โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

สภาพัฒน์ฯ ห่วงคนไทยติดหรู เสี่ยงก่อหนี้เกินตัว แนะดึงสหกรณ์เข้าเครดิตบูโร

การเงินธนาคาร

อัพเดต 09 มิ.ย. เวลา 15.14 น. • เผยแพร่ 09 มิ.ย. เวลา 08.14 น.

หนี้ครัวเรือนไทย ไตรมาส 4/67 แตะ 16.42 ล้านล้านบาท สภาพัฒน์ห่วงคนไทยติดหรู แต่เงินออมฉุกเฉินน้อย เสี่ยงก่อหนี้เกินตัว แนะดึงสหกรณ์เข้าร่วมเครดิตบูโรแก้หนี้ซ้ำซ้อน

9 มิ.ย. 2568 นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยว่า หนี้สินครัวเรือนในไตรมาส 4 ปี 2567 มีมูลค่า 16.42 ล้านล้านบาท ขยายตัว 0.2% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนจากความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ โดยเฉพาะธนาคารพาณิชย์ ส่งผลให้สัดส่วนหนี้สินครัวเรือนต่อ GDP ปรับลดลงมาอยู่ 88.4% จาก 88.9% ของไตรมาสก่อนหน้า

“หนี้ครัวเรือนไตรมาส 1 ปี 68 อยู่ที่ 88.4% ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้าที่ 88.9% โดยหนี้ในกลุ่มยานยนต์ สินเชื่อธุรกิจปรับลดลง ส่วนสินเชื่อส่วนบุคคลยังขยายตัว”

ด้านคุณภาพสินเชื่อของครัวเรือนปรับลดลง โดยมูลค่าสินเชื่อส่วนบุคคลที่ค้างชำระเกิน 90 วันขึ้นไป (NPLs) ในฐานข้อมูลเครดิตบูโร มีจำนวน 1.22 ล้านล้านบาท ขยายตัว 16.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหรือคิดเป็นสัดส่วนต่อสินเชื่อรวมอยู่ที่ 8.94% เพิ่มขึ้นจาก 8.78% ของไตรมาสที่ผ่านมา

โดยสัดส่วน NPLs ต่อสินเชื่อรวมในสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ สินเชื่อเพื่อการพาณิชย์ และสินเชื่ออื่น ๆ โดยเฉพาะสินเชื่อรายย่อยเพื่อการประกอบอาชีพ และสินเชื่อเช่าซื้ออื่นที่ไม่ใช่รถยนต์มีสัดส่วนสูง สำหรับสินเชื่อที่มีสัดส่วน NPLs ต่อสินเชื่อรวมลดลง ได้แก่ สินเชื่อที่อยู่อาศัย บัตรเครดิต และการเกษตร ขณะที่สินเชื่อส่วนบุคคลมีสัดส่วนคงที่

“NPL ไตรมาส 4 ปี 2567 ขยายตัว 16.4% ดังนั้นมาตรการของธปท. และคลัง ต้องพุ่งเป้าในการสกัดหนี้ไม่ให้เป็น NPL โดยปรับเงื่อนไขให้ผู้ที่เริ่มมีปัญหาให้เข้ามาตรการ ส่วนแนวโน้ม NPL จะเพิ่มขึ้นไหมขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจและรายได้ของประชาชน หากมีมาตรการไปช่วยเรื่องการลงทุนหรือเติมเม็ดเงินในระบบก็จะช่วยเรื่องนี้ได้”

ขณะที่สินเชื่อค้างชำระระหว่าง 30 - 90 วัน (SMLs) มีมูลค่า 5.68 แสนล้านบาท ลดลง 6.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณารายประเภทสินเชื่อ พบว่า SMLs ของสินเชื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่อเพื่อการพาณิชย์ มีสัดส่วนต่อสินเชื่อรวมและมูลค่าขยายตัวมากขึ้น สะท้อนแนวโน้มที่อาจมีหนี้เสียเพิ่มจึง อาจต้องส่งเสริมให้ลูกหนี้โดยเฉพาะในกลุ่มดังกล่าวปรับโครงสร้างหนี้ผ่านโครงการคุณสู้เราช่วยที่มีการดำเนินการอยู่

