เจ้าหญิงภูฏาน ทอดพระเนตรแฟชั่นกูตูร์สัญชาติไทย เซเลบฯ แถวหน้าร่วมงานคับคั่ง
เจ้าหญิงภูฏาน ทอดพระเนตรแฟชั่นกูตูร์สัญชาติไทย แบรนด์ลาสเทล เซเลบฯ แถวหน้าร่วมงานคับคั่ง
หลังจากสร้างชื่อเสียงให้วงการแฟชั่นไทยได้โด่งดังในระดับโลกอย่างงดงามมากว่า 2 ปี สำหรับแบรนด์แฟชั่นและชุดเจ้าสาวชั้นนำ ที่โดดเด่นด้วยเอกลักษณ์การตัดเย็บในระดับกูตูร์อย่าง“ลาสเทล” (L’Astelle) ซึ่งกำลังโลดแล่นและน่าจับตามองเป็นอย่างมาก ตั้งแต่ผลงานแฟชั่นโชว์เปิดตัวแบรนด์ครั้งแรกที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อปี 2020 ที่ได้รับเสียงชื่นชมจากเหล่าคนแฟชั่นอย่างท่วมท้นเกี่ยวกับผลงานการออกแบบลายปักอันเป็นเอกลักษณ์ อีกทั้งยังขึ้นแท่นแบรนด์โปรดของเหล่าเจ้าหญิง ราชนิกุล และคนดังระดับโลกมาแล้วมากมาย
ล่าสุด เจน-ทิพย์วิภา กิตติ์อัครานนท์ ดีไซน์เนอร์ฝีมือเฉียบและผู้ก่อตั้ง “ลาสเทล” (L’Astelle) ได้จัดงานแฟชั่นโชว์ครั้งยิ่งใหญ่ ครั้งแรกในเมืองไทย โดยได้รับเกียรติจากเหล่าคนดังเข้าร่วมงานกันอย่างคับคั่ง พร้อมอวดโฉมผลงานการดีไซน์อันประณีตบรรจงในคอลเลกชั่นกูตูร์ล่าสุดที่ชื่อว่า “ทราแว๊กเซ่ เลอ ตองค์” (Traveree le temps) จากแรงบันดาลใจอันงดงามเกี่ยวกับการเดินทางท่องเที่ยวผ่านกาลเวลาที่หยิบยกมาจากบทกวีของ ลินดา ปาสแตน (Linda Pastan) ถ่ายทอดสู่ผลงานอาภรณ์อันเป็นเอกลักษณ์ ที่พร้อมอวดโฉมให้ได้รับชมกันอย่างใกล้ชิด
โดยในงานได้รับเกียรติจาก เจ้าหญิงเคซัง โชเดน วังชุก แห่งภูฏาน (Royal Highness Kesang Choden Wangchuck) ที่เสด็จเยือนเมืองไทยเพื่อเข้าร่วมงานแฟชั่นโชว์ครั้งนี้โดยเฉพาะ รวมถึงเหล่าเซเลบริตี้แถวหน้าของเมืองไทยที่ตบเท้าเข้าร่วมงานกันอย่างคับคั่ง อาทินวลพรรณ ล่ำซำ, ศีกัญญา ศักดิเดช ภาณุพันธ์, พลอยวารินทร์ ทรงปกรณ์, ซอนญ่า สิงหะ, ธีรวัลคุ์ เตชะอุบล, สุรัชนี ลิ่มอติบูลย์, คณชัย-วรรณา เบญจรงคกุล, เมลนีย์ อยู่วิทยา, แพรวปรียา ชุมสาย ณ อยุธยา, อุราภา มาลีนนท์, วราวุธ-อภิชา เลาหพงศ์ชนะ, สองใหญ่ อินศรีเชียงใหม่, จันทมน แย้มพันธุ์, เบญจวรรณ บวรวิศิษฎ์กุล, พญ.ณัฐฐามณี สิริภคพันธ์, อุทุมพร จุลอุทัย, ลลิสา-วินิตา ศรีชวลา, ปภัสรินทร์ สิริอัคราวิชญ์, ภาคิน ภู่ประเสริฐ นักแสดงสาวชื่อดัง แอน ทองประสม และอีกมากมาย
