หุ้นไทยวันนี้ แกว่งไซด์เวย์ในกรอบ 1,100-1,130 จุด ไร้ปัจจัยใหม่ จับตางบแบงก์-รายงานประชุมเฟด
หุ้นไทยวันนี้ 9 ก.ค. นักวิเคราะห์คาดแกว่งไซด์เวย์ในกรอบ 1,100-1,130 จุด ตลาดยังถูกกดดันจากมาตรการภาษีการค้าของสหรัฐ ซึ่งล่าสุดทรัมป์ ประกาศจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าทองแดงในอัตรา 50% และยา 200% แต่ยังไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจน ขณะที่ตลาดหุ้นไทยยังไม่มีปัจจัยใหม่ แนะติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 2/68 และรายงานการประชุมเฟด
9 กรกฎาคม 2568 บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ คาดตลาดแกว่งตัวไซด์เวย์มีแนวรับที่ 1,110/1,100-1,095 ส่วนแนวต้านประเมินไว้ที่ 1,122/1,128 เป็นลักษณะของการแกว่งตัวไซด์เวย์รอความชัดเจนเรื่องอัตราภาษี ตลาดทยอยรับรู้ความเสี่ยงหลังสหรัฐฯ ประกาศเก็บภาษีนำเข้าจากไทย 36% ไประดับหนึ่ง และคาดหวังโอกาสในการเจรจาเพิ่ม หลังจากที่เส้นตายเลื่อนออกไปอีก 3 สัปดาห์เป็นวันที่ 1 ส.ค. แทน
ช่วงสั้นมอง SET จะแกว่งตัวผันผวน โดยแม้มองปัจจัยการเมืองในประเทศจะยังไม่มีแรงกดดันเพิ่มในช่วงสั้น เพราะยังต้องรอผลการตัดสินขั้นสุดท้ายของศาลรัฐธรรมนูญหลังจากที่มีมติให้นายกรัฐมนตรีหยุดปฏิบัติหน้าที่ แต่ตลาดน่าจะกำลังติดตามความเสี่ยงเรื่องอัตราภาษีศุลกากรใหม่ของสหรัฐฯ ที่ประกาศเรียกเก็บจากประเทศคู่ค้าซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. โดยสำหรับไทยถูกเรียกเก็บภาษีในอัตรา 36% สูงกว่าประเทศคู่แข่งสำคัญในกลุ่มอาเซียน ซึ่งทำให้ไทยมีโอกาสสูญเสียความสามารถในการแข่งขัน
อย่างไรก็ดีเราประเมิน SET ที่บริเวณต่ำกว่า 1,100 จุด คิดเป็น PER ปี 2568 ต่ำกว่า 12 เท่า ยังเป็นจุดที่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนระยะกลาง-ยาว โดยกลยุทธ์ลงทุนคงแนะนำให้ “Selective Buy”
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล, CISA ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดดัชนีแกว่งไซด์เวย์ โดยตลาดยังถูกดันจากความกังวลด้านภาษีการค้า ทำให้นักลงทุนยังระมัดระวังการลงทุนอยู่ โดยล่าสุดนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ จะเรียกเก็บภาษีนำเข้าทองแดงในอัตรา 50% และอาจเก็บภาษีนำเข้ายาในอัตรา 200% อย่างไรก็ตามยังไม่ระบุวันที่มาตรการดังกล่าวจะมีผลยังคับใช้ ทำให้บรรยากาศการลงทุนยังไม่ค่อยดี และยังมีความไม่แน่นอนทางการค้า
ขณะเดียวกันตลาดหุ้นไทยยังไม่มีปัจจัยใหม่ โดยเมื่อวานที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย เป็นแรงกระตุ้นเก็งกำไรในหุ้นบางตัวได้ รวมทั้งเห็นชอบ ถอนร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) ลดแรงกดดันด้านการเมือง
โดยแนะติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 2/68 ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่นกลุ่มธนาคาร รวมทั้งรายงานการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันนี้
อย่างไรก็ตามมูลค่าการซื้อขายวันนี้อาจซบเซา เนื่องจากนักลงทุนอยู่ในโหมดระมัดระวัง และเป็นช่วงคาบเกี่ยววันหยุดในวันพรุ่งนี้อาจทำให้นักลงทุนชะลอการลงทุน สังเกตจากเมื่อวานนี้มูลค่าการซื้อขายหลุดระดับ 30,000 ล้านบาท พร้อมทั้งให้กรอบแนวรับ 1,110 จุด แนวรับถัดไป 1,100 จุด และแนวต้าน 1,130 จุด
บล.พาย ประเมิน SET เคลื่อนไหวในกรอบ 1,100 - 1,125 ยังไม่มีปัจจัยหนุนเชื่อว่าจากนี้จนถึงสิ้นเดือนตลาดจะยังไม่มีทิศทางที่ชัดเจนหรือระหว่างทางหากมีผลเจรจาที่พบว่าไทยเผชิญภาษีลดลงหรือใกล้เคียงกับประเทศอื่นๆอาจเป็นจิตวิทยาเชิงบวกให้กับตลาดหุ้นไทยแต่หากยังไม่มีความชัดเจนตลาดน่าจะยังเคลื่อนไหวแคบๆ
ขณะที่ต่างประเทศก็ยังไร้ปัจจัยหนุนทิศทางดอกเบี้ย เฟดก็ยังไม่มีสัญญาณผ่อนคลาย โดยตลาดให้น้ำหนักกับเจรจาการค้าแต่ก็พบว่ายังไม่มีทีท่าผ่อนคลาย ในเชิงกลยุทธ์การลงทุนอาจเลือกสะสมหุ้นปันผลดีที่กำไรมั่นคง (ไม่ผันผวนมาก) อาทิ TISCO BDMS รวมไปถึงหุ้นที่พื้นฐานดีที่เป็นผู้นำอุตสาหกรรม อาทิ CPALL CPN MINT MTC SAWAD