิสัยที่ไม่ชอบของตัวเอง และพร้อมแก้ไขมันให้ดียิ่งขึ้น
- การต่อสู้ 40 ปี ของมูลนิธิเอ็มพาวเวอร์ เมื่อ Sex Worker ลุกขึ้นพิทักษ์สิทธิ์ตัวเอง และฉายภาพชีวิตจริงสู่สายตาทั่วโลกด้วยละครเวที
- คุณไพลิน อัมพุช ผู้อำนวยการใหญ่บริหารสินค้า บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด ผู้นำที่กล้าวางแผนและ Take Action now ในยุคที่ต้องตัดสินใจให้ทันการเปลี่ยนแปลง
ตามบทความก่อนใครได้ที่
- Website : Mirror Thailand.com