โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

คดีอดีตสามีทำร้ายภรรยา คำพูดที่ชี้ชัดถึงความคิดของคนที่เลือกจะใช้ความรุนแรง และ ‘วงจรความรุนแรง’ ที่เมื่อเกิดขึ้นแล้ว ก็มักจะมีครั้งต่อไปเสมอ

Mirror Thailand

อัพเดต 06 ม.ค. เวลา 11.56 น. • เผยแพร่ 06 ม.ค. เวลา 11.56 น.
ภาพไฮไลต์

ก้าวเข้าสู่ปีใหม่อย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้ว แต่ปัญหาเดิมๆ อย่างเรื่องความรุนแรงในความสัมพันธ์ยังคงไม่ไปไหน อย่างกรณีหนึ่งที่เป็นที่พูดถึงไม่น้อยในช่วงหยุดปีใหม่ที่ผ่านมา ก็คือกรณีที่อดีตสามีทำร้ายร่างกายอดีตภรรยา ซึ่งในคลิปวิดิโอที่ฝ่ายหญิงบันทึกเอาไว้ ได้เผยให้เห็นภาพการทำร้ายร่างกายและคำพูดของฝ่ายชายที่บอกว่า “กูบอกแล้วใช่มั้ยให้ชี้นกเป็นนก ชี้ไม้เป็นไม้ ถ้าจะกลับมา มึงยังจะมีความคิดเป็นของตัวเองอีกเหรอ” ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นทัศนคติที่น่าตกใจไม่แพ้การกระทำเลยทีเดียว

สำหรับกรณีนี้ ฝ่ายหญิงแต่งงานกับฝ่ายชายและมีลูกด้วยกัน ก่อนหน้านี้เธอเคยถูกเขาทำร้ายร่างกายมาระยะหนึ่งแล้ว โดยมีสาเหตุสำคัญจากความขัดแย้งเรื่องแม่ของฝ่ายชายที่พยายามเข้ามามีบทบาทในชีวิตคู่ จากนั้นทั้งคู่ได้ตัดสินใจหย่าร้างกัน แต่ในช่วงที่เธอย้ายกลับมาอยู่บ้านอดีตสามี เธอก็ได้ถูกทำร้ายอีกครั้ง จึงตัดสินใจตั้งกล้องเพื่อบันทึกเหตุการณ์เอาไว้ ไม่เพียงเท่านั้นยังมีการเปิดเผยว่าคนรักเก่าของฝ่ายชายก็เคยถูกทำร้ายจนแท้งลูกถึง 2 ครั้งอีกด้วย

และคำพูดของเขาที่ได้ถูกบันทึกเอาไว้ ก็สะท้อนชัดเจนถึงทัศนคติของคนที่เลือกใช้ความรุนแรง เมื่อเขามองว่าชีวิตของฝ่ายหญิงนั้นขึ้นอยู่กับเขาและจำเป็นต้องพึ่งพาเขา อย่างในกรณีนี้ก็หมายถึงบ้านที่เขายอมให้เธอกลับเข้ามาอาศัย โดยมีข้อแม้ว่าเธอต้องเชื่อฟังเขาทุกอย่างและห้ามมีปากเสียงในทุกกรณี ไม่อย่างนั้นก็สมควรถูกทำร้ายร่างกาย ซึ่งการทำร้ายร่างกายนี้อาจเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดเท่าที่ตัวเขาจะนึกได้ในการใช้ควบคุมความประพฤติคนรักของตนเอง

และนี่ก็เป็นเพียงอีกหนึ่งกรณีที่ถูกเปิดเผยให้สังคมได้รับรู้ แต่ในความเป็นจริง ยังมีอีกหลายคนเหลือเกินที่กำลังเผชิญความรุนแรงชนิดนี้อยู่และอาจยังไม่มีโอกาสได้บอกเล่า หรือหากเราลองดูในเว็บไซต์ข่าว ก็จะเห็นหัวข้อข่าวอีกมากมายที่ว่าด้วยความรุนแรงในครอบครัว ซึ่งหลายคนในข่าวเหล่านั้นไม่ได้เพียงเจ็บตัวและเจ็บปวดใจ แต่หลายคนได้ถูกทำร้ายจนเสียชีวิต…

หากย้อนไปดูสถิติของปี 2567 ที่ผ่านมา ทางกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ได้เปิดเผยว่าในประเทศไทยมีผู้ถูกกระทำความรุนแรงเฉลี่ยวันละ 42 ราย และส่วนใหญ่เป็นความรุนแรงในครอบครัวที่รวมแล้วสูงถึง 4,833 ราย และส่วนใหญ่ (72%) ผู้กระทำคือเพศชายผู้เป็นสามี หรือไม่ก็เป็นพ่อ

