โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

Aftershock แผ่นดินไหว สะเทือนการท่องเที่ยวไทยช่วงสงกรานต์ ยอดบุ๊คกิ้งลด อาจสูญรายได้หมื่นล้านบ.

การเงินธนาคาร

อัพเดต 09 เม.ย. เวลา 11.17 น. • เผยแพร่ 09 เม.ย. เวลา 04.17 น.

เหตุแผ่นดินไหว ที่เกิดขึ้นคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวไทยค่อนข้างเร็วในระยะสั้น โดยมีแนวโน้มชะลอตัวในช่วงไตรมาส 2 และจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติในช่วงครึ่งหลังของปี

ดร.กมลมาลย์ แจ้งล้อม และ ปุญญภพ ตันติปิฎก นักวิเคราะห์อาวุโส ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ (SCB EIC) เผยว่า เหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ขนาด 8.2 ริกเตอร์ที่มีศูนย์กลางอยู่ที่เมียนมาในช่วงบ่ายของวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา ส่งแรงสั่นสะเทือนรุนแรงมายังหลายพื้นที่ในไทยให้ได้รับผลกระทบในวงกว้างซึ่งรวมถึงเชียงใหม่และกรุงเทพฯ ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของไทย โดยแม้ว่าสนามบินทั่วประเทศจะกลับมาใช้งานตามปกติโดยไม่มีนักท่องเที่ยวตกค้างหลังประกาศปิดให้บริการกว่า 1 ชั่วโมง รวมถึงนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ยังอยู่ในไทยส่วนใหญ่สามารถกลับเข้าที่พักได้หลังโรงแรมที่เป็นตึกสูงหลายแห่งได้รับการประเมินความปลอดภัยเบื้องต้นแล้ว แต่เหตุแผ่นดินไหวนี้ย่อมส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวต่างชาติทันทีโดยเฉพาะในช่วง 2 สัปดาห์แรกหลังเกิดเหตุ

เหตุแผ่นดินไหวเริ่มส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวไทย

สะท้อนจากตัวเลขการยกเลิกห้องพักในช่วง 2 วันหลังเหตุการณ์ของสมาคมโรงแรมไทยที่มีการยกเลิกห้องพักแล้วประมาณ 1,100 บุกกิงทั่วประเทศ โดยจากข้อมูลของผู้ประกอบการโรงแรม ห้องพักที่ถูกยกเลิกส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ อีกทั้ง การสำรวจยอดการจองห้องพักล่วงหน้าในช่วงสงกรานต์ (11-17 เมษายน 2025) ของสมาชิกสมาคมโรงแรมไทย 52 แห่ง ณ วันที่ 3 เมษายน 2025

ยังพบว่ายอดการจองห้องพักลดลงราว -25%YOY โดยชลบุรีมีการจองห้องพักลดลงสูงสุดที่ราว -67%YOY ตามด้วยกรุงเทพฯ -32%YOY สุราษฎร์ธานี -19%YOY และเชียงใหม่ -11%YOY ด้วยนักท่องเที่ยวต่างชาติยังคงอยู่ในช่วงเฝ้าระวังสถานการณ์ในไทยอย่างใกล้ชิดก่อนที่จะตัดสินใจเดินทาง

ซึ่งส่วนหนึ่งอาจมาจากรัฐบาลหลายประเทศออกประกาศแนะนำให้พลเมืองที่จะเดินทางมาไทยให้ติดตามข่าวสารในไทยอย่างใกล้ชิดและปฏิบัติตามคำแนะนำของรัฐบาลไทยอย่างเคร่งครัด ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลของสหราชอาณาจักร, สิงคโปร์ และแคนาดา อีกทั้ง รัฐบาลบางประเทศอย่างรัฐบาลไอร์แลนด์ได้ยกระดับให้ไทยเป็น ‘High degree of caution’ , รัฐบาลออสเตรเลียยกระดับไทยเป็น ‘Level 2: Exercise a high degree of caution’ และรัฐบาลมาเก๊ายกระดับไทยเป็น ‘Level 1 Travel Alert’ เพื่อให้พลเมืองที่จะเดินทางมาไทยในช่วงนี้เพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น

ในช่วงที่ผ่านมา เหตุแผ่นดินไหวในประเทศที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญในเอเชียและภัยธรรมชาติที่เคยเกิดในไทยส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวในระยะสั้นไม่เกิน 3 เดือน อ้างอิงจากข้อมูลผลกระทบด้านการท่องเที่ยวจากเหตุแผ่นดินไหวที่มีขนาดใกล้เคียงกับไทยของประเทศในเอเชียที่ผ่านมา อย่างเช่น แผ่นดินไหวขนาด 6.6 ริกเตอร์ ในฮอกไกโดของญี่ปุ่นในช่วงกันยายน 2018 ส่งผลให้นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาญี่ปุ่นลดลงกว่า 4.2 แสนคนในเดือนกันยายน หรือราว -16%MOM ซึ่งเป็นการลดลงที่สูงกว่าการลดลงเฉลี่ยของนักท่องเที่ยวตามฤดูกาล
ที่อยู่ที่ -8%MOM

