คดีอดีตสามีทำร้ายภรรยา คำพูดที่ชี้ชัดถึงความคิดของคนที่เลือกจะใช้ความรุนแรง และ ‘วงจรความรุนแรง’ ที่เมื่อเกิดขึ้นแล้ว ก็มักจะมีครั้งต่อไปเสมอ
ก้าวเข้าสู่ปีใหม่อย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้ว แต่ปัญหาเดิมๆ อย่างเรื่องความรุนแรงในความสัมพันธ์ยังคงไม่ไปไหน อย่างกรณีหนึ่งที่เป็นที่พูดถึงไม่น้อยในช่วงหยุดปีใหม่ที่ผ่านมา ก็คือกรณีที่อดีตสามีทำร้ายร่างกายอดีตภรรยา ซึ่งในคลิปวิดิโอที่ฝ่ายหญิงบันทึกเอาไว้ ได้เผยให้เห็นภาพการทำร้ายร่างกายและคำพูดของฝ่ายชายที่บอกว่า “กูบอกแล้วใช่มั้ยให้ชี้นกเป็นนก ชี้ไม้เป็นไม้ ถ้าจะกลับมา มึงยังจะมีความคิดเป็นของตัวเองอีกเหรอ” ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นทัศนคติที่น่าตกใจไม่แพ้การกระทำเลยทีเดียว
สำหรับกรณีนี้ ฝ่ายหญิงแต่งงานกับฝ่ายชายและมีลูกด้วยกัน ก่อนหน้านี้เธอเคยถูกเขาทำร้ายร่างกายมาระยะหนึ่งแล้ว โดยมีสาเหตุสำคัญจากความขัดแย้งเรื่องแม่ของฝ่ายชายที่พยายามเข้ามามีบทบาทในชีวิตคู่ จากนั้นทั้งคู่ได้ตัดสินใจหย่าร้างกัน แต่ในช่วงที่เธอย้ายกลับมาอยู่บ้านอดีตสามี เธอก็ได้ถูกทำร้ายอีกครั้ง จึงตัดสินใจตั้งกล้องเพื่อบันทึกเหตุการณ์เอาไว้ ไม่เพียงเท่านั้นยังมีการเปิดเผยว่าคนรักเก่าของฝ่ายชายก็เคยถูกทำร้ายจนแท้งลูกถึง 2 ครั้งอีกด้วย
และคำพูดของเขาที่ได้ถูกบันทึกเอาไว้ ก็สะท้อนชัดเจนถึงทัศนคติของคนที่เลือกใช้ความรุนแรง เมื่อเขามองว่าชีวิตของฝ่ายหญิงนั้นขึ้นอยู่กับเขาและจำเป็นต้องพึ่งพาเขา อย่างในกรณีนี้ก็หมายถึงบ้านที่เขายอมให้เธอกลับเข้ามาอาศัย โดยมีข้อแม้ว่าเธอต้องเชื่อฟังเขาทุกอย่างและห้ามมีปากเสียงในทุกกรณี ไม่อย่างนั้นก็สมควรถูกทำร้ายร่างกาย ซึ่งการทำร้ายร่างกายนี้อาจเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดเท่าที่ตัวเขาจะนึกได้ในการใช้ควบคุมความประพฤติคนรักของตนเอง
และนี่ก็เป็นเพียงอีกหนึ่งกรณีที่ถูกเปิดเผยให้สังคมได้รับรู้ แต่ในความเป็นจริง ยังมีอีกหลายคนเหลือเกินที่กำลังเผชิญความรุนแรงชนิดนี้อยู่และอาจยังไม่มีโอกาสได้บอกเล่า หรือหากเราลองดูในเว็บไซต์ข่าว ก็จะเห็นหัวข้อข่าวอีกมากมายที่ว่าด้วยความรุนแรงในครอบครัว ซึ่งหลายคนในข่าวเหล่านั้นไม่ได้เพียงเจ็บตัวและเจ็บปวดใจ แต่หลายคนได้ถูกทำร้ายจนเสียชีวิต…
หากย้อนไปดูสถิติของปี 2567 ที่ผ่านมา ทางกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ได้เปิดเผยว่าในประเทศไทยมีผู้ถูกกระทำความรุนแรงเฉลี่ยวันละ 42 ราย และส่วนใหญ่เป็นความรุนแรงในครอบครัวที่รวมแล้วสูงถึง 4,833 ราย และส่วนใหญ่ (72%) ผู้กระทำคือเพศชายผู้เป็นสามี หรือไม่ก็เป็นพ่อ
ซึ่งหากอ้างอิงจากองค์กรที่ช่วยเหลือผู้รอดชีวิตจากการความรุนแรงเหล่านี้ หลายองค์กรระบุตรงกันว่า สาเหตุที่นำไปสู่การกระทำความรุนแรงนั้นมีหลายต่อหลายข้อซึ่งอาจรวมกันหรือแยกกัน ตั้งแต่ความรุนแรงที่คนคนนั้นเคยเผชิญหรือเคยพบเห็นในวัยเด็ก ความเครียดในชีวิตและสภาวะเศรษฐกิจ ทัศนคติเหยียดเพศ ปัญหาในการควบคุมอารมณ์ สภาวะต่อต้านสังคม การใช้สารเสพติดหรือแอลกอฮอล์ร่วมด้วย ฯลฯ ซึ่งทั้งหมดนี้จะยิ่งปะทุไปสู่ความรุนแรงได้ง่าย หากตัวคนที่อยู่ในสภาวะเหล่านี้มีความต้องการที่จะควบคุมหรือมีอำนาจเหนือคนรัก