“สัดส่วนหนี้ SM ต่อสินเชื่อรวมในไตรมาส 4 ปี 2567 อยู่ที่ 4.17% เพิ่มจากไตรมาสก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ 3.52% ดังนั้นมาตรการแก้หนี้อย่างคุณสู้เราช่วยอาจต้องปรับเงื่อนไขที่เหมาะสมเพิ่มขึ้นเพื่อไม่ให้ SM กลายเป็น NPL นอกจากนี้ยังต้องหามาตรการช่วยผู้ที่ชำระหนี้ดีมาตลอดแต่มีปัญหาการชำระหรือติดขัดเล็กน้อยเพื่อไม่ให้กลุ่มนี้กลายเป็นหนี้ SM”

นายดนุชา เปิดเผยว่า สถานการณ์หนี้ครัวเรือนของไทย มีประเด็นที่ต้องให้ความสำคัญ ได้แก่

1. คนไทยมีพฤติกรรรมการบริโภคแบบติดหรู ซึ่งอาจนำไปสู่การก่อหนี้เกินตัวได้ง่าย จากงานวิจัยของมหาวิทยาลัยมหิดล ในปี 256710 พบว่า คนไทย 1 ใน 3 นิยมใช้จ่ายเพื่อซื้อสินค้าหรู (Luxury และบริการระดับพรีเมียม อาทิ อาหารเครื่องดื่ม บัตรคอนเสิร์ต บริการเสริมความงาม ของสะสม เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดี และการยอมรับจากสังคม ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการก่อหนี้เกินตัว โดยสาเหตุมาจากความต้องการได้รับการยอมรับและได้แสดงสถานะทางสังคม

โดยเพศชายมีความต้องการโดดเด่นที่มากกว่าเพศหญิง ซึ่งสินค้าที่นิยมซื้อแบบติดหรู ได้แก่ อุปกรณ์เทคโนโลยี ขณะที่เพศหญิงนิยมซื้อสินค้ากลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม โดยกว่า 50% มีเงินออมสำหรับยามฉุกเฉินน้อยกว่า 6 เดือน ทำให้มีแนวโน้มเข้าสู่วงจรหนี้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะเมื่อเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยหรือเหตุการณ์ไม่คาดฝัน สะท้อนปัญหาการขาดความรู้ และการวางแผนทางการเงินที่เหมาะสม

2. การผลักดันให้สหกรณ์เข้าร่วมเป็นสมาชิกเครดิตบูโร จากข้อมูลของกรมส่งเสริมสหกรณ์ ในปี 2567 พบว่า สหกรณ์ทุกประเภทมีการปล่อยกู้ให้กับสมาชิกมูลค่า 1.3 ล้านล้านบาท แต่สหกรณ์ที่เป็นสมาชิกเครดิตบูโรยังมีจำนวนน้อย ทำให้การแก้ไขปัญหาหนี้สินครัวเรือนทำได้ยาก

นอกจากนี้ จากข้อมูลของเครดิตบูโร ในไตรมาสสาม ปี 2567 พบว่า หนี้เสียของลูกหนี้สหกรณ์มีการขยายตัวสูงที่สุดเมื่อเทียบกับลูกหนี้ประเภทอื่น โดยสมาชิกส่วนใหญ่ของสหกรณ์ประกอบอาชีพข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ หรือกลุ่มเกษตรกร ที่มีความเสี่ยงก่อหนี้ซ้ำซ้อนหากไม่มีวินัยทางการเงินที่ดี

โดยกรณีการเข้าร่วมเครดิตบูโรของสหกรณ์ออมทรัพย์ครูประจวบคีรีขันธ์ พบว่า สามารถปรับพฤติกรรมทางการเงิน ผ่านการให้คำปรึกษา การประเมินข้อมูลเครดิต และประสานข้อมูล กับสถาบันทางการเงินอื่น เพื่อให้สมาชิกสามารถเข้าถึงสินเชื่อที่เหมาะสมกับศักยภาพของตนเองได้

ดังนั้นการเชื่อมโยงข้อมูลกับเครดิตบูโรจึงเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่สามารถช่วยให้ประชาชนสามารถหลุดจากปัญหาหนี้สิน รวมถึง เพิ่มโอกาสการเข้าถึงสินเชื่อที่เป็นธรรม ดังนั้นภาครัฐควรผลักดันเชิงนโยบายให้สหกรณ์เข้าร่วมเป็นสมาชิกกับเครดิตบูโร เพื่อให้สามารถบริหารจัดการหนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และส่งเสริมความมั่นคงทางการเงินของประชาชนในระยะยาว

อ่านข่าว เศรษฐกิจทั่วไทย ทั้งหมด ได้ที่นี่

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...