อย่างไรก็ดี เหตุแผ่นดินไหวครั้งนี้ จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติสามารถฟื้นตัวกลับมาเติบโตในระดับเดิมได้ภายใน 2 เดือนเนื่องจากแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของญี่ปุ่นอย่างโตเกียว โอซากะ ไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุแผ่นดินไหว ในขณะที่เหตุแผ่นดินไหวขนาด 7.4 ริกเตอร์ที่ไต้หวันในช่วงเมษายน 2024 ส่งผลให้นักท่องเที่ยวต่างชาติหายไปราว 2 แสนคนในเดือนเมษายนหรือลดลง -25%MOM ซึ่งเป็นการลดลงที่สูงกว่าการลดลงของนักท่องเที่ยวตามฤดูกาลที่อยู่ราว -13%MOM แต่เนื่องจากเหตุแผ่นดินไหวในไต้หวันรุนแรงกว่าในญี่ปุ่น อีกทั้ง จุดที่เกิดแผ่นดินไหวห่างจากเมืองหลวงอย่างไทเปเพียง 156 กิโลเมตรจึงใช้เวลาถึงราว 3 เดือนกว่านักท่องเที่ยวต่างชาติจะกลับมาเติบโต
ในระดับเดิมได้

สำหรับในไทย ภัยธรรมชาติที่เคยเกิดขึ้นอย่างเหตุการณ์สึนามิในช่วงปลายเดือนธันวาคม 2004 ที่สร้างผลกระทบในพื้นที่ 6 จังหวัดภาคใต้ ได้แก่ ภูเก็ต พังงา ระนอง กระบี่ ตรัง และสตูล ได้ส่งผลให้นักท่องเที่ยวต่างชาติลดลงราว 2.9 แสนคนในเดือนมกราคม 2005 หรือราว -26%MOM ซึ่งสวนทางจากภาวะปกติที่นักท่องเที่ยวต่างชาติในเดือนมกราคมจะเติบโตราว 2%-4%MOM ซึ่งเหตุการณ์นี้นักท่องเที่ยวต่างชาติสามารถฟื้นตัวกลับมาเติบโตในระดับเดิมได้ภายใน 3 เดือน ส่วนเหตุอุทกภัยครั้งใหญ่ในช่วงปลายปี 2011 ซึ่งพื้นที่กรุงเทพฯ ก็ได้รับผลกระทบในครั้งนั้นด้วยส่งผลให้นักท่องเที่ยวต่างชาติลดลงราว 1.3 แสนคนในเดือนพฤศจิกายนหรือราว -9%MOM ซึ่งสวนทางจากภาวะปกติ
ที่นักท่องเที่ยวต่างชาติจะเติบโตราว 10%-12%MOM ด้วยเช่นกัน แต่เหตุอุทกภัยครั้งนี้นักท่องเที่ยวต่างชาติสามารถฟื้นกลับมาเติบโตได้ภายในเวลา 2 เดือน

แม้ว่าเหตุแผ่นดินไหวในไทยจะไม่รุนแรงเท่ากับในฮอกไกโดและไต้หวัน หรือเหตุสึนามิที่ผ่านมา แต่คาดว่าจะส่งผลให้นักท่องเที่ยวต่างชาติในปีนี้ลดลงราว 2แสน - 7 แสนคนตลอดระยะเวลาฟื้นตัว โดยผลกระทบจะแตกต่างกันใน 3 กรณี ซึ่งทาง SCB EIC ประเมินผลกระทบเบื้องต้นจากเหตุแผ่นดินไหวต่อภาคการท่องเที่ยวไทย ณ วันที่ 1 เมษายน 2025 ไว้ 3 กรณี ได้แก่ Better case, Base case และ Worse case โดยผลกระทบที่เกิดขึ้นในแต่ละกรณีจะประเมินภายใต้กรอบแนวทาง ดังนี้