ขณะที่ปัจจัยและลักษณะนิสัยของผู้ใช้ความรุนแรงนั้นได้ถูกพัฒนาขึ้นมาจนเกิดขึ้นแล้ว คงยากที่จะย้อนกลับ ดังนั้น แม้จะน่าเศร้าใจ แต่ทางแก้ปัญหาที่ตรงจุดที่สุดนั้นจึงขึ้นอยู่กับตัวของผู้ถูกกระทำเอง ที่จำเป็นต้องเดินออกจากความสัมพันธ์ที่เลวร้ายนั้นให้สำเร็จ เพื่อให้ตัวเองไม่ต้องเผชิญความเสี่ยงอีก และการรู้เท่าทัน ‘วงจรความรุนแรง’ หรือ ‘abuse cycle’ นั้นเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพราะผู้ถูกกระทำหลายๆ คนไม่สามารถก้าวออกจากความสัมพันธ์ได้ เพราะเชื่อว่าเขาจะไม่กระทำอีก แต่โดยสถิติแล้ว หากมันเกิดขึ้นหนึ่งครั้ง มักจะมีครั้งต่อไปเสมอ ซึ่งวงจรความรุนแรงนี้มีอยู่ 6 เฟสด้วยกัน ได้แก่
1. Build-up Phase: ภาวะตึงเครียดเริ่มเกิดขึ้น
2. Stand-over phase: เริ่มมีการโต้เถียงกันด้วยคำพูด
3. Explosion phase: มีการใช้ความรุนแรงเกิดขึ้น
4. Remorse phase: ผู้กระทำให้เหตุผลว่าตัวเองทำลงไปทำไม และมักเป็นการโยนความผิดให้ฝั่งผู้ถูกกระทำ
5. Pursuit phase: ผู้กระทำให้สัญญาว่าจะไม่ใช้ความรุนแรงอีก หรือให้อีกฝ่ายสัญญาว่าจะไม่ขัดใจอีก (อาจมีการขอโทษหรือไม่ก็ได้)
6. Honeymoon phase: เข้าสู่ช่วงที่คืนดีกัน ผู้กระทำอาจทำตัวน่ารักหรือเอาใจใส่เป็นพิเศษ จนฝ่ายผู้ถูกกระทำใจอ่อน แต่ในที่สุด เฟสที่ 1 หรือสภาวะตึงเครียดในเรื่องเดิมหรือเรื่องอื่นๆ ก็จะวนมาอีกครั้ง
ท้ายที่สุดนี้ เราคงต้องทิ้งท้ายไว้อีกนิด ว่าความรุนแรงในความสัมพันธ์นั้นไม่ได้มาในรูปแบบของการลงมือทำร้ายตบตีเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการทำร้ายด้วยวาจา การกดดันทางอารมณ์ การปล่อยทิ้งให้โดดเดี่ยว รวมถึงการใช้ความรุนแรงทางเพศ และการทำร้ายในทางเศรษฐกิจด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้ก็ล้วนแต่มีวงจรของมัน เมื่อเกิดแล้ว มีแนวโน้มสูงที่จะเกิดซ้ำ ไม่มีวันจบลง ดังนั้นแล้ว หากคุณเองหรือคนใกล้ตัวกำลังเผชิญความรุนแรงเหล่านี้อยู่ เราขอส่งกำลังใจอย่างแรงให้สามารถก้าวออกจากความสัมพันธ์นั้นๆ ได้ไวๆ นะคะ
อ้างอิง
https://www.thereporters.co/tw-politics/2511241319/
https://www.domesticshelters.org/articles/identifying-abuse/what-makes-people-choose-to-abuse
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง
- คดีอดีตสามีทำร้ายภรรยา คำพูดที่ชี้ชัดถึงความคิดของคนที่เลือกจะใช้ความรุนแรง และ ‘วงจรความรุนแรง’ ที่เมื่อเกิดขึ้นแล้ว ก็มักจะมีครั้งต่อไปเสมอ
- อันตรายของการให้ ‘เด็ก’ แต่งตัวเซ็กซี่เกินวัย เมื่อผู้ปกครองยุคใหม่ จับลูกๆ แต่งตัวแซ่บตามเทรนด์ ที่ด้านหนึ่งอาจดูเปิดกว้าง แต่อีกด้านคือความเสี่ยงที่อาจถูกฉวยโอกาสจากคนใคร่เด็ก
- Women Farmers Japan เครือข่ายเกษตรกรหญิงที่จะไม่ทิ้งใครไว้ลำพังท่ามกลางวัฒนธรรมการเกษตรแบบญี่ปุ่นที่เน้นการทำฟาร์มแบบครอบครัว
ตามบทความก่อนใครได้ที่
- Website : Mirror Thailand.com