โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

รู้ไว้ก่อนดู "The Crown" ซีซั่น 5 ทศวรรษแห่งหายนะ ความร้าวฉาน วิกฤตศรัทธาราชวงศ์

ศิลปวัฒนธรรม

อัพเดต 07 พ.ย. 2565 เวลา 10.35 น. • เผยแพร่ 07 พ.ย. 2565 เวลา 10.35 น.
ภาพโปรโมท The Crown Season 5 (ภาพจาก The Crown, Facebook)

เดอะ คราวน์ (The Crown) ซีรีส์จากเน็ตฟลิกซ์ (Netflix) ที่บอกเล่าเรื่องราวของราชวงศ์วินด์เซอร์แห่งอังกฤษ ถือเป็นหนึ่งในซีรีส์ที่ประสบความสำเร็จและได้รับเสียงตอบรับอย่างล้นหลาม ซึ่งเวลานี้ได้เดินทางมาถึงซีซั่นที่ 5 แล้ว จากซีซั่นก่อนหน้านี้ที่เรียกเสียงฮือฮาจากผู้ชมไปไม่น้อยหลังการปรากฏตัวของ ไดอาน่า เจ้าหญิงแห่งเวลส์ (Diana, Princess of Wales) ผู้มีบทบาทสำคัญและจะเป็นผู้ดำเนินเรื่องหลักของซีซั่นใหม่ที่มีการปล่อยตัวอย่างทางการไปเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2022 พร้อมประกาศวันพรีเมียร์ตอนแรกวันที่ 9 พฤศจิกายน 2022 ที่จะถึงนี้

The Crown คือซีรีส์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเหตุการณ์จริงในประวัติศาสตร์ เส้นเรื่องหลักคือการถ่ายทอดชีวิตของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 (Queen Elizabeth II) ประมุขแห่งสหราชอาณาจักรพระองค์ก่อน โดยซีรีส์นำเสนอทั้งชีวิตส่วนพระองค์ตั้งแต่ก่อนขึ้นครองราชย์และเหตุการณ์ต่าง ๆ ตลอดยุคสมัยอันยาวนานในราชบัลลังก์ของพระองค์

แม้ซีซั่นที่ผ่านมา The Crown จะนำเสนอเนื้อหาบางตอนที่บางฝ่ายมองว่ามีความหมิ่นเหม่จนเกิดเป็นกระแสโต้กลับ ถึงขั้นมีการเรียกร้องให้ทีมงานผู้สร้างซีรีส์ออกมาให้ข้อมูลหรือข้อเท็จจริงว่าเนื้อหาส่วนใดจริงและส่วนใดเป็นการแต่งเติมขึ้นใหม่ อย่างไรก็ตาม เป็นที่ทราบกันว่าทีมผู้สร้างเคยชี้แจงไปก่อนหน้านี้แล้วว่าซีรีส์ The Crown นั้นมีการแต่งเติมเสริมเนื้อเรื่องบางส่วนเพื่อให้การดำเนินเรื่องมีความเข้มข้นน่าติดตาม

ทาง Netflix และทีมงานผู้สร้างซีรีส์จึงยืนยันที่จะไม่พยายามอธิบายประเด็นเรื่องข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเนื้อหาของซีรีส์ พร้อมยืนยันจุดยืนว่า “เราเชื่อว่าผู้ชมจะสามารถแยกแยะได้เองว่า ส่วนใดคือเรื่องจริง และส่วนใดคือเรื่องแต่ง”

สำหรับ The Crown ซีซั่น 5 นี้ นักแสดงหลักของเรื่องถูกเปลี่ยนตัวจากซีซั่นก่อน ๆ เพราะตัวละครที่สวมบทบาทย่อมมีอายุมากขึ้นเรื่อย ๆ และทีมผู้สร้างต้องการความสมจริงระหว่างการดำเนินเนื้อเรื่อง ซีซั่นนี้จึงเป็นอีกครั้งที่มีการเปลี่ยนถ่ายทีมนักแสดงชุดหลัก

นักแสดงในบทบาทสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ซึ่งเป็นตัวละครหลักของซีรีส์รับบทโดย อิเมลดา สทอนตัน (Imelda Staunton) ผู้ตีบทแตกจนคนเกลียดทั่วบ้านทั่วเมืองมาแล้วจากภาพยนตร์เรื่อง แฮรี่ พอตเตอร์ (Harry Potter) ในบทบาท โดโลเรส อัมบริดจ์ (Dolores Umbridge) และผลงานจากภาพยนตร์เรื่อง Vera Drake ที่เคยถูกเสนอชื่อเข้าชิงออสการ์มาแล้วเมื่อปี 2004 เธอเคยให้สัมภาษณ์ว่า การได้ร่วมงานกับซีรีส์นี้ในบทบาทของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 นับเป็นเกียรติในชีวิตการแสดงของเธออย่างยิ่ง และเธอหวังว่าจะทำมันให้สมบูรณ์แบบ