“ลาสเทล” (L’Astelle) แบรนด์แฟชั่นและชุดเจ้าสาวระดับกูตูร์สัญชาติไทย ก่อตั้งขึ้นในปี 2019 โดย เจน-ทิพย์วิภา กิตติ์อัครานนท์ หญิงสาวผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จ ที่พกพาดีกรีทางด้านดีไซน์จาก London College of Fashion และเก็บเกี่ยวประสบการณ์การร่วมงานกับแบรนด์โอต์ กูตูร์ (Haute couture) ระดับโลกมากมาย จึงทำให้เธอตกผลึกว่างานแฟชั่นชั้นสูงนั้นเปรียบเสมือนงานศิลปะชิ้นหนึ่งที่มีคุณค่ามากกว่าการเป็นแค่เสื้อผ้า ส่งผลให้ “ลาสเทล” (L’Astelle) เป็นแบรนด์ที่มีความปราณีตและพิถีพิถัน จากการสร้างสรรค์อาภรณ์ชิ้นพิเศษสำหรับผู้สวมใส่โดยเฉพาะ (Custom made) ซึ่งสามารถส่งเสริมจุดเด่นและปกปิดจุดที่ไม่มั่นใจให้กับหญิงสาวผู้สวมใส่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ผ่านดีไซน์ที่มีความเรียบโก้ หรูหรา และคลาสสิก จากการออกแบบลายปักอันเป็นเอกลักษณ์ พร้อมฝีมืองานปักจากประเทศฝรั่งเศส โดยช่างผู้เชี่ยวชาญที่มีประการณ์กว่า 30 ปี ด้านงานโอต์ กูตูร์ (Haute Couture) ด้วยวัสดุคุณภาพสูงที่คัดสรรจากเมืองที่ดีที่สุดจากทั่วทุกมุมโลก
สำหรับผลงานอันโดดเด่นที่ผ่านมานั้น “ลาสเทล” (L’Astelle) ถือว่าเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่เหล่าคนดังระดับโลกมากมายเลือกสวมใส่ในโอกาสพิเศษอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็น เลดี้ คิตตี้ สเปนเซอร์ (Lady Kitty Spencer) หญิงสาวจากตระกูลขุนนางชั้นสูงอันเก่าแก่ของประเทศอังกฤษ ผู้ซึ่งเป็นหลานสาวของเจ้าหญิงที่ครองใจคนทั้งโลกอย่างเจ้าหญิงไดอาน่า Princess of Wales, เจ้าหญิงมาเรีย-โอลิมเปีย แห่งกรีซและเดนมาร์ก (Princess Maria-Olympia of Greece and Denmark) หลานสาวของ Constantine II of Greece and Anne-Marie of Denmark King and Queen of the Hellenes,
ดอนนา เบียงก้า แบรนโดลินี (Donna Bianca Brandolini) ธิดาของท่านเคานต์แห่ง Valmaren กับ Princess Georgina Maria Natividad de Faucigny- Lucinge et Coligny แห่งบราซิล, เจ้าหญิงเคซัง โชเดน วังชุกแห่งภูฏาน (Royal Highness Kesang Choden Wangchuck) พระราชธิดาในสมเด็จพระราชาธิบดี Jigme Singye Wangchuck และพระขนิษฐาต่างพระชนนี ในสมเด็จพระราชาธิบดี Jigme Khesar Namgyel Wangchuck และนิกกี้ ฮิลตัน รอธไชล์ด (Nicky Hilton Rothschild) สาวสังคมชั้นสูงที่มีสไตล์ดูดีเสมอเมื่อปรากฏกายในที่สาธารณะ
เจน-ทิพย์วิภา กิตติ์อัครานนท์ กล่าวถึงจุดเด่นของแบรนด์ “ลาสเทล” (L’Astelle) และแนวคิดหลักในการออกแบบคอลเลกชั่นนี้ว่า “แบรนด์ของเราจะเน้นงานดีไซน์ที่เรียบโก้ แต่เพิ่มลูกเล่นให้กับชุดด้วยงานปักประดับที่ได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถัน ด้วยเทคนิคงานปักที่มีชื่อเสียงโด่งดังจากประเทศฝรั่งเศส