ซึ่งหากอ้างอิงจากองค์กรที่ช่วยเหลือผู้รอดชีวิตจากการความรุนแรงเหล่านี้ หลายองค์กรระบุตรงกันว่า สาเหตุที่นำไปสู่การกระทำความรุนแรงนั้นมีหลายต่อหลายข้อซึ่งอาจรวมกันหรือแยกกัน ตั้งแต่ความรุนแรงที่คนคนนั้นเคยเผชิญหรือเคยพบเห็นในวัยเด็ก ความเครียดในชีวิตและสภาวะเศรษฐกิจ ทัศนคติเหยียดเพศ ปัญหาในการควบคุมอารมณ์ สภาวะต่อต้านสังคม การใช้สารเสพติดหรือแอลกอฮอล์ร่วมด้วย ฯลฯ ซึ่งทั้งหมดนี้จะยิ่งปะทุไปสู่ความรุนแรงได้ง่าย หากตัวคนที่อยู่ในสภาวะเหล่านี้มีความต้องการที่จะควบคุมหรือมีอำนาจเหนือคนรัก

ขณะที่ปัจจัยและลักษณะนิสัยของผู้ใช้ความรุนแรงนั้นได้ถูกพัฒนาขึ้นมาจนเกิดขึ้นแล้ว คงยากที่จะย้อนกลับ ดังนั้น แม้จะน่าเศร้าใจ แต่ทางแก้ปัญหาที่ตรงจุดที่สุดนั้นจึงขึ้นอยู่กับตัวของผู้ถูกกระทำเอง ที่จำเป็นต้องเดินออกจากความสัมพันธ์ที่เลวร้ายนั้นให้สำเร็จ เพื่อให้ตัวเองไม่ต้องเผชิญความเสี่ยงอีก และการรู้เท่าทัน ‘วงจรความรุนแรง’ หรือ ‘abuse cycle’ นั้นเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพราะผู้ถูกกระทำหลายๆ คนไม่สามารถก้าวออกจากความสัมพันธ์ได้ เพราะเชื่อว่าเขาจะไม่กระทำอีก แต่โดยสถิติแล้ว หากมันเกิดขึ้นหนึ่งครั้ง มักจะมีครั้งต่อไปเสมอ ซึ่งวงจรความรุนแรงนี้มีอยู่ 6 เฟสด้วยกัน ได้แก่

1. Build-up Phase: ภาวะตึงเครียดเริ่มเกิดขึ้น

2. Stand-over phase: เริ่มมีการโต้เถียงกันด้วยคำพูด

3. Explosion phase: มีการใช้ความรุนแรงเกิดขึ้น

4. Remorse phase: ผู้กระทำให้เหตุผลว่าตัวเองทำลงไปทำไม และมักเป็นการโยนความผิดให้ฝั่งผู้ถูกกระทำ

5. Pursuit phase: ผู้กระทำให้สัญญาว่าจะไม่ใช้ความรุนแรงอีก หรือให้อีกฝ่ายสัญญาว่าจะไม่ขัดใจอีก (อาจมีการขอโทษหรือไม่ก็ได้)

6. Honeymoon phase: เข้าสู่ช่วงที่คืนดีกัน ผู้กระทำอาจทำตัวน่ารักหรือเอาใจใส่เป็นพิเศษ จนฝ่ายผู้ถูกกระทำใจอ่อน แต่ในที่สุด เฟสที่ 1 หรือสภาวะตึงเครียดในเรื่องเดิมหรือเรื่องอื่นๆ ก็จะวนมาอีกครั้ง

ท้ายที่สุดนี้ เราคงต้องทิ้งท้ายไว้อีกนิด ว่าความรุนแรงในความสัมพันธ์นั้นไม่ได้มาในรูปแบบของการลงมือทำร้ายตบตีเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการทำร้ายด้วยวาจา การกดดันทางอารมณ์ การปล่อยทิ้งให้โดดเดี่ยว รวมถึงการใช้ความรุนแรงทางเพศ และการทำร้ายในทางเศรษฐกิจด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้ก็ล้วนแต่มีวงจรของมัน เมื่อเกิดแล้ว มีแนวโน้มสูงที่จะเกิดซ้ำ ไม่มีวันจบลง ดังนั้นแล้ว หากคุณเองหรือคนใกล้ตัวกำลังเผชิญความรุนแรงเหล่านี้อยู่ เราขอส่งกำลังใจอย่างแรงให้สามารถก้าวออกจากความสัมพันธ์นั้นๆ ได้ไวๆ นะคะ

อ้างอิง

https://www.thereporters.co/tw-politics/2511241319/

https://www.thehotline.org/identify-abuse/why-do-people-abuse/#:~:text=Domestic%20violence%20stems%20from%20a,and%20restrict%20their%20partner's%20lives.

https://www.domesticshelters.org/articles/identifying-abuse/what-makes-people-choose-to-abuse

https://theconversation.com/why-do-some-men-commit-domestic-violence-trauma-and-social-isolation-may-play-a-role-217179

อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง

ตามบทความก่อนใครได้ที่
- Website : Mirror Thailand.com

Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...