ส่วนตัวละครสำคัญอื่น ๆ เช่น เอลิซาเบธ เดบิกกี (Elizabeth Debicki) ในบทบาท ไดอานา เจ้าหญิงแห่งเวลส์ เป็นนักแสดงจากภาพยนตร์เรื่องดังอย่าง TENET, โดมินิก เวสต์ (Dominic West) จากเรื่อง Downton Abbey: A New Era ในบทบาท เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ หรือปัจจุบันคือ พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 (King Charles III) กษัตริย์อังกฤษพระองค์ปัจจุบัน และเลสลีย์ แมนวิล (Lesley Manville) ในบทบาท เจ้าหญิงมาร์กาเร็ต พระขนิษฐา (น้องสาว) ของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แต่ละคนล้วนเป็นนักแสดงมากความสามารถที่มาสมทบสร้างความเข้มข้นให้กับซีรีส์

เหตุการณ์สำคัญที่จะถูกเล่าในซีซั่นนี้

สำหรับ The Crown ซีซั่น 5 จะพาผู้ชมย้อนกลับไปในช่วงทศวรรษที่ 1990 เมื่อราชวงศ์พบมรสุมครั้งใหญ่ที่สุด นั่นคือการพิสูจน์ความสำคัญของสถาบันกษัตริย์แห่งอังกฤษ เมื่อเจ้าหญิงไดอาน่าและเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ (Prince Charles) ดยุกแห่งเวลส์ เริ่มทำสงครามสื่อ รอยร้าวในราชวงศ์จึงเริ่มปรากฏแก่สาธารณชนชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ผู้คนถกเถียงกันเรื่องบทบาทและการวางตัวของราชวงศ์

ในตอนต้นตัวอย่างเป็นภาพไฟไหม้ปราสาทแห่งหนึ่ง นั่นคือเหตุการณ์เพลิงไหม้ปราสาทวินด์เซอร์ ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน ปี 1992 ไฟไหม้เริ่มขึ้นและลุกลามอย่างรวดเร็วจากโบสถ์เล็กของสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียก่อนจะลามขึ้นไปยังหลังคา ทีมดับเพลิงต้องใช้เวลานานถึง 15 ชั่วโมงเพื่อทำให้เพลิงสงบ เป็นผลให้โบสถ์เล็ก เพดานห้องโถงเซนต์จอร์จ ห้องโถงรับรองขนาดใหญ่ ห้องเลี้ยงรับรองอาหาร และห้องนั่งเล่นสีแดงเลือดหมูได้รับความเสียหาย คิดเป็นมูลค่าความเสียหายกว่า 37 ล้านปอนด์

การซ่อมแซมพระราชวังวินด์เซอร์เริ่มขึ้นทันที โดยมี เจ้าชายฟิลลิป ดยุกแห่งเอดินบะระ (Prince Philip, Duke of Edinburgh) พระสวามีของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 เป็นประธานคณะกรรมการบูรณะ การซ่อมแซมใช้เวลากว่า 5 ปี ระหว่างนั้นมีการเปิดพระราชวังบักกิงแฮม ปราสาทที่มีอายุหลายศตวรรษของราชวงศ์ให้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวประจำฤดูร้อนที่ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าไปชมได้เมื่อปี 1993 เพื่อนำรายได้มาเป็นทุนสำหรับการบูรณะครั้งใหญ่นี้

ตัวอย่างยังเผยเรื่องราวความขัดแย้งภายในราชวงศ์ของคู่เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์กับเจ้าหญิงไดอาน่า ก่อนมีการแยกย้ายกันอยู่ในเดือนธันวาคมของปี 1992 ซึ่งทำให้เกิดคำถามจากสื่อมวลชนว่า “ข่าวฉาวของราชวงศ์ทำลายชื่อเสียงของประเทศหรือไม่” และน่าจะรวมถึงชีวิตหลังการสมรสของเหล่าพระราชโอรสและพระราชธิดาอีก 2 พระองค์ ซึ่งล้วนประสบปัญหาและมีการแยกทางเช่นกัน คือ เจ้าชายแอนดรูว์และซาราห์ เฟอร์กูสัน ดยุกและดัชเชสแห่งยอร์ก และการอย่าร้างของเจ้าหญิงแอนน์ กับมาร์ก ฟิลลิปส์ โดย 2 เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นไล่เลี่ยกันระหว่างเดือนมีนาคมและเมษายนของปี 1992 ทั้งสิ้น

การกล่าวสุนทรพจน์ส่งท้ายปี 1992 ของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ยังมีข้อความสำคัญที่พระองค์เคยตรัสเอาไว้ว่า “ปี 1992 คือปีที่ข้าพเจ้าจะไม่หันกลับมามองด้วยความปิติยินดี และคำที่ข้าพเจ้าจะสามารถเลือกสรรมาอธิบายเรื่องราวของปีนี้ได้ก็มีเพียง ‘Annus Horribilis’ (ภาษาละติน แปลว่า ปีแห่งหายนะ – ผู้เขียน) ซึ่งข้าพเจ้าคิดว่าทุกคนในที่นี่ก็คงคิดไม่ต่างกัน” ซึ่งการเลือกใช้คำว่า “Annus Horribilis” ของพระองค์ถือว่าสร้างเสียงฮือฮาให้กับสื่อมวลชนทั่วโลกไม่น้อย เพราะนี่คือการเผยถึงพระหทัยที่อ่อนล้าและเหนื่อยหน่ายของประมุขแห่งอังกฤษ