รวมถึงการใช้แมททีเรียลที่มีคุณภาพอย่างขนนกกระจอกเทศที่ดีที่สุดจากประเทศอังกฤษ และการคัดเลือกเนื้อผ้าซึ่งเราใช้แมททีเรียลส่วนใหญ่จากฝรั่งเศส อิตาลี และอังกฤษทั้งหมด ซึ่งจะส่งปักที่โรงปักเดียวกับแบรนด์โอต์ กูตูร์ระดับโลกเท่านั้น ใช้ช่างที่มีประสบการณ์ปักแบบละเอียดปราณีตทุกฝีเข็ม จึงทำให้ชุดของเราสามารถช่วยขับเน้นรูปร่างของหญิงสาวผู้สวมใส่ได้เป็นอย่างดี โดยความพิเศษของคอลเลกชั่นนี้คือจะเป็นชุดราตรีออกงานแบบ Made to order ทั้งหมด
ชุดแต่ละชิ้นในคอลเลกชั่นจะมีดีไซน์ที่ไม่ซ้ำกันเลย ซึ่งเราได้รับแรงบันดาลใจจากบทกวีของลินดา ปาสแตน (Linda Pastan) เกี่ยวกับการที่เราได้ใช้เวลาอยู่กับตัวเองแล้วปล่อยให้จินตนาการได้โลดแล่นไปกับกาลเวลา ย้อนนึกถึงเรื่องราวและประสบการณ์ต่างๆ ที่สั่งสมมา กระทั่งเกิดเป็นความคิดใหม่ที่ไม่มีขอบเขตจำกัด ซึ่งเราได้ตั้งคำถามกับตัวเองว่าหากได้เดินทางไปเยือนสถานที่ใดที่หนึ่ง เราอยากจะใส่ชุดแบบไหน อยากออกแบบชุดสไตล์ไหนให้กับผู้หญิงของลาสเทล (L’Astelle) ดังนั้นชุดที่ถูกออกแบบขึ้นมาในครั้งนี้ได้สะท้อนออกมาจากจินตนาการของเราที่นำเสนอผ่านเรื่องราวต่างๆนั่นเอง”
สำหรับคอลเลกชั่น “ทราแว๊กเซ่ เลอ ตองค์” (Traversee le temps) ที่ “ลาสเทล” (L’Astelle) ใช้เวลากว่า 2 ปี ในการสร้างสรรค์ผลงานโดยสื่อสารอารมณ์ของบทกวีผ่านคอลเลกชั่นกูตูร์ในซิลลูเอทที่มีความงดงามเหนือกาลเวลาและในขณะเดียวกันก็ยังคงความโก้หรู สง่างาม เอาไว้ได้อย่างน่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็น ลุคสำหรับหญิงสาวที่ชอบความโก้หรูกับงานปักลูกไม้ลายดอกไม้สีดำที่เพิ่มความหรูหราด้วยคริสตัลสีทองอ่อน ลูกปัดแก้วสีทอง และด้ายเมทัลลิก พร้อมเพิ่มความโดดเด่นให้กับชุดด้วยการปักดอกไม้ 3 มิติลงไปอย่างปราณีตบรรจง อีกทั้งยังมีเดรสลูกไม้ทรงหางปลาสีขาว ปักประดับด้วยไข่มุกสีขาวนวลและลูกปัดแก้ว ต่อมาที่เดรสชีฟองยาวเต็มตัวในโทนสีเขียวอ่อน
พร้อมเทคนิคงานปักชั้นสูงจากการใช้หินเพอริดอท (Peridot Stones) ลูกปัดแก้ว และขนนกกระจอกเทศสีเขียวอ่อน ปักเข้าด้วยกันได้อย่างงดงาม รวมถึงค็อกเทลเดรสผ้าไหมปักมือด้วยขนนก (Coque Feathers) สีชมพูอ่อนและคริสตัล นอกจากนี้ยังมีเสื้อคลุมไหมพรมประดับด้วยลูกปัดแก้วสีทองอ่อนและหินไหม (Silk Stones) สีอ่อนในดีไซน์ที่วิจิตรบรรจง สำหรับโทนสีของคอลเลกชั่นนี้ทางทีมดีไซน์ได้เพิ่มความสดใสและสนุกมากขึ้นด้วยการใช้สีพาสเทลเข้ามาประกอบการออกแบบ รวมถึงโทนสีเบสิกประจำแบรนด์อย่างสีทอง สีครีม และสีดำ ที่สามารถสร้างมีความคลาสสิกเหนือกาลเวลา