1. การลดลงของนักท่องเที่ยวต่างชาติในเดือนเมษายน 2025 ที่สูงกว่าการลดลงเฉลี่ยตามฤดูกาลท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวต่างชาติในเดือนเมษายนในช่วงปี 2023-2024 ซึ่งอยู่ที่ราว -6%MOM และ 2. ระยะเวลาการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งจะส่งผลให้นักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 2025 ลดลงจากประมาณการเดิมที่ 38.2 ล้านตามสมมติฐานในแต่ละกรณี อย่างไรก็ดี ภาคการท่องเที่ยวยังมีโอกาสฟื้นตัวได้เร็วขึ้นหากภาครัฐเร่งออกมาตรการเพื่อเรียกความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวต่างชาติให้กลับคืนมาได้เร็ว โดยประมาณการนักท่องเที่ยวต่างชาติในปีนี้เดิมจะถูกปรับหลังสถานการณ์ท่องเที่ยวมีความชัดเจนมากขึ้น

กรณีที่ 1 Better case: นักท่องเที่ยวต่างชาติในเดือนเมษายนลดลงราว -9%MOM และใช้เวลาฟื้นตัวราว 2 เดือน ส่งผลให้นักท่องเที่ยวต่างชาติปี 2025 ลดลงจากประมาณการเดิมราว 1.95 แสนคนตลอดระยะเวลาฟื้นตัว สูญเสียรายได้จากค่าใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติไปราว 9.53 พันล้านบาท

กรณีที่ 2 Base case: นักท่องเที่ยวต่างชาติในเดือนเมษายนลดลงราว -12%MOM และใช้เวลาฟื้นตัวราว 3 เดือน ส่งผลให้นักท่องเที่ยวต่างชาติปี 2025 ลดลงจากประมาณการเดิมราว 4.2 แสนคนตลอดระยะเวลาฟื้นตัว สูญเสียรายได้จากค่าใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติไปราว 2.06 หมื่นล้านบาท

กรณีที่ 3 Worse case: นักท่องเที่ยวต่างชาติในเดือนเมษายนลดลงราว -15%MOM และใช้เวลาฟื้นตัวราว 4 เดือน ส่งผลให้นักท่องเที่ยวต่างชาติปี 2025 ลดลงจากประมาณการเดิมราว 6.8 แสนคนตลอดระยะเวลาฟื้นตัว สูญเสียรายได้จากค่าใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติไปราว 3.30 หมื่นล้านบาท

การเร่งสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติและการออกมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวหลังเหตุแผ่นดินไหวจะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้ภาคท่องเที่ยวกลับมาเติบโตในระดับปกติได้เร็ว

การเร่งสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติจะช่วยให้นักท่องเที่ยวต่างชาติกลับมาท่องเที่ยวในไทยได้เร็วขึ้น โดยภาครัฐควรเร่งตรวจสอบความปลอดภัยของโรงแรมและแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นอาคารสูงอย่างละเอียดไม่เพียงเฉพาะในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุแผ่นดินไหวอย่างกรุงเทพฯและเชียงใหม่ แต่ควรตรวจสอบความปลอดภัยของอาคารสูงทั่วประเทศ พร้อมกับการประชาสัมพันธ์เชิงรุกเพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจและความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยวต่างชาติว่าอาคารสูงในประเทศไทยต้องผ่านมาตรฐานการออกแบบอาคารต้านทานแผ่นดินไหว (มยผ.1301/1302-61) ของกรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย ซึ่งมีศักยภาพรองรับแรงสั่นสะเทือน และมีมาตรฐานใกล้เคียงกับระดับสากล รวมถึงการเข้าถึงข้อมูลอาคารที่ผ่านการตรวจสอบความปลอดภัยแล้ว โดยภาครัฐอาจพิจารณาออกตราสัญลักษณ์หรือเครื่องหมายรับรองอาคารเพื่อช่วยในการสื่อสารข้อมูลให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติได้เข้าใจง่ายขึ้น

นอกจากนี้ ภาครัฐควรเร่งพัฒนาระบบแจ้งเตือนภัยฉุกเฉินที่สามารถแจ้งเตือนเหตุกับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยได้อย่างทันท่วงทีเพื่อให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเตรียมพร้อมรับมือกับเหตุฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างเหมาะสมและยังสามารถเป็นอีกหนึ่งช่องทางสำคัญในการแจ้งข่าวสารให้นักท่องเที่ยวต่างชาติได้รับข้อมูลข่าวสารจากภาครัฐได้อย่างรวดเร็ว

นอกจากนี้ การออกมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจการท่องเที่ยวให้เดินหน้าต่อไปได้ เนื่องจากการเรียกความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวต่างชาติให้กลับคืนมาอาจจะต้องใช้เวลากว่านักท่องเที่ยวต่างชาติจะเติบโตได้ในระดับเดิม ดังนั้น การออกมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศให้ทันต่อสถานการณ์ เช่น โครงการเราเที่ยวด้วยกัน จะช่วยลดผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวจากการชะลอตัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติ อีกทั้ง ยังมีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศได้อีกทางหนึ่งด้วย (เพิ่มเติม…)

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...