แน่นอนว่าเรื่องช็อกโลกที่สุดในวิกฤตราชวงศ์ที่ถูกนำเสนอผ่านวลีในตัวอย่างซีรีส์ด้วยข้อความว่า “จุดเริ่มต้น ของจุดจบ” ย่อมถูกเน้นไปที่ความร้าวฉานเกินเยียวยาระหว่างเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์กับเจ้าหญิงไดอาน่า จะเห็นว่าเนื้อหาหลักของตัวอย่างดังกล่าวเผยถึงความเหินห่างและความขัดแย้งของทั้งคู่ที่ทวีความเดือดดาลขึ้นเรื่อย ๆ ท่ามกลางจับจ้องของสื่อมวลชนและประชาชนชาวอังกฤษ

โปสเตอร์อย่างเป็นทางการที่ปรากฏเป็นภาพของเจ้าหญิงไดอาน่ากับเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ ที่อยู่ขอบเฟรมด้านซ้าย-ขวาและไม่อยู่ในโฟกัส โดยมีด้านหลังตรงกลางภาพเป็นสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 (อิเมลดา สทอนตัน) ยืนหยัดอยู่ในลักษณะที่จงใจสะท้อนถึงสถานภาพของพระองค์ในฐานะศูนย์กลางของครอบครัวหรือพระราชวงศ์ท่ามกลางความห่างเหินนี้ เรื่องราวนี้ถูกทั่วโลกจับตามองยิ่งขึ้นเมื่อสำนักพระราชวังออกแถลงการณ์การแยกทางของทั้งคู่ในปี 1996 ก่อนเกิดโศกนาฏกรรมการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถชนของเจ้าหญิงไดอาน่าในปีต่อมา

จึงน่าสนใจทีเดียวว่า ทีมผู้สร้างซีรีส์จะถ่ายทอดเนื้อเรื่องที่ละเอียดอ่อนนี้อย่างไร เพราะการนำเสนอเหตุการณ์นี้จะส่งผลต่อภาพลักษณ์ของราชวงศ์อังกฤษ โดยเฉพาะพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 กษัตริย์พระองค์ปัจจุบันอย่างแน่นอน

Vogue UK ได้เสนอข้อมูลไว้เมื่อต้นปี 2021 ว่าปีเตอร์ มอร์แกน (Peter Morgan) ผู้กำกับซีรีส์ได้ขอคำปรึกษาจากทีมงานเขียนบทของภาพยนต์เรื่อง The Queen ที่เคยนำเสนออุบัติเหตุสะเทือนโลกครั้งนี้เป็นฉบับภาพยนตร์เมื่อปี 2006 อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าผู้กำกับและทีมผู้สร้างต้องทำงานอย่างหนักเพื่อนำเอาทฤษฎีทั้งหลายที่เกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของเจ้าหญิงไดอาน่ามาตีแผ่และเปิดเผยอีกครั้งผ่านซีรีส์แบบหมดเปลือกมากที่สุดเท่าที่พวกเขาจะทำได้

อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณาจากแนวทางของผู้กำกับที่วางไว้ว่า The Crown ซีซั่น 6 ซึ่งเป็นบทส่งท้ายของซีรีส์จะสิ้นสุดที่ยุค 2000 จึงมีแนวโน้มว่าซีซั่น 5 นี้อาจจะจบที่เหตุการณ์ราว ๆ กลางทศวรรษ 1990 หรือก่อนปี 1996 ทั้งนี้ต้องรอชมกันอีกครั้งว่าซีรีส์จะนำผู้ชมไปถึงเหตุการณ์ ณ ช่วงเวลาใด

เดอะ คราวน์ (The Crown) ซีซั่น 5 ตัวอย่างซีรีส์อย่างเป็นทางการ โดย Netflix Thailand

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่

อ้างอิง :

ERICA GONZALES, BIANCA BETANCOURT AND QUINCI LEGARDYE, Bazaar : The Crown Season 5: What We Know So Far

Peeranat Chansakoolnee, VOGUE TH : ‘1992’ ปีแห่งหายนะของราชวงศ์วินด์เซอร์ ยุคสมัยอันตกต่ำที่ควีนเอลิซาเบธฯ ไม่อยากหันกลับมามอง

RADHIKA SETH AND KERRY MCDERMOTT, VOGUE : Elizabeth Debicki Is A Dazzling Princess Diana In The Crown Season 5

เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 7 พฤศจิกายน 2565

youtube
ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...